“ผมนอนร้องไห้อยู่เป็นปีหลังจากที่ลินดาตายจากไป” พอล แม็คคาร์ทนี่ย์ พูดถึงคู่ชีวิตคนแรกที่จากไปก่อนวัยอันควร

 

ผมอ่านจบแล้วก็อารมณ์ประมาณคนแก่เล่าความหลังนั่นแหละครับ เพราะลุงพอลปีนี้ก็ปาเข้าไป 77 กะรัตแล้ว อายุขนาดนี้บางทีคนเรามันก็โหยหาอดีตนั่นแหละ

 

ผมเชื่อว่า ลินดา อีสท์แมน น่าจะเป็นคู่ชีวิตที่พอลรักมากที่สุดในบรรดาเมียๆทั้ง 3 คนเพราะทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกันในช่วงหนุ่มสาวที่พอลยังมีไฟ ช่วยกันทำวง “วิงส์” ด้วยกันหลังจาก เดอะบีเทิ่ลส์ ยุบวง และแน่นอนว่าทั้งคู่พาวิงส์ดังก้องโลก

 

แม้คนส่วนใหญ่จะคุ้นกับภาพที่ลินดานั่งอยู่หลังคีย์บอร์ดบนเวทีคอนเสิร์ท แต่จริงๆสาวจากนิวยอร์คคนนี้มีอาชีพเป็นช่างภาพครับ เธอถ่ายภาพศิลปินดังๆไว้มากมาย

 

ในปี 1968 ลินดาถ่ายภาพของ อีริค แคลปตัน แล้วภาพนี้ถูกนิตยสารโรลลิ่งสโตนเอาไปขึ้นปก ลินดาเลยโด่งดังเพราะมันทำให้เธอกลายเป็นช่างภาพหญิงคนแรกที่มีงานขึ้นปกนิตยสารที่ว่ากันว่าเป็นไบเบิ้ลของวงการเพลง

 

 

พอลซื้อฟาร์มไว้ที่สก็อตแลนด์จากการแนะนำของจอห์น เลนนอน เพราะจอห์นมีญาติอยู่ที่นั่น จอห์นชอบเล่าเรื่องญาติที่สก็อตแลนด์ให้ฟังบ่อยๆจนพอลเคลิ้มและหลวมตัวไปซื้อฟาร์มซะเลย

 

หลังแต่งงงานพอลกับลินดาใช้เวลาอยู่ที่ฟาร์มเยอะมาก ลินดาชอบที่นั่นเพราะธรรมชาติสวยงามเหมาะกับการถ่ายรูปเล่น แถมยังเลี้ยงสัตว์ได้อีกด้วย พอได้เลี้ยงสัตว์และหลงไหลกับวิถีธรรมชาติลินดาเลยกลายเป็นมังสวิรัติไปโดยปริยาย

 

 

ลินดาถูกมัจจุราชพรากไปด้วยโรคมะเร็งทรวงอกด้วยอายุแค่ 56 เท่านั้น ซึ่งเป็นโรคเดียวกับที่คร่าชีวิตแม่ของพอลที่ตายไปตอนอายุ 47 เช่นกัน

 

พอลบอกว่าตอนที่แม่ตายพ่อของเขาไม่เคยร้องไห้ให้เห็นเลย จนกระทั่งวันหนึ่งทุกคนได้ยินเสียงพ่อไปแอบร้องไห้อยู่ในห้องหนึ่งของบ้าน ส่วนเขานั้นร้องไห้เพราะคิดถึงลินดาอยู่เป็นปีๆอย่างที่บอกไว้ตอนต้นนั่นแหละครับ

 

ลินดากับพอลมีลูกด้วยกัน 4 คนและหนึ่งในนั้นคือแมรี่ที่เจริญรอยตามลินดาด้วยการยึดอาชีพช่างภาพ

 

การร้องไห้ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรอกครับ ร้องมันออกมาเถอะหากว่าเราอยากจะทำแบบนั้นจริงๆ เพราะมันคือความรู้สึกในอีกมุมหนึ่งของมนุษย์ ตราบเท่าที่เรายังหายใจอยู่เราต่างก็มีวันที่ต้องร้องไห้ หรือหัวเราะด้วยกันทั้งนั้นครับ

 

https://www.bbc.com/news/uk-scotland-48840952