ในตอนนี้คงไม่มีสิ่งไหนที่คนในประเทศไทยให้ความสนใจพุ่งเป้าไปมากที่สุด นอกเหนือไปจากการเลือกตั้งครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม แล้วก็เหมือนว่า Netflix จะจับทางได้อยู่หมัด เพราะพวกเขาตัดสินใจปล่อยซีรีส์เกาหลีเรื่องใหม่ Queenmaker (ชื่อไทย ฉันจะปั้นราชินี) ซีรีส์เกาหลีสุดเข้มข้นที่ผสมผสานทั้งดราม่า, เกมการเมืองอันแสนเข้มข้น, ความน้ำเน่าแบบละครหลังข่าว, ชั้นเชิงการดำเนินเรื่อง และเนื้อหาที่เป็นฐานของเรื่องออกมาได้อย่างลงตัว กลายเป็นซีรีส์ฮิตเรื่องใหม่ที่เราตัดสินใจดูต่อเนื่องแบบไม่ยอมให้ขาดตอน

ซีรีส์เรื่องนี้นำแสดงโดย คิมฮีแอ ในบท ฮวังโดฮี ซึ่งถ้าใครจำได้ เธอคือ คุณหมอจีซุนวู จากเรื่อง The World of Married Couple ที่คราวนี้เธอพลิกบทมาเป็น หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของบริษัทมหาอำนาจแห่งเกาหลีใต้ เธอมีหน้าที่เก็บกวาดสิ่งสกปรกโสมมที่เจ้านายและวงตระกูลทำเพื่อปกป้องอาณาจักรธุรกิจนี้ไว้ แต่วันหนึ่งเธอถูกขอให้ทำสิ่งที่เธอไม่อาจจะทำได้ ผลกลายเป็นเธอถูกเขี่ยทิ้งอย่างไม่ใยดี ฮวังโดฮีจึงตัดสินใจไปจูงใจ โอคยองซู ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ให้ลงสมัครแข่งขันเลือกตั้งนายกเทศมนตรีกรุงโซล เพื่อเป้าหมายเดียวคือการทำลายเจ้านายเก่าเธอให้สิ้นซาก

ถ้าใน The World of Married Couple คิมฮีแอคือผู้ถูกกระทำที่โดนบีบให้ต้องร้าย คราวนี้เธอได้กลายเป็นนางร้ายสุดเจ้าเล่ห์ที่ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อล้มปีศาจที่เลวร้ายยิ่งกว่าเธอ ยิ่งเรื่องราวดำเนินไปบนเส้นเรื่องที่เป็นการแข่งขันเลือกตั้งนายกเทศมนตรีกรุงโซล ตำแหน่งที่แทบจะมีอำนาจรองจากประธานาธิบดีเกาหลีใต้ด้วยแล้ว ความเข้มข้นจึงยิ่งเพิ่มสูงมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม เราจะได้เห็นการชิงไหวชิงพริบ หักเหลี่ยมเฉือนคม สไตล์ซีรีส์เกาหลีอย่างดุเดือด ไม่มีฝั่งไหนฉลาดหรือโง่น้อยไปกว่ากัน

แต่ถึงอย่างนั้นด้วยการเป็นซีรีส์ที่ดำเนินเรื่องในลักษณะเมโลดราม่า เราจึงเห็นความไม่สมเหตุสมผล ความบังเอิญ หรือความจงใจในหลาย ๆ จุด แต่มันไม่ได้ลดทอนความน่าติดตามของเรื่องราวลงไปได้เลย การแสดงของนักแสดงแต่ละคน ทั้งนักแสดงนำและนักแสดงสมทบต่างสงเสริมกันและกันได้เป็นอย่างดี และด้วยสไตล์การทิ้งตอนจบในแต่ละตอนให้ชวนติดตาม มันก็ทำให้เรากดดูตอนต่อไปได้ไม่ยาก

เมื่อผลักเอาสิ่งเหล่านี้ออกไป แล้วมองไปที่แก่นของเรื่องราวที่ว่าด้วย การใช้อำนาจอันแสนโสมมในการครอบงำแวดวงการเมืองที่ส่งผลต่อประชาชน หนังเรื่องนี้ก็ได้ตีแผ่ออกมาอย่างไม่เกรงใจใครหน้าไหน ดูแล้วก็อดอิจฉาวงการบันเทิงเกาหลีไม่ได้ที่พวกเขามีโอกาสในการนำเสนอเรื่องราวเหล่านี้ออกมาได้อย่างอิสระ และแม้ว่าบรรดานักการเมืองจะเล่นสกปรก หรือยึดมั่นในคุณธรรมมากแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้ว อำนาจก็อยู่ในมือของประชาชนในการเลือกอนาคตของตัวเอง