- Sport
20 ประเด็น หลังเกม ลิเวอร์พูล เก็บสามแต้มพร้อม คลีทชีท
By Sweeper Keeper • on Dec 08, 2019 • 1,281 Views
แม้จะเป็นอีกแม็ตช์ที่มีการโรเตชั่นด้วยการเปลี่ยนผู้เล่นตัวจริง 3-4 ตำแหน่ง แต่ จ่าฝูง ลิเวอร์พูล ก็สามารถบุกไปเอาชนะ บอร์นมัธ ได้แบบสบายๆ
เรียกได้ว่าเป็นอีกนัดที่จบลงไปกันแบบชื่นมื่นจริงๆ เพราะในขณะที่ ลิเวอร์พูล บุกไปเก็บสามแต้มได้แบบชนิดที่ไม่ต้องออกแรงอะไรมาก
แต่ในขณะเดียวกัน แชมป์เก่า แมนฯ ซิตี้ กลับสะดุดอีกครั้งเมื่อแพ้คาบ้านให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้
ซึ่งนั่นส่งผลให้ในตอนนี้ หงส์แดง มีแต้มนำหน้า เรือใบสีฟ้า ห่างออกไปเป็น 14 แต้มแล้วเรียบร้อย
และต่อนี้คือ 20 ประเด็น หลังเกมที่ ลิเวอร์พูล บุกไปเอาชนะ บอร์นมัธ ได้ถึงถิ่น 0-3 ซึ่งเรารวบรวมมานำเสนอกันแบบ เต็มอิ่ม จุใจ เช่นเคย…
1. ชัยชนะเหนือ บอร์นมัธ ในเกมนี้ ทำให้ ลิเวอร์พูล ยืดสถิติไม่แพ้ใครในพรีเมียร์ ลีกติดต่อกันออกไปเป็นนัดที่ 33 ซึ่งถ้าคิดเป็นนาที พวกเขาไม่แพ้ใครมาแล้วถึง 2,970 นาที นับตั้งแต่ปราชัยครั้งสุดท้าย
2. โดย 33 เกมที่ไม่แพ้ใครติดต่อซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของสโมสรลิเวอร์พูลนั้น เป็นการชนะ 28 เสมอ 5 แพ้ 0
3. สำหรับสถิติไม่แพ้ใครติดต่อกันยาวนานที่สุดของพรีเมียร์ ลีก 3 อันดับแรก ณ ตอนนี้ คือ อาร์เซน่อล 49 นัด (พ.ค. 2003 – ต.ค. 2004), เชลซี 40 นัด (ต.ค. 2004 – พ.ย. 2005) และ ลิเวอร์พูล 33 นัด (มกราคม 2019 – ปัจจุบัน)
4. ลิเวอร์พูล เก็บชัยชนะได้ถึง 24 จาก 25 เกมล่าสุดในพรีเมียร์ ลีก (เสมอ 1 นัด) ซึ่งเป็นการชนะ 15 จาก 16 เกมแรกของฤดูกาลนี้ นอกจากนั้น พวกเขายังยิงประตูได้ 2 ลูกหรือมากกว่านั้นถึง 23 นัดจาก 25 เกม
5. นับเฉพาะแค่ 100 เกมล่าสุดในพรีเมียร์ ลีก ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ คือทีมที่แพ้น้อยที่สุด โดยพวกเขาแพ้ไปเพียงแค่ 7 เท่านั้น (ชนะ 71 เสมอ 22)
6. ในเกมที่ชนะบอร์นมัธ 0-3 ลิเวอร์พูล ไม่เปิดโอกาสให้เจ้าถิ่นยิงตรงกรอบเลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยนี่ถือเป็นครั้งที่สองที่ ลิเวอร์พูล ไม่ยอมให้คู่ต่อสู้ยิงเข้ากรอบเลยสักครั้งนับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วที่พวกเขาพบกับไบรท์ตัน เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
7. ชัยชนะที่มีต่อบอร์นมัธโดยไม่เสียประตูในเกมนี้ ทำให้ ลิเวอร์พูล รักษาคลีนชีทได้เป็นนัดแรกในรอบ 14 เกมจากทุกรายการ รวมถึงเป็นคลีนชีทนัดแรกในรอบ 8 เกมเฉพาะในพรีเมียร์ ลีก
8. แม้ฤดูกาลก่อน อลิสซอน เบ็คเกอร์ จะเก็บคลีทชีทได้ถึง 21 นัด แต่การไม่เสียประตูในเกมนี้เพิ่งจะเป็นคลีทชีทนัดแรกในฤดูกาลนี้ของเขา
9. โดยฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล เพิ่งจะเก็บคลีทชีทได้เพียง 3 เกมเท่านั้น แถมทั้งหมดยังเป็นเกมที่ออกไปเล่นเป็นทีมเยือนทั้งสิ้นนั่นคือ ชนะ เบิร์นลี่ย์ 0-3, ชนะ เชฟฯ ยูไนเต็ด 0-1 (สองเกมนี้ อาเดรียน เป็นตัวจริง) และชนะ บอร์นมัธ 0-3
10. ลิเวอร์พูล สามารถเอาชนะ บอร์นมัธ ได้ทั้ง 5 เกมที่พบกันล่าสุดในพรีเมียร์ ลีกด้วยผลต่างประตู 3 ลูกหรือมากกว่านั้น แถมไม่เสียประตูเลยสักลูก โดยสกอร์รวมทั้ง 5 เกมในการพบกันของทั้งคู่คือ 17-0 !!!
11. โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ ยิงไปแล้วคนเดียว 7 ลูก จาก 5 เกมที่ลงสนามพบกับ บอร์นมัธ ในพรีเมียร์ ลีก โดย บอร์นมัธ เป็นทีมเดียวที่ ซาล่าห์ ทำประตูได้ทุกนัดในการพบกัน
12. 1 ประตู และ 1 แอสซิสต์ ที่ทำได้ในเกมนี้ ทำให้ ซาล่าห์ ยิงประตูไปแล้วทั้งหมด 63 ลูก และ 24 แอสซิสต์ จากการลงสนามในพรีเมียร์ ลีกไป 100 นัด
13. มีเพียง อลัน เชียร์เรอร์ (79 ลูก) , รุด ฟาน นิสเตลรอย (68 ลูก), เซร์จิโอ อเกวโร่ (64 ลูก) เท่านั้น ที่ยิงประตูได้เยอะกว่า ซาล่าห์ ในการเล่นพรีเมียร์ ลีก 100 นัด
14. ประตูของ นาบี เกอิต้า และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน คือประตูแรกที่ทั้งคู่ยิงได้ในพรีเมียร์ ลีกฤดูกาลนี้
15. สำหรับ แชมเบอร์เลน ประตูในเกมนี้คือประตูแรกในรอบ 25 เกมของเขาในพรีเมียร์ ลีก โดยประตูล่าสุดที่เขายิงได้เกิดขึ้นในเกมที่พบกับ แมนฯ ซิตี้ เมื่อเดือนมกราคม 2018 (หรือเมื่อ 1 ปีกับอีก 327 ที่แล้ว)
16. อย่างไรก็ตาม หากนับจากการลงสนามในทุกรายการ นี่คือประตูที่ 5 จาก 18 เกม ในการลงสนามทุกถ้วยของ แชมเบอร์เลน ซึ่งนี่เป็นจำนวนประตูที่เท่ากับที่เขาเคยทำได้จากการลงสนามทุกรายการไป 42 นัดเมื่อฤดูกาลก่อน
17. เกอิต้า และ แชมเบอร์เลน คือผู้เล่นเอาท์ฟิลด์คนที่ 15-16 (ตามลำดับ) ที่ทำประตูให้กับ ลิเวอร์พูล ในเกมพรีเมียร์ ลีกฤดูกาลนี้
18. โดยนักเตะ 16 คนจากผู้เล่นเอาท์ฟิลด์ทั้งหมด 19 คนที่เล่นลงสนามให้ทีมแล้วยิงประตูได้ในฤดูกาลนี้ ได้แก่ มาเน่ (9 ลูก), ซาล่าห์ (7 ลูก), ฟีร์มิโน่ (4 ลูก), โอริกี้ (3 ลูก), ฟาน ไดจ์ค (3 ลูก), ไวจ์นัลดุม (2 ลูก), มาติป (1 ลูก), เทรนท์ (1 ลูก), โรเบิร์ตสัน (1 ลูก), ฟาบินโญ่ (1 ลูก), เฮนเดอร์สัน (1 ลูก), มิลเนอร์ (1 ลูก), ลัลลน่า (1 ลูก), เกอิต้า (1 ลูก), แชมเบอร์เลน (1 ลูก), ชากิรี่ (1 ลูก)
19. แอสซิสต์ที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ทำได้ในเกมนี้ เป็นแอสซิสต์ลูกที่ 2 ของเขาในฤดูกาลนี้ (แอสซิสต์ลูกแรกเกิดขึ้นในเกมกับ แมนฯซิตี้ ที่เขาครอสบอลให้ มาเน่ โหม่งเข้าประตูไป)
20. นอกจากนั้น เกมนี้ เฮนโด้ ยังถูกเลือกให้เป็นแมน ออฟ เดอะ แม็ตช์จากทาง บีบีซี อีกด้วย
เครดิตภาพ : Evening Standard
ABOUT THE AUTHOR
Sweeper Keeper
แม้ก่อนหน้านี้จะเคยผ่านงานเขียนบทความเกี่ยวกับ หนัง และ เพลง มาพอสมควร แต่ด้วยความที่ชอบดูฟุตบอลลีกอังกฤษ และมี ลิเวอร์พูล เป็นทีมโปรดในดวงใจ เขาจึงขอโอกาสมาแบ่งปันมุมมองด้านลูกหนังให้ได้อ่านกันบ้าง