ย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 จำได้ว่ามีหนังแนว survival (เอาชีวิตรอด) อย่าง 127 Hours ออกฉาย และถูกกล่าวขวัญถึงอย่างมาก…

สาเหตุที่เป็นอย่างนั้น เพราะแง่หนึ่ง 127 Hours ได้รับการจับตามองด้วยความที่เป็นหนังที่สร้างจากชีวิตจริงของ อารอน รัลสตัน นักปืนเขาที่โชคร้ายพลัดตกลงไปในร่องของหุบเขา และแขนถูกหินขนาดใหญ่ทับเอาไว้จนขยับไปไหนไม่ได้ ต้องติดอยู่ตรงนั้นเพียงลำพังนานกว่า 5 วัน

อีกแง่หนึ่ง หนังซึ่งเป็นผลงานของ แดนนี่ บอยล์ เรื่องนี้ ถูกมองจากเหล่าบรรดานักวิจารณ์ว่าเป็น หนังตัวเต็ง ที่จะคว้ารางวัลจากสถาบันหลักต่างๆ ซึ่งสุดท้ายแล้ว 127 Hours ก็มีชื่อเข้าชิงออสการ์ 6 สาขา ซึ่งรวมถึงสาขาใหญ่อย่าง หนังยอดเยี่ยม และ นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม

ขณะที่ใครต่อใครเอาแต่พูดถึง 127 Hours ในปีเดียวกันนั้นเอง มีหนัง survival ที่ว่าด้วยเรื่องของคนซึ่งต้องเอาตัวรอดจากการติดอยู่ในที่แคบๆ อีกหนึ่งเรื่องเข้าฉายในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากผู้ชมในวงกว้างมากนัก

หนังเรื่องที่ว่าก็คือ Buried

Buried เป็นผลงานของผู้กำกับสแปนิช โรดริโก คอร์เตส ที่เล่าเรื่องของ พอล คอนรอย (รับบทโดย ไรอัน เรย์โนลด์ส) คนขับรถบรรทุกชาวอเนริกันในอิรักที่ฟื้นคืนสติขึ้นมาแล้วพบว่า ตัวเองโดนจับตัวมาเรียกค่าไถ่ด้วยการถูกนำมาฝั่งทั้งเป็นอยู่ในโลงศพ โดยคนร้ายทิ้งแค่ ไฟแช็ค และ โทรศัพท์มือถือ เอาไว้ให้เขาเป็นตัวช่วยในการเอาชีวิตรอด

แม้ตั้งแต่ต้นจนจบ เราจะได้เห็นตัวละครในหนังแค่ตัวเดียวนั่นคือ คอนรอย ที่นอนดิ้นไปดิ้นมาคุยโทรศัพท์กับคนโน้นคนนี้ในโลงแคบๆ ตลอดทั้งเรื่อง แต่ Buried กลับสามารถดึงดูดความสนใจจากคนดูได้อย่างอยู่หมัด!

ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะไอเดียในการเขียนบท ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับทีมงานที่น่าจะขบคิดกันมาเป็นอย่างดี จนสามารถทำให้คนดูค่อยๆ สัมผัสได้ถึงเรื่องราวที่ทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จากบทสนทนาระหว่าง คอนรอย กับคนที่เขาคุยโทรศัพท์ด้วย ชนิดที่ยิ่งเราตั้งใจดูมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เรา สนุก และ เซอร์ไพรส์ กับหนังเรื่องนี้มากขึ้นเท่านั้น

นอกจากนี้ หนังยังเพิ่มดีกรีความระทึก (ปนหดหู่) ด้วยการใส่สถานการณ์ในลักษณะ ยิ่งนาน ยิ่งคับขัน ยิ่งนาน ยิ่งบีบคั้น ลงไปให้คนดูหายใจกันไม่ทั่วท้องอีกด้วย

ไม่เพียงแต่จะได้ ตามลุ้น ตามเอาใจช่วย ให้ตัวละครเอาชีวิตรอดจากการถูกฝั่งทั้งเป็นให้ได้เท่านั้น จุดเด่นที่สุดอีกอย่างของ Buried ที่ต้องพูดถึงก็คือ เนื้อหาสาระของหนังที่เสียดสีการเมืองและสังคมของอเมริกาได้อย่างเจ็บแสบ

ไม่ว่าจะเป็น ความเอาแต่ได้ ไร้ซึ่งมนุษยธรรม ของคนอเมริกันด้วยกัน ซึ่งก็ไม่ได้เลวร้ายน้อยกว่าชาวอิรักที่ถูกตราหน้าว่าเป็น อาชญากร ไล่ไปจนถึง นโยบายทางทหาร และ นโยบายต่างประเทศ ที่นำพาไปสู่การเผชิญหน้าจนส่งผลกระทบต่อประชาชนตาดำๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ของทั้งสองฝ่าย

ในขณะที่ 127 Hours ก้าวไปไกลถึง เวทีลูกโลกทองคำ และ ออสการ์ Buried ก็แอบไปคว้ารางวัลได้บ้างแบบเงียบๆ ตามเวทีเล็กๆ ชนิดที่แทบไม่เป็นข่าว

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผลงานที่สร้างด้วยทุนเพียง 2 ล้านดอลล่าร์เรื่องนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งหลักฐานสำคัญที่แสดงให้ทุกคนประจักษ์แก่สายตาว่า…

หนังที่ลงทุนน้อย แต่เปี่ยมล้นไปด้วยคุณภาพนั้น เขาทำกันยังไง!!!