- Lifestyle
จริงหรือที่ว่า เดือนกันยาฯ คือเดือนชี้ชะตา “แชมป์” ของ ลิเวอร์พูล!!
By Sweeper Keeper • on Sep 13, 2018 • 1,683 Views
หลังจากต้องหลีกทางให้กับโปรแกรมทีมชาติทั้งเกมอุ่นเครื่องปกติ และเกมในฟุตบอล ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ไปถึง 2 สัปดาห์
ฟุตบอลลีกหลักๆ ของยุโรป เตรียมที่จะกลับมาฟาดแข้งให้แฟนบอลอย่างเราๆ ได้ชมกันอีกครั้งในอาทิตย์นี้
ในส่วนของ พรีเมียร์ ลีก คู่เอกประจำสัปดาห์จะเป็นคู่ไหนเสียไม่ได้ นอกจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ส พบ ลิเวอร์พูล ที่จะลงเตะเป็นคู่แรกช่วงเย็นของวันเสาร์ที่ 15 กันยายน
ไหนๆ พูดถึงแล้ว เราลองย้อนกลับไปดูฟอร์มล่าสุดของทั้งคู่กันซะหน่อย เริ่มกันที่ฝั่งเจ้าบ้าน หลังจากโชว์ฟอร์มสุดยอดด้วยการบุกไปยัดเยียดความปราชัยให้ แมนฯยูไนเต็ด ถึง 3-0 ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
สเปอร์ส กลับบุกไปแพ้ให้กับ วัตฟอร์ด แบบพลิกล็อค 1-2 ทำให้ตอนนี้ ทีมไก่เดือยทอง หล่นลงมาอยู่อันดับ 5 ของตาราง มี 9 คะแนน จาก 4 นัด
ส่วนทางฝั่ง ลิเวอร์พูล ผู้มาเยือน สามารถบุกไปเอาชนะ เลสเตอร์ ได้ถึง คิงส์ พาวเวอร์ สเตเดี้ยม 2-1 แม้เกมนี้จะจบลงพร้อมกับประตูที่เสียไปเพราะจังหวะผิดพลาดของผู้รักษาประตู อลิสซอน เบ็คเกอร์ แต่ยอดทีมแห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์ ก็กลับออกไปพร้อมกับชัยชนะ เก็บ 12 คะแนนเต็ม จาก 4 นัด นำเป็นจ่าฝูงอยู่ ณ ตอนนี้
เพราะฉะนั้น เกมนี้จึงถือเป็นเกมที่มีความสำคัญของทั้ง สเปอร์ส และ ลิเวอร์พูล เพราะถ้าหากฝั่งเจ้าบ้านเก็บ 3 คะแนนได้ ก็เท่ากับว่าพวกเขาจะทำคะแนนกลับขึ้นมาเกาะกลุ่มหัวตารางอีกครั้งทันที
ในขณะที่ฝั่ง ลิเวอร์พูล ก็คงไม่อยากเอาชื่อมาทิ้งที่สนามเวมลี่ย์ติดกันเป็นปีที่สอง หลังจากเมื่อซีซั่นที่แล้วพวกเขาบุกมาแพ้ที่นี่ด้วยสกอร์ขาดลอยถึง 1-4
และที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ หาก ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในเกมนี้ มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะโดนทีมที่ทำคะแนนตามหลังมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเจอกับคู่ต่อสู้ที่อ่อนชั้นกว่า (เชลซี เล่นในบ้านพบ คาร์ดิฟฟ์ ส่วน แมนฯซิตี้ เจอ ฟูแล่ม ในบ้านเช่นกัน) ทำแต้มแซงหน้าขึ้นไป
เมื่อเป็นเช่นนั้น เชื่อเหลือเกินว่า ทั้ง สเปอร์ส และ ลิเวอร์พูล น่าจะจัดชุดที่ดีที่สุดลงมาสู้กันในสนามแน่นอน แม้ว่านักเตะตัวหลักๆ ของทั้งสองทีมจะเพิ่งกลับมาจากการรับใช้ทีมชาติ รวมถึงมีโปรแกรมถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก รออยู่ช่วงกลางสัปดาห์ด้วยกันทั้งคู่ก็ตาม
พูดถึงโปรแกรมใน แชมเปี้ยน ลีก ที่จะเริ่มเตะนัดแรกกันในช่วงกลางสัปดาห์หน้า การที่ ลิเวอร์พูล ถูกจับฉลากมาอยู่ในสาย ซี ร่วมกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, นาโปลี และ เรด สตาร์ เบลเกรด
ส่งผลให้โปรแกรมการแข่งขันทุกรายการของ ลิเวอร์พูล ในเดือนกันยายน กลายเป็นโปรแกรมที่บอกได้เลยว่า “สุดโหด มหาหิน!”
