- Entertainment
โรงเรียน วัยรุ่น พลังพิเศษ…The Gifted ซีรีส์ไทยที่กล้าตั้งคำถามกับอำนาจในสังคม
By DiamondP • on Nov 01, 2018 • 3,993 Views
ซีรีส์วัยรุ่น อาจไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับวงการบันเทิงประเทศไทย ตั้งแต่ยุคของฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้กับซีรีส์วัยรุ่นที่ตีแผ่สังคมได้หวือหวาที่สุดเรื่องหนึ่งอย่าง เด็กใหม่ กับการสร้างกระแส #แนนโน๊ะ ให้โด่งดังไปทั่วประเทศ ในอีกมุมหนึ่งก็ยังมีซีรีส์วัยรุ่นที่นำเสนอในรูปแบบที่เราไม่สามารถพบได้บ่อยนัก หน้าฉากอาจไม่หวือหวา แต่ตัวแก่นเรื่องและเนื้อเรื่องนั้นค่อนข้างหนักหน่วง และวิพากษ์สังคมในภาพกว้าง ผ่าน 3 สิ่งคือ โรงเรียน, วัยรุ่น และพลังพิเศษ ใช่แล้ว…เรากำลังพูดถึง
The Gifted นักเรียนพลังกิฟต์
ว่ากันว่าโรงเรียนคือภาพจำลองของสังคม ที่นอกจากจะเป็นสถานที่บ่มเพาะให้ความรู้แล้ว ยังเป็นสถานที่ที่เตรียมพร้อมบุคคลให้สามารถออกไปใช้ชีวิตในอนาคตได้ในฐานะพลเมืองที่ดีคนหนึ่ง ซึ่งในแต่ละโรงเรียนก็จะมีการแบ่งนักเรียนออกเป็นหลาย ๆ กลุ่มตามความสามารถ เพื่อมุ่งเน้นพัฒนาพวกเขาให้เติบโตได้ในทางของตัวเอง แต่เมื่อมีนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษโดดเด่นกว่าใคร พวกเขาจะถูกเลือกให้เข้าสู่ “ห้องกิฟต์” ห้องสำหรับนักเรียนที่มี “ศักยภาพ” พิเศษเหนือกว่าคนอื่น นั่นอาจนำไปสู่การพัฒนาเหนือกว่า แต่อีกด้านมันสามารถนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำที่ไม่อาจถมกลับให้เท่ากันได้ดังเดิม
นักเรียนห้องกิฟต์ของซีรีส์เรื่องนี้มองเผิน ๆ แล้วก็ไม่ได้แตกต่างจากห้องกิฟต์ในโรงเรียนต่าง ๆ ที่มีอยู่จริง ห้องเรียนที่เต็มไปด้วยเด็กหัวกะทิระดับต้น ๆ ของโรงเรียน แต่สิ่งที่ทำให้นักเรียนห้องกิฟต์ในซีรีส์เรื่องนี้พิเศษกว่าที่ไหน ๆ คือ พวกเขามีพลังพิเศษ หรือที่ในเรื่องใช้คำว่า “ศักยภาพ” ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า, ทำให้สิ่งของหรืออะไรก็ตามหายไปได้, ความสามารถในการมองเห็นอดีต หรือกระทั่งความสามารถในการควบคุมความคิดและจิตใจของผู้อื่น
…อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงอาจจะคิดว่า นี่มันก็ไม่ต่างจากซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่จากต่างชาติที่เคยดูมาเลยไม่ใช่เหรอ? มันอาจจะจริงที่ซีรีส์เรื่องนี้มีพลังพิเศษ แต่สิ่งที่ทำให้มันแตกต่างคือแก่นเรื่องที่แสนหนักหน่วง ซีเรียส และจริงจัง
ความเหลื่อมล้ำ ถูกนำมาใช้เป็นแกนหลักในการเล่าเรื่อง เปรียบเทียบระหว่างนักเรียนธรรมดา ที่ใช้ชีวิตเรียนหนังสือเหมือนคนทั่ว ๆ ไป กับเด็กนักเรียนห้องกิฟต์ ที่ได้รับอภิสิทธิ์เหนือกว่านักเรียนทุกคน ทั้งการแต่งกาย การเข้าถึงทรัพยากรของโรงเรียน การได้รับการศึกษาในห้องเรียนพิเศษ หรือกระทั่งการได้รับความไว้วางใจจากคุณครูทุกคนโดยไม่มีเงื่อนไข
…ด้วยความหวังว่าพวกเขา ผู้ที่มีศักยภาพพิเศษเหนือกว่าทุกคนจะสามารถกลายเป็นผู้ชี้นำสังคมได้ในอนาคต นั่นดูเป็นความคิดที่ดี แต่มันกลับสร้าง ‘รอยร้าว’ ลึกระหว่างนักเรียนด้วยกัน อันนำไปสู่ความบาดหมางที่พร้อมจะปะทุความรุนแรงอยู่เสมอ
นอกจากความเหลื่อมล้ำที่แสดงให้เห็นผ่านการใช้ชีวิตของนักเรียน 2 กลุ่มแล้ว การกระทำของครู หรือผู้อำนวยการ ตำแหน่งที่ในโรงเรียนถูกเลือกให้มีอำนาจสูงที่สุด ยังโน้มเอียงก่อให้เกิดความไม่เท่าเทียมอย่างชัดเจน ยิ่งทุบทำลายให้รอยร้าวนั้นร้ายแรงขึ้นยิ่งกว่าเดิม
โดยมีบทสนทนาหนึ่งในซีรีส์ตอนที่ 11 ว่า พันธกิจของผู้ที่มีศักยภาพ จะต้องมีหน้าที่ในการชี้นำ และควบคุมผู้คนที่ด้อยกว่าให้เดินหน้าไปในทางเดียวกัน ซึ่งนั่นแทบไม่ต่างจากระบบการปกครองแบบเผด็จการในสังคมจริงแม้แต่น้อย
