เผ็ดร้อนไฟลุกกันแบบคงเส้นคงวากับตอนที่ 5 ของ The Face Men Thailand Season 2 กับแคมเปญที่ 4 แคมเปญถ่ายวีดีโอโฆษณาแบบลองเทค แคมเปญสุดหินที่ตามปกติในซีซั่นก่อน ๆ จะมาในแอพิโสดท้าย ๆ ใกล้จบรายการเพื่อวัดกึ๋นและฝีมือการแสดงของผู้เข้าแข่งขัน

แต่ในซีซั่นนี้มาตั้งแต่ช่วงต้น พร้อมกับลูกค้าที่ถูกตั้งแง่ว่ามีประเด็นกับ #TeamMoo ในแคมเปญก่อนหน้า แถมด้วย Text Line โปรโมทสรรพคุณสินค้าปราบเซียน ที่ทำเอาผู้เข้าแข่งขันต่างชาติไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว

อย่ารอช้าค่ะซิส! 

ไปอ่านกันว่าตอนล่าสุดนี้ The Face นางจะมอบ Lessons อะไรให้เราได้บ้าง

Master Class แววตาของสรรพสัตว์ที่…อืมค่ะ

                ตามธรรมเนียมค่ะ The Face ในแต่ละสัปดาห์ก็ต้องเริ่มต้นที่ Master Class กันก่อน กับโจทย์ถ่ายภาพแบบ Close Up เพื่อแสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนของแววตา โดยผู้เข้าแข่งขันต้องถ่ายภาพ 2 ครั้ง ครั้งแรกจะเป็นใบหน้าปกติ ส่วนครั้งที่สองจะเป็นการเพนท์หน้าเป็นสัตว์ต่าง ๆ เพื่อสื่ออารมณ์ ไม่ว่าจะเป็น นกยูง สื่อถึง ความสง่างาม(?), เสือ สื่อถึงความแข็งแกร่ง, ดุดัน และสุนัข สื่อถึง ความจริงใจ,ซื่อสัตย์

                สิ่งที่เรายังคงอึน ๆ และมึน ๆ กับการมาของผู้มอบโจทย์ใน Master Class รายนี้คือการบรีฟงานที่เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ ทั้งการพยายามอธิบายโจทย์ หรือกระทั่งการ (พยาย๊าม) พยายามปรับโปรดักส์ของตัวเองให้เข้ากับการแข่งขันให้ได้ ซึ่งบอกตามตรงว่า…อืมค่ะ เข้ากันก็ได้ค่ะ สุดท้ายผู้ที่ได้รับชัยชนะในมาสเตอร์คลาสนี้กลับไม่ใช่ผู้เข้าแข่งขันที่ยังอยู่ในการแข่งขัน แต่เป็น “รุจ” จาก #TeamSonia ที่ถูกเขี่ยออกไปในแคมเปญที่ 2 คว้าชัยและสิทธิ์พิเศษให้ทีมซอนย่าได้เปรียบกันไป

                ยังไงก็ยินดีกับทีมซอนย่าด้วยนะคะ ก็ต้องยอมรับว่าเรื่องสายตาเนี่ย พ่อหนุ่มรุจเขาหวานหยดย้อยและเป็นจุดแข็งเหนือผู้เข้าแข่งขันคนอื่นจริง ๆ ล่ะเนอะ…ใช่ไหมคะ??

แคมเปญ Long-Take กับ Text Line ปราบเซียน

                อย่างที่พูดไปข้างต้นนั่นแหละค่ะว่าปกติแล้วแคมเปญถ่ายวีดีโอโฆษณาแบบ Long-Take (ไม่มีการสั่งคัทระหว่างถ่ายทำ ถ้าพลาดเทปนั้นก็เสียไปเลย) จะมาในซีซั่นท้าย ๆ เพื่อวัดกึ๋นของผู้เข้าแข่งขันที่คัดกันมาแล้ว แต่ความชิคของ The Face Men Seasons 2 นี้คือนางขนมาเล่นตั้งแต่ Episode ต้น ๆ เรียกได้ว่าคัดกันจะ ๆ ไปเลยให้รู้ดำรู้แดง แถมเพิ่มความแซ่บมาด้วยการที่ #MentorSonia ติดภารกิจ (พี่หมูแอบใบ้ว่าคุณแม่กำลังชิลสัมผัสอากาศอยู่ปารีส) ส่งให้เมนเทอร์คู่หูจาก The Face All Stars อย่าง #MentorPloy มาเป็นร่างทรง

