- Money
5 คดีฉ้อโกงเงินจากทั่วโลก สะเทือนใจผู้บริโภคไม่แพ้บุพเฟต์แซลมอนดารุมะ
By DiamondP • on Oct 06, 2022 • 1,424 Views
ณ เวลานี้คงไม่มีข่าวไหนจะโด่งดังไปมากกว่ากรณีการโกง Voucher บุพเฟต์แซลมอนดารุมะอีกแล้ว กับการออกโปรโมชั่น 199 กินแซลมอนได้ไม่อั้น ท้าทายราคาเจ้าปลาสีส้มที่พุ่งแรง สุดท้ายเจ้าของบริษัทก็ดันดีดตัวเองหนีหายไม่บอกไม่กล่าว ลอยแพทั้งพนักงาน, เจ้าของเฟรนไชส์ และลูกค้าหน้าตาเฉย ซึ่งล่าสุดก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าเจ้าตัวยังอยู่ในประเทศไทย หรือหลบหนีความผิดไปต่างประเทศ แต่สิ่งที่เขาหลงเหลือไว้คือความเสียหายมหาศาลที่ไม่เพียงแค่ตัวเงิน แต่สำหรับบางคนคือการทำลายชีวิตไปเลย
อย่างที่ทุกคนรู้กันว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกกับคดีการโกงสะเทือนใจผู้บริโภค ก่อนหน้านี้ก็มีแบรนด์ซีฟู้ดสุดโด่งดังมาแล้ว จนโดนศาลลงโทษอย่างหนัก แต่ในโลกสีฟ้าใบเล็ก ๆ ใบนี้ การหลอกลวงมันเกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และเหยื่อก็คือผู้บริโภคที่หลงกล วันนี้เราจะพาไปย้อนดูว่า 5 คดีโกงเงินจากทั่วโลกที่สะเทือนเลื่อนลั่นประวัติศาสตร์โลกธุรกิจมีอะไรบ้าง ขอบอกเลยว่าโหดไม่แพ้ดารุมะเลยทีเดียว
1. Luckin Coffee
เริ่มต้นจากแบรนด์ Luckin Coffee จากประเทศจีน ที่เปิดตัวขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปที่ราคา 20 ดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม ปี 2019 ก่อนที่ราคาจะพุ่งสูงกลายเป็น 50 ดอลลาร์ในเดือนมกราคม ปี 2020 ทุกอย่างดูเหมือนว่าบริษัทนี้กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด และดูมีอนาคตที่สดใสมาก ๆ แต่จริง ๆ แล้วมันกลับไม่เป็นอย่างนั้นสักนิดเดียว มีการสืบสวนเกิดขึ้นและพบว่าจริง ๆ แล้วผลประกอบการของบริษัทนั้นถูกสร้างขึ้นมาทั้งหมดกว่า 310 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2019 ที่มาจากการขาย Vouchers จำนวนมากให้กับบริษัทอื่นที่เกี่ยวข้องกับประธานบริษัท ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการค้นพบว่า บริษัทนี้ได้ทำการสร้างพนักงานสมมติขึ้นมา เพื่อซื้อวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์ไปกว่า 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของบริษัทจะยังไม่ยอมแพ้ในเรื่องนี้ เขาพยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเท่าไรนัก
2.Wirecard
Wirecard เป็นบริษัทบริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์สัญชาติเยอรมัน ที่ดูเหมือนจะเติบโตต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลาหลายปี แต่เช่นเคย ทั้งหมดมันไม่ได้เป็นแบบที่เราเห็น เพราะผู้ตรวจสอบบัญชีได้ค้นพบว่า มันมีช่องโหว่ของเงินที่หายไปกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในบัญชีของ Wirecard ผลปรากฎว่าเงินเหล่านั้นไม่มีอยู่จริง และตัวบริษัทมีแนวโน้มว่าได้ทำการปลอมแปลงเอกสารทางบัญชี ที่รายงานต่อผู้ถือหุ้นมาหลายปี นั่นทำให้ซีอีโอ Markus Braun ถูกจับกุม และบริษัทก็ประกาศล้มละลายในเวลาถัดมา สิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นจากการฉ้อโกงครั้งนี้ก็คือ รัฐบาลเยอรมันได้หันมาพิจารณากำกับดูแลมากขึ้น พร้อมสร้างกฎระเบียบทางการเงินที่เข้มงวดยิ่งกว่าเดิมนั่นเอง
3. Enron
