บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และนวัตกรรมการอยู่อาศัย มั่นใจตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 2 เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะกำลังซื้อที่อยู่อาศัยระดับบน พร้อมเปิดเกมรุกสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ ครั้งแรกกับการเปิดตัวคอนโดเจาะเซกเมนต์ ‘เพรสทีจ – ลักซ์’ เผยโฉมการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ในรอบ 8 ปีของคอนโดในตำนานภายใต้แบรนด์ The Address ในชื่อ “ดิ แอดเดรส สยาม – ราชเทวี (The Address Siam – Rathchathewi)” มูลค่าโครงการรวมกว่า 8,800 ล้านบาท รังสรรค์ขึ้นจากความเข้าใจถึงการใช้ชีวิตเหนือระดับ เปี่ยมไปด้วยคุณภาพทุกองค์ประกอบ พร้อมส่งมอบสุนทรียะแห่งการพักอาศัยที่สมบูรณ์ หนึ่งเดียวบนทำเลมากมูลค่า ในย่านสยามเชื่อมต่อ ราชเทวี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Living the Prestige – Crafted for Elites” ดีไซน์เพื่อคุณภาพชีวิตระดับเพรสทีจ – ลักซ์ (Prestige – Lux) ราคาเริ่มต้นประมาณ 200,000 บาท/ตร.ม. พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 – 9 มิ.ย. นี้ ณ Sales Pavilion โครงการ The Address สยาม – ราชเทวี

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กร และการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า “ตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 2 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะดีมานด์ของสินค้าระดับบนยังมีอยู่ ภายใต้กลยุทธ์สู่การเติบโตระยะยาวในไตรมาส 2 นี้ บริษัทฯ พร้อมเปิดเกมรุกสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ให้กับวงการคอนโดระดับบน ยกระดับอีกขั้นของการพัฒนาโครงการตอบดีมานด์เซ็กเมนต์เพรสทีจ – ลักซ์ (Prestige – Lux) ด้วยการกลับมาของแบรนด์ The Address หลังจากคอนโดมิเนียม Vittorio สินค้าระดับอัลตร้า – ลักซ์ (Ultra – Lux)  ของเอพีได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นโครงการพร้อมเข้าอยู่ในระดับราคา 350,000 บาท/ตร.ม. เพียงแห่งเดียวบนทำเลสุขุมวิท 39 ที่สามารถปิดการขายและคาดว่าจะสามารถเสร็จสิ้นการโอนได้ภายในปีนี้ตามเป้าหมายที่วางไว้”

“นอกเหนือจากนั้น ยังเป็นการสานต่อความสำเร็จอันเป็นตำนานของกลุ่มสินค้าภายใต้แบรนด์ The Address ใน 9 โครงการที่ผ่านมาและยังเป็นที่กล่าวขานถึงปัจจุบัน ทั้งความเป็นที่สุดด้าน ‘คุณค่า’ ความละเมียดละไมในการออกแบบที่ผสานศิลปะชั้นสูงทั้งสไตล์ตะวันตกและตะวันออกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตของคนเมืองระดับบนได้อย่างงดงามและเป็นเอกลักษณ์ บนที่สุดของ ‘ทำเล’ ที่เป็นสุดยอดทำเลที่น่าถวิลหาและความภาคภูมิใจในการครอบครอง และที่สุดของ ‘มูลค่า’ ที่เพิ่มขึ้นทั้ง 9 โครงการด้วยอัตราการเติบโตของราคาเฉลี่ยที่ 40% เปรียบเสมือนของสะสมที่จะสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นเป็นอย่างดี” นายวิทการ กล่าว

“กว่า 8 ปีที่เอพีเฟ้นหาที่ดินใจกลางเมือง ที่เป็นทำเลอันรุ่มรวยด้วยคุณค่าและมูลค่า สู่การสั่งสมประสบการณ์ในการทำความเข้าใจลูกค้า เพื่อต่อยอดการออกแบบ และรังสรรค์ทุกองค์ประกอบเพื่อตอบประสบการณ์การใช้ชีวิตเหนือระดับ เปี่ยมไปด้วยคุณภาพที่พร้อมส่งมอบสุนทรียะแห่งการพักอาศัยที่สมบูรณ์ทุกตารางนิ้ว  จึงเกิดเป็นโครงการ The Address สยาม-ราชเทวี ที่จะเข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดคอนโดมิเนียมระดับบน” นายวิทการ กล่าวเสริม

The Address สยาม – ราชเทวี รังสรรค์ด้วยความใส่ใจที่สะท้อนให้เห็นในทุกๆ รายละเอียดสิ่งละอันพันละน้อย สู่ความเป็นเลิศในทุกมุมอง จากแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมพระราชวังทรงคลาสสิกประเทศฝรั่งเศส ผสมผสานกับความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของงานประณีตศิลป์ไทยแบบประยุกต์ได้อย่างลงตัว พร้อมให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียดเพื่อเติมเต็มสุนทรียะในการอยู่อาศัยอย่างสูงสุด ด้วย 3 จุดเด่น อันได้แก่