                เมนเทอร์พลอยก็ทำหน้าที่แทนด้วยการเลือกให้ ลูอิส และ แอนดี้ ได้ทำแคมเปญแค่ 2 คน เพราะเงื่อนไขทางเวลาที่จำกัด (4 เทค/40 นาที) ตามคำสั่งของเมนเทอร์พิมทุกประการ แต่ผลดันกลับตาลปัตร เมื่อลูอิสผู้สามารถโปรยเสน่ห์ในการถ่ายทำเทคแรกของตัวเองมาได้อย่างดี ดันตกม้าตายด้วย Text-Line ภาษาปราบเซียนที่เล่นจี้จุดอ่อนกันไปเลย ทำให้เทคนั้นไม่สามารถนำมาใช้ได้

                ในขณะที่อีก 2 ทีม ทั้ง #TeamToni และ #TeamMoo ก็สามารถทำได้ดีตามมาตรฐาน อาจจะไม่ได้ทำให้ผู้ชมอย่างเรารู้สึกว้าวอะไรกันมากนัก แต่เพราะมีลูกทีมที่สามารถพูดภาษาไทยได้ชัดเจนอยู่ในทีม เลยเอาตัวรอดกันไปได้ แต่ความพีคก็คือ เมนเทอร์พลอยเลือกตัดสินใจผิดคำสั่งของเมนเทอร์พิมเอาหน้างาน ด้วยการเลือกให้กอล์ฟ ผู้ที่ทำหน้าที่เสมือนเป็นผู้ช่วยมาตลอด พอต้องมาถ่ายเองโดยที่ไม่ได้ซ้อมมาก่อน ผลก็ออกมาตามระเบียบนั่นแหละค่ะ #TeamSonia แพ้ และชัยชนะตกเป็นของทีมหมู

                ต่อจากนี้แหล่ะค่ะความสนุกที่มาพร้อมกับบทเรียน กับการที่ #MentorMoo ได้ชัยชนะเป็นครั้งแรก กับการเล่นเกมที่มาพร้อมกับแว่นหวีสับที่จะมา สับ สับ! สับ!!

ความรู้สึกผิด ความรับผิดชอบ และการเสียสละ

                ค่ะ…ตามเกม ทีมที่แพ้ในแต่ละแคมเปญก็ต้องส่งลูกทีมเข้าไปเพื่อโน้มน้าวใจของเมนเทอร์ผู้ชนะให้เอาชีวิตรอดกลับมาแข่งต่อในรายการได้ คราวนี้ถึงทีของ #TeamMoo แล้วค่ะ ที่เมนเทอร์หมูก็ยังคงใช้ไม้แข็งกับเหล่าลูกหมูทั้ง 5 กันต่อไป ที่แม้พวกเขาจะชนะ แต่เมนเทอร์หมูกลับย้ำอย่างเจ็บปวดว่า ถึงจะชนะแคมเปญ แต่ไม่ชนะใจพี่เลย  ทำเอาเด็ก ๆ หน้าเสียใจแป้วกันไปตาม ๆ กัน

                ในขณะที่ #TeamToni ที่แพ้การทำแคมเปญ ก็เลือกที่จะให้สิทธิ์คนที่ไม่ได้ทำแคมเปญรอดพ้นจากการถูกเลือกเข้าห้องดำ จนแบงค์ถึงกับแอบนอยด์เมนเทอร์ตัวเอง พร้อมตัดพ้อว่าหากแคมเปญหน้าใครที่ไม่ได้ถ่ายก็เหมือนจะได้เข้า Safe Zone โดยอัตโนมัติ? ผลออกมาด้วยการที่โทนี เลือกส่งวิลเลี่ยมเข้าห้องดำไปแทน

                แต่ดราม่าหนักของตอนนี้กลับไปตกอยู่ที่ #TeamSonia ค่ะทุกคน จากการเดินเกมพลาดในแคมเปญของเมนเทอร์พลอยที่เลือกให้กอล์ฟมาถ่ายแทนในเทคสุดท้าย จึงส่งผลให้ทีมแพ้ไปตามระเบียบ ซึ่งกอล์ฟก็ยอมรับผลในการกระทำของตัวเองและยอมรับที่จะเข้าห้องดำ แต่คนที่รู้สึกผิดกลับเป็น ลูอิส ด้วยเหตุผลว่าเขาไม่สามารถพูด Text Line ได้ จึงทำให้เมนเทอร์พลอยต้องเลือกกอล์ฟมาในนาทีสุดท้าย โดยในมุมของลูอิสการที่กอล์ฟต้องเข้าไปเสี่ยงก็เป็นเหมือนความผิดเขาด้วยเหมือน

               แน่นอนค่ะว่าเมนเทอร์พลอยยังยืนยันคำตอบเดิม พร้อมบอกว่าการตัดสินใจของเธอสิ้นสุดลงแล้ว เรื่องต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรค่อยมาว่ากันต่อ เรื่องนี้สอนเราได้ในชีวิตจริงเลยค่ะว่า บางครั้งคนเราก็ยังไม่ถึงเวลาที่จะสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองได้ สิ่งที่ต้องทำก็คือยอมรับและพัฒนาตัวเองต่อไป เพื่อที่ว่าครั้งหน้าเราจะได้ไม่พลาดอีก (#กอดปลอบลูอิส)

ห้องดำกับเกมของเมนเทอร์หมู…ที่เหมือนเล่นอยู่คนเดียว??