Enron เคยได้รับการขนานนามว่าเป็น บริษัทที่มีนวัตกรรมสูงสุดของอเมริกา ในปี 1996 ถึง 2001 จากนิตยสาร Fortune บริษัทนี้ได้กลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในขณะนั้น ซึ่งจริง ๆ แล้วบริษัทนี้ได้ใช้เทคึนิคการสร้างข้อมูลปลอมทางบัญชีเพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้กำไรมากกว่าที่เป็นจริง แล้วซ่อนความเสียหายของบริษัทเอาไว้ เมื่อความจริงถูกเปิดเผย ราคาหุ้นของบริษัทร่วงดิ่งลงเหวจาก 90 ดอลลาร์ สู่ 65 เซนต์ ในระยะเวลาเพียงแค่ 4 เดือน ก่อนจะเหลือไม่กี่เซนต์ในเวลาถัดมา ก่อนที่ตัวบริษัทจะประกาศล้มละลายไปในปี 2001 ผลจากเรื่องนี้ก็คือ บรรดาผู้บริหารของ Enron ถูกตั้งข้อหาอาชญากรรมทางการเงิน และตัวบริษัทที่ตรวจสอบบัญชีให้กับบริษัทนี้ก็จัดการระเบิดตัวเองหนีไปเรียบร้อย
4.ZZZZ Best
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1982 หนุ่มน้อย Barry Minkow วัย 15 ปี ก็ได้เริ่มก่อตั้งบริษัท ZZZZ Best ขึ้นในโรงรถของบ้านตัวเอง ก่อนที่ในวัย 21 ปี เขาจะพาบริษัทออกสู่สาธารณะ แต่มันติดอยู่ปัญหาเดียวก็คือ เจ้าหนุ่มแบร์รีได้สร้างลูกค้าของบริษัทขึ้นมากว่า 90% เท่านั้นเอง และเอาก็จะเอาเงินที่ได้รับจากนักลงทุนหน้าใหม่มาจ่ายให้กับคนที่เคยมาลงทุนให้เขาไปแล้ว เขาเกือบจะหนีรอดไปจากเรื่องนี้ได้อยู่แล้วเชียว จากการพยายามเข้าซื้อบริษัทคู่แข่ง แต่เรื่องดันมาแดงขึ้นเสียก่อน ข้อตกลงเหล่านั้นเลยถูกพับเก็บไปแบบถาวร แล้วอนาคตของวัยรุ่นสร้างตัวก็พังทลายลงในเวลาเพียง 7 เดือนหลังจากที่ตัดสินใจเอาบริษัทออกสู่สาธารณะ
5.Volkswagen
แบรนด์รถหรูจาก Volkswagen เองก็เป็นหนึ่งในรายชื่อเหล่านี้ด้วยเช่นกัน อันเนื่องมาจากความพยายามในการตรวจสอบว่ารถยนต์ทุกคันจะต้องได้มาตรฐานในการปล่อยมลพิษของรัฐบาลทั่วโลก ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ พวกเขาจึงใช้วิธีการสมองใส ด้วยการใส่ซอฟต์แวร์ที่คอยตรวจจับว่ารถคันใดของพวกเขา จากจำนวนกว่า 11 ล้านคัน กำลังเข้ารับการตรวจสอบการปล่อยมลพิษ แล้วจัดการเปลี่ยนผลการทดสอบนั้นซะ แต่เรื่องนี้ถูกค้นพบในเวลาต่อมา ผลไม่ใช่แค่บริษัทต้องเสียเงินในการพัฒนาซอฟต์แวร์นี้มากกว่าเดิม แต่ยังถูกบังคับให้เรียกคืนรถยนต์อีกเป็นจำนวนมาก พร้อมยังต้องจ่ายค่าปรับให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ อีกกว่า 25 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ จากเหตุการณ์นี้ทำให้ซีอีโอของบริษัทในขณะนั้นตัดสินใจลาออก และ Volkswagen ต้องเผชิญหน้ากับภาระทางการเงิน และความเสี่ยงด้านคดีความมาจนถึงทุกวันนี้
เหล่าผู้ที่หากินกับช่องโหว่ทางธุรกิจ และใช้วิธีการด้านมืดในการฉกฉวยผลประโยชน์ยังคงมีอยู่ทั่วไปในโลกใบนี้ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะใช้กลโกงที่แนบเนียนขนาดไหน หรือชั้นเชิงจะมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเพียงใด สุดท้ายสิ่งเดียวที่พวกเขาไม่สามารถหนีได้พ้นก็คือความจริง และไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป ซึ่งเราเชื่อเหลือเกินว่าสิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นกับกรณีของดารุมะอย่างแน่นอน
ที่มา: https://wtop.com/news/2020/07/7-of-the-biggest-corporate-frauds-in-history/
ABOUT THE AUTHOR
DiamondP
คนอยากเขียน กับความสนใจเยอะแยะ และเราเชื่อว่า คนทุกคนเท่าเทียมกัน