- Lifestyle
เมื่อ ช้างศึก เปลี่ยนไป!!!
By Sweeper Keeper • on Nov 27, 2018 • 1,764 Views
เป็นอันว่าทีมชาติไทยของเราเดินหน้าเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในศึก AFF Suzuki Cup หรือฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนแล้วเป็นที่เรียบร้อย
ถ้าดูกันตามผลงานคงต้องบอกว่า ในรอบแบ่งกลุ่มที่ผ่านมา ทีมช้างศึก ทำได้ตามเป้าหมาย นั่นคือการผ่านเข้ารอบเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่ม เก็บได้ 10 แต้ม จาก 4 เกม โดยเป็นการชนะ ติมอร์ เลสเต, อินโดนิเซีย, สิงคโปร์ ในบ้าน และบุกไปเสมอ ฟิลิปปินส์ ในการเล่นเป็นทีมเยือน
และถึงแม้ว่าในภาพรวมจะเป็นผลงานที่น่าพอใจ แต่ก็ไม่วายที่จะมีแฟนบอลไทยจำนวนหนึ่งออกมาตำหนิติติงถึงวิธีการเล่นของ ทีมช้างศึก ชุดนี้ในทำนองว่า เล่นบอลกันไม่สวยบ้าง เน้นเกมรับมากเกินไปบ้าง เมื่อเอาไปเปรียบเทียบกับทีมชาติไทยในยุคของ โค้ชซิโก้
ซึ่งหากจะว่ากันแบบตรงไปตรงมา ฟุตบอลทีมชาติไทยภายใต้การคุมทีมของ โค้ช มิโลวาน ราเยวัช ชุดนี้ ก็มีสไตล์การเล่นที่เปลี่ยนไปจากยุคที่มี ซิโก้ เกิยรติศักดิ์ เสนาเมือง เป็นเฮดโค้ชจริงอย่างที่ว่ากันนั่นแหละ
จากกระแสฟุตบอลไทยฟีเวอร์ในยุคของ โค้ชซิโก้
สำหรับใครที่ตามเชียร์บอลไทยมาตลอด คงจะทราบกันดีว่า โค้ชซิโก้ เป็นคนที่มีส่วนสำคัญในการช่วยให้ฟุตบอลทีมชาติไทยที่อยู่ในยุคตกต่ำ เรียกศรัทธาจากแฟนบอลกลับคืนมาได้อีกครั้ง
สิ่งที่ โค้ชซิโก้ ทำนั้น เริ่มจากการพาทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปี คว้าอันดับสี่ในกีฬาเอเชี่ยน เกมส์มาครอง
ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ โค้ชซิโก้ ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากในการทำทีมชุดนั้นก็คือ สไตล์การเล่นของทีม ที่เน้นเกมรุกด้วยการต่อบอลสั้น ทำชิ่งกันสวยงาม ซึ่งภายหลัง โค้ชซิโก้ ได้ให้คำนิยามว่านี่คือฟุตบอลสไตล์ “ติ๊ก-ต๊อก”
หลังจากนั้น โค้ชซิโก้ ก็ต่อยอดด้วยการพาทีมชุดนี้ประกาศความเป็นหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการคว้าทั้งแชมป์ AFF Suzuki Cup และแชมป์ ซีเกมส์ แบบติดๆ กัน
จนทำให้ในช่วงเวลาดังกล่าวได้เกิดกระแสฟุตบอลไทยฟีเวอร์ขึ้นมา ที่เห็นชัดเจนเลยก็คือ จากแต่ก่อนที่สนามราชมังคลากีฬาสถานซึ่งเคยมีคนเข้าไปดูกันโหลงเหลง
พอมาถึงยุคของ โค้ชซิโก้ กลับมีแฟนบอลแห่เข้าไปเชียร์กันแน่นสนามในยามที่ทีมชาติไทยเล่นเป็นเจ้าบ้าน
แถม ช้างศึก ภายใต้การคุมทีมของ โค้ชซิโก้ ยังได้สร้างฐานแฟนบอลกลุ่มใหม่ๆ ให้มาเชียร์บอลกันในสนามมากขึ้น โดยเฉพาะแฟนบอลสาวๆ ที่ตามเข้ามากรี๊ดนักฟุตบอลที่ไม่ได้มีดีแค่ฝีเท้า แต่มียังมีรูปเป็นทรัพย์ด้วย!