               เมนเทอร์หมูขึ้นชื่อเรื่องความแซ่บอยู่แล้วถูกไหมคะ? ด้วยความที่เป็นเมนเทอร์คนเดียวที่ทำงานต่อเนื่องมาจากซีซั่นแรก ทำให้การคัดผู้เข้าแข่งขันออกครั้งแรกในซีซั่นนี้พี่หมูก็ต้องเล่นใหญ่เป็นธรรมดา บรรยากาศในห้องดำของตอนนี้มันเลย(ดูเหมือน)กดดัน ทั้งความพยายามบีบคั้นผู้เข้าแข่งขันให้โน้มน้าวใจเขาให้ได้ ไปพร้อม ๆ กับหวาดระแวงว่าเมนเทอร์พลอย และเมนเทอร์โทนีกำลังเล่นเกมอะไรกับเขาอยู่หรือเปล่า

                ผลการตัดสินออกมาว่าคนที่ต้องจากไปคือ วิลเลียม จาก #TeamToni พร้อมกับการออกมายอมรับของเมนเทอร์หมูนอกห้องดำว่า นี่คือเกมของเขา เขาเลือกจะตัดคนที่แข็งแกร่งกว่าของทีมโทนีออก และปล่อยให้กอล์ฟที่อ่อนกว่าเป็นตัวถ่วงของทีมซอนย่าต่อไป ทิ้งระเบิดความงงให้กับเมนเทอร์โทนีและเมนเทอร์พลอย กับคำถามว่า ก็เลือกคนที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดในแคมเปญของสัปดาห์นี้ไปแล้ว มันดูเป็นการเล่นเกมตรงไหน??

                แต่การตัดลูกทีมของทีมโทนีออกไปในครั้งนี้ เมนเทอร์โทนีก็เลือกใช้ให้กลายเป็นบทเรียนสำคัญกับลูกทีมว่าผลที่จะเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไรหากพวกเขาจะแพ้ในครั้งต่อไป ในขณะที่เมนเทอร์พลอยก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนใด ๆ มากนัก มีเพียงความเข้าใจความรู้สึกที่มีให้เมนเทอร์โทนีเท่านั้น พร้อมกับปิดรายการด้วยประโยคแสบ ๆ คัน ๆ ที่สาแก่ใจคนดู The Face ไปทั่วประเทศว่า…

“พี่หมูกำลังเล่นหนังซ้ำนะคะ พลอยเคยดูมาก่อน ผู้ชมก็เคยดูมาก่อน”

(…จริงทุกประการเลยค่ะเมนเทอร์พลอย)

สรุปนะคะ

                สำหรับตอนที่ 5 กับแคมเปญที่ 4 ต้องยอมรับว่ากราฟความสนุกของตอนนี้อยู่ในระดับมาตรฐาน แม้แคมเปญที่แข่งขันจะมีความยาก แต่ก็ไม่ได้สร้างความหวือหวาจนต้องหือหากันขนาดนั้น หนำซ้ำฉากการตัดผู้เข้าแข่งขันออกด้วยกลยุทธ์เดิม ๆ ก็ไม่ได้สร้างซีนอารมณ์อย่างที่เคยทำได้สำเร็จในซีซั่นก่อน ๆ ก็มารอดูกันต่อไปค่ะว่า The Face Men Thailand Season 2 จะสร้างความแปลกใหม่อะไรได้บ้าง เพราะบอกตามตรงว่าหากเป็นอย่างนี้อยู่ การมีแค่แคมเปญยาก ๆ อาจไม่ใช่คำตอบก็ได้นะคะ เสน่ห์ของผู้เข้าแข่งขันมีมากกว่านั้น ลองหยิบจับมาใช้แล้วกันค่ะ

(แอบเห็นนิด ๆ กับการแร็ปของวิลเลี่ยมและน้องเบสท์ที่ขอบอกว่า…น่ารักมาก!)

อ่าน The Face Lessons ตอนอื่น ๆ

Master Mentor คืออะไร? หรือจะเป็นหมากตัวใหม่รีแบรนด์ The Face

The Face Lesson EP.1-2 : เพราะชีวิตจริงคือการแข่งขัน แค่ “แฟร์” อย่างเดียวมันไม่พอ!

The Face Lessons EP.3: ทำดีแล้ว ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำดีกว่าเราไม่ได้

ภาพจาก: Facebook Page The Face Thailand