(1) SOPHISTICATION DESIGN เอพีตั้งใจรังสรรค์นับตั้งแต่การออกแบบภายนอก จรดภายใน ด้วยการออกแบบพื้นที่ภายในห้องพักแบบพิเศษให้มีส่วน Cantilever ที่ยื่นออกมาเพื่อเพิ่มมุมมองให้กว้างกว่าเดิมสู่การรับวิวสวยของทัศนียภาพใจกลางทำเลราชเทวี ทั้งยังเป็นการเพิ่มสุนทรียะแห่งการใช้ชีวิตในอาคารสูงที่ให้ความรู้สึกที่พิเศษ ทั้งความกว้างขวาง โอ่อ่า และความหรูหราภายในห้องที่มากยิ่งขึ้น ส่วนพื้นที่ส่วนกลาง ก็ได้รับการออกแบบ อย่างพิถีพิถันให้สามารถใช้งานพื้นที่ Indoor และ Outdoor ได้อย่างสง่างาม อีกทั้งช่วยให้ผู้อยู่อาศัยได้รับสุนทรียภาพแห่งการอยู่อาศัยที่ไม่จำกัดเฉพาะแค่การมองเห็น แต่รวมไปถึงการได้ยินเสียงของธรรมชาติ เช่น ธารน้ำไหล และสายลมเมื่อกระทบยอดไม้ในสวนพฤกษชาติ ที่เลือกใช้พันธุ์ไม้ดอกที่มีกลิ่นหอมมีเสน่ห์แบบไทย ได้แก่ มะลิ และเบอร์กามอท

(2) BEST QUALITY & FINEST MATERIALS วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในโครงการ ได้รับการเลือกเฟ้นจากผู้ผลิต และแหล่งที่ดีที่สุดจากทั่วโลก สะท้อนความประณีตในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นหิน Limestone  หินสีขาวที่มีความพิเศษเมื่อแสงแดดตกกระทบในแต่ละช่วงเวลา นับเป็นหินเกรดดีจากประเทศโปรตุเกส โดยโครงการนำมากรุส่วน Façade ด้านหน้าของตึก เครื่องเรือนที่สั่งทำพิเศษเพื่อเป็น Signature ของโครงการ ลวดลายนกยูงสะท้อนความสง่างามและมีระดับ เครื่องออกกำลังกายแบบ Kinesis แบรนด์ Technogym จากประเทศอิตาลี ที่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถออกกำลังกายได้ทุกส่วนด้วยการเคลื่อนไหวแบบอิสระตามต้องการ และการเลือกสรรผ้าทอจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ที่สะท้อนความลักชัวรี มีเอกลักษณ์มาใช้ในงานตกแต่งภายในพื้นที่ส่วนกลาง เป็นต้น

(3) PRECIOUS LOCATION โครงการ The Address ตั้งอยู่ในโลเคชั่นมากคุณค่าและมูลค่าใจกลางเมือง บนตำแหน่งที่ดินที่ดีที่สุดในย่านสยามเชื่อมต่อราชเทวี เพียง 150 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้าราชเทวี และไม่ไกลจากแอร์พอร์ตลิ้งค์พญาไท ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจสำคัญ ใจกลางย่านช้อปปิ้ง ไลฟ์สไตล์ และศูนย์กลางย่านสถานศึกษา