เพราะหลังจากที่ลงเตะกับ สเปอร์ส ในเย็นวันเสาร์นี้เรียบร้อยแล้ว อีกสามวันให้หลังพวกเขาจะต้องเปิดแอนฟิลด์ต้อนรับการมาเยือนของ เปแอสเช ในถ้วยแชมเปี้ยน ลีก
ถึงแม้นัดต่อมา ลิเวอร์พูล จะยังได้เล่นเกมในบ้านซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเป็นเกมที่ยากเท่าไหร่กับการเจอทีมอย่าง เซาธ์แฮมตัน
แต่ โชคชะตา ก็เหมือนเล่นตลก เมื่อ ลิเวอร์พูล ดันถูกจับฉลากให้มาเจอ เชลซี ในฟุตบอล คาราบาว คัพ รอบ 3 ซึ่งนั่นเท่ากับว่า ลิเวอร์พูล ต้องเผชิญหน้ากับลูกทีมของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ สองเกมติดต่อกัน
โดยเกมแรก ลิเวอร์พูล จะเป็นฝ่ายได้เล่นในบ้านก่อนใน คาราบาว คัพ ซึ่งมีคิวลงเตะกันในช่วงกลางดึกของคืนวันอังคารที่ 25 กันยายน
จากนั้นในเกมที่สอง จะเป็นเกมใน พรีเมียร์ ลีก ที่ถูกวางโปรแกรมไว้แต่เดิมอยู่แล้ว คราวนี้ ลิเวอร์พูล จะเป็นฝ่ายต้องยกพลบุกไปเยือน เชลซี ที่ แสตมฟอร์ด บริดจ์ บ้าง โดยจะเตะเป็นคู่ดึกในคืนวันเสาร์ที่ 29 กันยายน
กล่าวโดยสรุปก็คือว่า ในกันยายนนี้ ลิเวอร์พูล จะมีเกมหนักๆ รออยู่ถึง 4 เกม โดยเป็นการพบกับ สเปอร์ส, เปแอสเช ทีมละนัด และ เชลซี 2 นัด
เท่านั้นยังไม่พอ หากมองล่วงหน้าไปดูโปรแกรมการแข่งขันช่วงต้นเดือนตุลาคม หลังจากที่ ลิเวอร์พูล ต้องลงเตะกับ เชลซี 2 เกมในรอบ 5 วัน แล้ว
พวกเขาจะต้องบุกไปเยือนทีมแกร่งจากอิตาลีอย่าง นาโปลี ซึ่งคุมทีมโดย คาร์โล อันเชล็อตติ ในถ้วยแชมเปี้ยน ลีก จากนั้นอีก 4 วันหลังให้ พวกเขาจะกลับมาเล่นในเกมพรีเมียร์ ลีก โดยต้องเปิดแอนฟิลด์ต้อนรับการมาเยือนของแชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ด้วยโปรแกรมการแข่งขันที่โหดระดับ “10 กะโหลก” แบบนี้ หากมองในแง่ร้ายสุดๆ ว่า ถ้าเกิด ลิเวอร์พูล “ฟอร์มหลุด” ขึ้นมาในช่วงนี้ พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะทำแชมป์หลุดมือไปถึง 3 ถ้วย ในเวลาเพียงเดือนเดียว
ขยายความให้เห็นภาพชัดขึ้นก็คือ หลังจบโปรแกรมเดือนกันยายนแล้ว มีความเป็นไปได้เหมือนกันว่า ในฟุตบอลลีก ลิเวอร์พูล มีสิทธิ์ที่จะหล่นจากตำแหน่งจ่าฝูง และโดนทีมอื่นๆ ที่ตามหลังมาทำแต้มทิ้งห่างออกไป
ขณะที่ฟุตบอลถ้วยสองรายการ ใน แชมเปี้ยน ลีก หาก ลิเวอร์พูล ไม่สามารถเก็บแต้มได้ตามที่ควรจะเป็น นั่นหมายความว่า ทีมรองแชมป์เก่าอย่างพวกเขาอาจจะจบเส้นทางไว้แค่รอบแบ่งกลุ่มก็เป็นได้
ส่วนใน คาราบาว คัพ ลิเวอร์พูล ก็อาจจจะหยุดเส้นทางของถ้วยนี้ไว้แค่รอบที่ 3 หากพวกเขาแพ้ให้กับทีมที่เป็นกระดูกชิ้นโตอย่าง เชลซี
ในทางกลับกัน ถ้าเกิดว่า ลิเวอร์พูล ซึ่งถูกยกให้เป็นเต็ง 2 ที่จะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ในปีนี้ แข็งแกร่งพอที่จะยืนหยัดต่อสู้จนผ่านพ้นช่วงเดือนนี้ไปได้
ซึ่งนั่นไม่ได้หมายถึงว่า ทีมจะต้องชนะรวดทุกนัดก็ได้ (แต่เด็กหงส์ทั้งหลายคงอยากให้เป็นแบบนั้น) แต่อย่างน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้นี่แหละที่ ลิเวอร์พูล จะต้องแสดงคุณสมบัติของการเป็นทีมลุ้นแชมป์ออกมาให้เห็น
คุณสมบัติที่ว่านั่นคือ ทีมจะต้องสามารถเก็บแต้ม รวมถึงเก็บผลการแข่งขันที่ดีออกจากสนามมาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับโปรแกรมการแข่งขันที่ “สาหัสสากรรจ์” ขนาดไหนก็ตาม
และถ้าหาก ลิเวอร์พูล แสดงคุณสมบัติที่ว่านี้ออกมาได้ล่ะก็ หลังจากผ่านพ้นเดือนกันยายนไปแล้ว เชื่อว่า ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ยังน่าจะอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ทุกถ้วยเช่นกัน
เครดิตภาพ : www.lfconline.co.uk, www.liverpoolfc.com, ESPN FC
ABOUT THE AUTHOR
Sweeper Keeper
แม้ก่อนหน้านี้จะเคยผ่านงานเขียนบทความเกี่ยวกับ หนัง และ เพลง มาพอสมควร แต่ด้วยความที่ชอบดูฟุตบอลลีกอังกฤษ และมี ลิเวอร์พูล เป็นทีมโปรดในดวงใจ เขาจึงขอโอกาสมาแบ่งปันมุมมองด้านลูกหนังให้ได้อ่านกันบ้าง