อย่างไรก็ตาม เมื่อ โค้ชซิโก้ ต้องนำทีมขึ้นไปสู้กับทีมชั้นนำของเอเชียในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ซึ่งเราก็รู้ๆ กันอยู่ว่า ทีมระดับหัวแถวของเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, อิหร่าน, ยูเออี นั้น มีมาตรฐานที่สูงกว่าทีมระดับอาเซียนด้วยกันที่เราปราบมาหมดแล้วทุกทีม
และด้วยการทำทีมซึ่งไม่ได้เป็นฟุตบอลในสไตล์ที่มีการวางแผน วางแท็คติกด้วยความแยบยล เพื่อเน้นผลการแข่งขัน ทีมชาติไทยของ โค้ชซิโก้ จึงต้องพังพาบให้กับทีมชั้นนำของเอเชียเหล่านั้นที่เหนือกว่าเราทุกอย่าง
สู่ความหวังในการก้าวขึ้นเป็นทีมระดับเอเชียในยุคของ โค้ชมิโล
หลังจากที่ โค้ชซิโก้ ต้องออกจากตำแหน่ง และได้ โค้ช มิโลวาน ราเยวัช เข้าคุมทีมแทน สไตล์การเล่นของทีมชาติไทยก็เปลี่ยนไป…
จากยุคของ โค้ชซิโก้ ที่ทีมเน้นเกมรุกด้วยการต่อบอลสั้นทำชิงหนึ่งสอง ช้างศึก ในยุคของ โค้ชมิโล กลายเป็นทีมที่เน้นแท็คติก เล่นด้วยความรัดกุม หากจะเล่นเกมรุก ต้องเหนียวแน่นในเกมรับก่อนเสมอ
ด้วยเหตุนี่เอง จึงเป็นเรื่องเข้าใจได้ที่มีแฟนๆ ของ โค้ชซิโก้ จำนวนไม่น้อยที่ไม่ค่อยสบอารมณ์กับสไตล์การทำทีมของ โค้ชมิโล ซึ่งเล่นบอลไม่สนุกเร้าใจเหมือนแต่ก่อน
อย่างไรก็ตาม สไตล์ดังกล่าวก็เป็นสไตล์การเล่นที่ โค้ชมิโล เคยทำให้ทีมชาติกาน่าประสบความสำเร็จในการผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเมื่อปี 2010 มาแล้ว แถมยังพากาน่าทะลุเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อีกด้วย
เพราะฉะนั้น มันจะเป็นการดีกว่าหรือเปล่า? หากเราเปิดใจให้กว้าง ไม่วิพากษ์วิจารณ์กันด้วยอคติส่วนตัว รอดูฝีมือการทำทีมของ โค้ชมิโล กันต่อไปอีกซักระยะหนึ่งก่อนว่า ท้ายที่สุดแล้วผลงานจะออกมาเป็นยังไง?
อย่างน้อยๆ สำหรับใครที่เคยออกมาบ่นว่า เกมรุก ของ ทีมชาติไทย ไม่โหด ไม่ดุดัน เหมือนบอลยุค โค้ชซิโก้
การที่ ทีมช้างศึก ของ โค้ชมิโล ทำได้ถึง 15 ประตูจากการลงสนาม 4 เกมใน AFF Suzuki Cup ซึ่งส่งให้ทีมชาติไทยเป็นทีมที่ทำประตูได้มากที่สุดในรอบแบ่งกลุ่ม น่าจะเป็นสิ่งที่ยืนยันว่า จริงๆ แล้ว เกมรุก ของทีมตอนนี้ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร
และสำหรับ AFF Suzuki Cup ตัวของ โค้ชมิโล ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่า เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องพาทีมชาติไทยเป็นแชมป์ให้ได้สถานเดียว!
หลังจากนั้นก็จะเป็นฟุตบอล AFC Asian Cup (หรือฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย) ที่จะมีคิวลงเตะกันในช่วงต้นเดือนมกราคมปีหน้า โดยทีมชาติไทยจะต้องลงดวลแข้งกับ บาห์เรน, อินเดีย และ ยูเออี ในรอบแรก
ซึ่งผลงานในทัวร์นาเม้นต์นี้นี่แหละ จะเป็นบทพิสุจน์อีกขั้นหนึ่งว่า เฮดโค้ชชาวเซิร์บผู้นี้ มีฝีมือจริงมั้ย?
รวมถึงจะเป็นบทพิสูจน์อย่างแท้จริงด้วยว่า ช้างศึก ที่เปลี่ยนไปเชือกนี้ จะสามารถยกระดับตัวเองจากการเป็นแค่ ทีมระดับอาเซียน ขี้นไปเป็น ทีมระดับเอเชีย ได้หรือเปล่า?
เครดิตภาพ : แฟนเพจ AFF Suzuki Cup, Fox Sport Asia
ABOUT THE AUTHOR
Sweeper Keeper
แม้ก่อนหน้านี้จะเคยผ่านงานเขียนบทความเกี่ยวกับ หนัง และ เพลง มาพอสมควร แต่ด้วยความที่ชอบดูฟุตบอลลีกอังกฤษ และมี ลิเวอร์พูล เป็นทีมโปรดในดวงใจ เขาจึงขอโอกาสมาแบ่งปันมุมมองด้านลูกหนังให้ได้อ่านกันบ้าง