“ในส่วนของภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนในทำเลที่ดินติดแนวรถไฟฟ้าสถานีสยาม – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ย้อนหลัง 5 ปี พบโครงการที่เปิดตัวในย่านทั้งสิ้น 13 โครงการ แบ่งเป็นโครงการระดับลักชัวรี (150,000-190,000 บาท/ตร.ม.) จำนวน 7 โครงการ มียอดขายเฉลี่ย 55% โครงการระดับซูเปอร์ลักชัวรี (200,000-300,000 บาท/ตร.ม.) จำนวน 5 โครงการ มีอัตราการตอบรับที่ดีที่สุด ด้วยยอดขายเฉลี่ย 89% และโครงการระดับอัลต้าลักชัวรี่ จำนวน 1 โครงการ มียอดขาย 56% ดังนั้น เพื่อเจาะเข้าไปยังดีมานด์กลุ่มซูเปอร์ลักชัวรีที่มีแนวโน้มการเติบโตในตลาดดีต่อเนื่อง โดยเอพีตั้งใจที่จะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้เกิดขึ้น โดยการยกระดับการพัฒนาสู่การรังสรรค์โครงการที่แตกต่าง เจาะเข้าไปในกลุ่ม Prestige – Lux ซึ่งเป็นซับเซ็กเมนต์ของ Super – Lux เพราะคอนโดซูเปอร์ลักชัวรีที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบัน แค่โลเคชั่นดีอาจไม่เพียงพออีกต่อไป หากแต่คีย์หลักที่ลูกค้ามองหา คือสุนทรียภาพแห่งการใช้ชีวิตต้องตอบทุกรายละเอียด สะท้อนถึงความเหนือกว่าในทุกมิติได้จริง ทั้งความพิถีพิถันในการออกแบบ การเฟ้นหาวัสดุคุณภาพ บนทำเลที่ดีที่สุดของย่าน ดังนั้น ด้วยจุดเด่นของโครงการ The Address สยาม – ราชเทวี ทั้งโลเคชั่นที่ดีเยี่ยม เป็นที่ปรารถนา และหาได้ยาก ทุกตารางเมตรในโครงการยังถูกออกแบบเพื่อรองรับทุกรายละเอียดของไลฟ์สไตล์ที่เหนือระดับ สะท้อนความภาคภูมิใจที่ได้ครอบครอง และความสามารถในการบริหาร price package ที่ตรงกับความต้องการของเรียลดีมานด์ในย่านสยาม – ราชเทวีที่สามารถสร้างมูลค่าต่อการอยู่อาศัย และการลงทุนในอนาคต จะสร้างความแตกต่าง และได้รับการตอบรับที่ดีอย่างแน่นอน” นายวิทการ กล่าวสรุป

The Address สยาม – ราชเทวี โครงการร่วมทุนระหว่างเอพี และมิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนส์ (บริษัท ในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป – MECG) ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 3-1-55 ไร่ คอนโดฯ ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ทั้งด้านโลเคชั่น และการออกแบบใจกลางย่านไลฟ์สไตล์คนเมือง โดดเด่นด้วยดีไซน์สถาปัตยกรรมอาคาร ที่บ่งบอกเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผู้อยู่อาศัยอย่างชัดเจน มูลค่าโครงการ 8,800 ล้านบาท ประกอบด้วยที่พักอาศัยสูง 50 ชั้น จำนวนเรสซิเดนส์ทั้งสิ้น 880 ยูนิต จัดวางเรสซิเดนส์  แต่ละฟลอร์อย่างชาญฉลาดไม่บดบังการรับวิวในแต่ละเรสซิเดนส์ ประกอบด้วยเรสซิเดนส์ 5 แบบให้ผู้อยู่อาศัยได้เลือกสรร ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ได้แก่ 1) ห้องชุด 1 ห้องนอน ขนาด 31 – 35 ตารางเมตร 2) ห้องชุด 1 ห้องนอน (ดูเพล็กซ์) ขนาด 50 ตารางเมตร 3) ห้องชุด 2 ห้องนอน ขนาด 51- 68 ตารางเมตร 4) ห้องชุด 2 ห้องนอน (ดูเพล็กซ์) ขนาด 65 ตารางเมตร 5) ห้องชุด 3 ห้องนอน ขนาด 85 ตารางเมตร

ทั้งนี้ สรุปภาพรวมแผนการดำเนินงานธุรกิจอสังหาฯ ในปี 2562 เอพีมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 39 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 56,800 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 22,400 ล้านบาท แนวราบ 34 โครงการ มูลค่า 34,400 ล้านบาท เปิดตัวในไตรมาส 1/2562 ไปแล้วจำนวน 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 13,220 ล้านบาท และมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในไตรมาส 2/2562 จำนวนทั้งสิ้น 13 โครงการ มูลค่า 19,720 ล้านบาท เป็นทาวน์โฮมจำนวน 9 โครงการ มูลค่า 8,560 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 3 โครงการ มูลค่า 2,360 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ (The Address สยาม-ราชเทวี) มูลค่า 8,800 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีหลังเอพีมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้นอีก 18 โครงการ มูลค่า 23,860 ล้านบาท

สรุปยอดขายไตรมาสแรก (31 มีนาคม 2562) เอพีสร้างยอดขายรวมได้เป็นที่น่าพอใจ รวมมูลค่ากว่า 12,585 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากคอนโดมิเนียมมูลค่า 6,365 ล้านบาท และแนวราบมูลค่า 6,220 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้แล้ว 30% ของเป้ายอดขายปี 2562 ที่ตั้งไว้ (เป้ายอดขาย 41,800 ล้านบาท) โดยบริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้รวมโครงการร่วมทุน (Backlog) มูลค่ามากถึง 58,960 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ มูลค่า 11,140 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียมรวมโครงการร่วมทุน มูลค่า 47,820 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดเอพี 6,530 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ในปีนี้ประมาณ 3,395 ล้านบาท และคอนโดร่วมทุน 41,290 ล้านบาท รับรู้ในปีนี้ประมาณ 7,750 ล้านบาท และ ที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566