สิ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้พาเราเดินทางต่อจากนั้น คือ การลุกขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับระบบดังกล่าว โดยแกนนำของกลุ่มคือ นักเรียนในห้องกิฟต์ด้วยกันเอง โดยมีบทสนทนาในตอนเดียวกันกับข้างต้นว่า พันธกิจของผู้ที่มีศักยภาพคือ การทำสิ่งใดก็ตามด้วยศักยภาพตนเอง เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ด้อยกว่า
…จากบทพูดนี้เหมือนเป็นการสื่อถึงสังคมภายนอกว่า หากต้องการจะเปลี่ยนแปลงและก่อให้เกิดความเท่าเทียมขึ้นมาอย่างที่ต้องการ ก็ควรจะลุกขึ้นมาแล้วใช้ความสามารถของตนเองสร้างมันให้เกิดขึ้นให้ได้ การนิ่งเงียบและรอคอยอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีเสมอไป
ในยุคที่สังคมไทยกำลังตั้งคำถามกับระบบสังคมที่เกิดขึ้น สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนได้รับจากซีรีส์เรื่องนี้คือ การย้อนกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า ในทุกวันนี้เราใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความเลื่อมล้ำมากมาย และมันดูเหมือนเป็นสิ่งเกินฝันหากจะทำให้ความเหลื่อมล้ำนั้นลดน้อยลงจนเกิดความเท่าเทียม แต่หากเรายังนิ่งเฉยอยู่ เฝ้ารอให้คนที่มีศักยภาพพิเศษ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามันมีอยู่จริงหรือไม่ ให้มาเป็นผู้กอบกู้ เราก็ไม่ต่างจากนักเรียนธรรมดาในซีรีส์เรื่องนี้ ที่ได้แต่ใช้ชีวิต เรียนหนังสือ จบออกไป โดยที่ไม่อาจทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นได้อย่างที่ตั้งใจไว้จริง ๆ
ความเท่าเทียมอาจเป็นเรื่องในอุดมคติ การรวบอำนาจตัดสินใจเบ็ดเสร็จอาจเป็นเรื่องง่ายกว่า การวางอำนาจไว้ในมือคนกลุ่มน้อยโดยไม่กังขาใด ๆ อาจเป็นเรื่องสบาย แต่…เราทุกคนมีอิสระ ไม่ว่าจะมีพลังพิเศษ หรือไม่มี เรามีอิสระที่จะเลือกใช้ชีวิตของตัวเอง และการมอบอำนาจของตัวเอง อันเป็นสิ่งมีค่าในชีวิตไว้ในมือของใครสักคน มันก็ควรจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความสมัครใจ ไม่ใช่การถูกควบคุมให้อยู่ภายใต้ระบบที่ไม่อาจขัดขืน
ทุกคนมีศักยภาพในตัวเอง เราเป็นคนพิเศษในแบบของเราเอง
ซีรีส์เรื่องนี้ได้บอกกับเราว่า เราสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ชีวิตในวังวนของความเหลื่อมล้ำ หรือจะใช้ชีวิตในสังคมที่ทุกคนมีอิสระทางความคิด มีอิสระในการใช้ชีวิต นั่นคือเรื่องราวจากซีรีส์เรื่องนี้ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า มันช่างเป็นเรื่องราวที่คุ้นหูเสียเหลือเกิน…
The Gifted นักเรียนพลังกิฟต์ อาจไม่ใช่ซีรีส์ที่โด่งดังเป็นกระแสไปทั่วบ้านทั่วเมือง หรือมีเนื้อหาที่หวือหวา แต่ต้องยอมรับและชื่นชมในความ “กล้า” ที่จะเล่าประเด็นที่หนักหน่วงเช่นนี้ผ่านภาพจำลองสังคมที่ทุก ๆ คนเคยผ่านมา
…หากใครที่อยากจะติดตามสามารถรับชมได้ทุกวันอาทิตย์ เวลา 22.00 น. ทางช่อง ONE31 หรือชมย้อนหลังผ่าน LINETV เวลา 23.00 น. ของวันอาทิตย์ โดยตอนนี้ดำเนินมาถึงตอนที่ 11 แล้ว เหลือเพียงอีก 2 ตอนเท่านั้น อย่าพลาดซีรีส์ที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนรู้จัก
**หมายเหตุ ซีรีส์เรื่องนี้ได้เค้าโครงมาจาก ภาพยนตร์สั้น THE GIFTED และ THE GIFTED ภารกิจลับ นักเรียนพลังกิฟต์ โดย SandOtnim (ธรรมรงค์ เสริมฤทธิรงค์)
Copyright© Bsite.In
ABOUT THE AUTHOR
DiamondP
คนอยากเขียน กับความสนใจเยอะแยะ และเราเชื่อว่า คนทุกคนเท่าเทียมกัน