โดยปกติแล้ว คนเรามักจะนึกย้อนกลับคิดถึง คนนั้น คนนี้ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรามากกว่าที่จะคิดในมุมกลับกันว่า จริงๆ แล้ว ตัวเราเองก็เคยผ่านเข้าไปในชีวิตของใครต่อใครอยู่เหมือนกัน

อาจเข้าใจยากอยู่ซักหน่อย แต่ประเด็นซึ่งฟังดูละเอียดอ่อนที่เกริ่นเอาไว้ข้างต้นนั้น กลับถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเรียบง่ายแต่ลึกซึ้งแบบไม่น่าเชื่อผ่านหนังญี่ปุ่นเรื่องนี้ที่มีชื่อว่า A Story of Yonosuke (2013)

หนังความยาวเกือบ 3 ชั่วโมงเรื่องนี้ เล่าเรื่องที่ดูเหมือนจะหาแก่นสารอะไรไม่ได้ของ โยโกมิชิ โยโนสุเกะ เด็กต่างจังหวัดท่าทางเซ่อๆ ซ่าๆ ที่เดินทางมาเรียนต่อมหาลัยฯในโตเกียวแต่กลับหลุดเข้าไปอยู่ในชมรมเต้นแซมบ้า ต่อมาเพื่อนสนิทคนเดียวที่รู้จักกันในวันปฐมนิเทศก็ดันไปทำผู้หญิงท้องจนต้องลาออกไปเลี้ยงลูก ก่อนจะมาเจอเพื่อนใหม่ที่มาสารภาพกับเขาภายหลังว่าเป็นเกย์!

และเพื่อนเกย์คนนี้นี่แหละก็ทำให้ โยโนสุเกะ ได้ออกเดตกับลูกคุณหนูที่ดันมาตกหลุมรักหนุ่มท่าทางซื่อบื้อๆ อย่างเขาได้ยังไงก็ไม่ทราบ แต่ระหว่างนั้นเอง โยโนสุเกะ กลับแอบไปมีใจให้กับสาวใหญ่สุดฮ็อตคนหนึ่งที่บังเอิญไปเจอกันในร้านอาหาร

ทีเด็ดทีขาดของหนังอยู่ตรงนี้ครับ ระหว่างที่เรากำลังรับรู้เรื่องราวชีวิตของ โยโนสุเกะ (ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปลายยุค 80) อยู่นั้นเอง หนังก็ตัดสลับมาในยุคปัจจุบันพร้อมกับค่อยๆ พาเราไปพบกับตัวละครแต่ละตัวที่ โยโนสุเกะ เคยผ่านเข้าไปในชีวิตของพวกเขา และเผยให้เราได้เห็นว่า อีกสิบกว่าปีต่อมา โยโนสุเกะ ในความทรงจำของพวกเขาแต่ละคนเป็นยังไง

โดยชีวิตที่ดูไม่เป็นโล้เป็นพายของ โยโนสุเกะ ที่ยังแอบซ่อนอยู่ในความทรงจำของใครต่อใครนี่แหละ ทำให้คนดูอย่างเราได้ตระหนักว่า ‘มนุษย์’ ซึ่งต้องอยู่ร่วมกันในสังคม ล้วนแต่มีเรื่องให้ต้องเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงถึงกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

มีอยู่ฉากหนึ่งที่ส่วนตัวชอบมากเป็นพิเศษ เพราะสามารถอธิบายประเด็นดังกล่าวได้เป็นอย่างดี นั่นคือฉากคนที่พักอยู่ห้องข้างๆ โยโนสุเกะ ที่ปกติแล้วจะเอาแต่ล็อคประตูขังตัวเองอยู่ในอง ตัดสินใจเปิดประตูห้องออกมาเพื่อรับช็อคโกแล็ตที่มีคนส่งมาให้เขาแต่ช็อคโกแล็ตกล่องนั้นดันส่งผิดไปที่ห้องของ โยโนสุเกะ

และสุดท้ายหนุ่มข้างห้องผู้ลึกลับรายนี้ที่ทั้งเรื่องเราเกือบจะไม่ได้เห็นเขาแล้ว ก็กลายเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของ โยโนสุเกะ จนกลายเป็นความทรงจำของกันและกัน

นี่ยังไม่นับรวม ‘จุดหักมุม’ ของหนังที่ถูกใส่เข้ามาแบบไม่ให้คนดูได้ตั้งตัว จนทำให้เรารู้สึก ‘อิน’ กับเรื่องราวของ โยโนสุเกะ ที่ได้รับรู้กันไปแล้วก่อนหน้ามากขึ้น และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ‘จุดหักมุม’ ที่ว่า มันได้ทำให้เรื่องราวของ โยโนสุเกะ ในส่วนที่เหลือของหนังดูทรงพลังกว่าเดิมเป็นทวีคูณ!

นอกจากนั้น จะว่าไปแล้วตัวละครอย่าง โยโนสุเกะ ก็เหมือนกับคนที่มีชีวิตธรรมดาๆ ทั่วไปที่มักจะคิดว่า คนธรรมดาอย่างเราๆ คงไม่สำคัญพอที่จะเป็นที่จดจำของใครต่อใคร ซึ่งบางทีนั่นอาจจะเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องเท่าไหร่นัก

เพราะในท้ายที่สุดแล้ว แม้ต่างฝ่ายต่างอาจจะต้องจากลากันไปไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่อย่างน้อยๆ ทุกคนก็ยังจะเป็น ‘เศษเสี้ยว’ ที่ติดอยู่ในความทรงใจของกันละกัน

ซึ่งแน่นอนว่า ในฐานะของคนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ โยโนสุเกะ ก็จะเป็นหนึ่งในตัวละครที่อยู่ในความทรงจำของเราตลอดไปเช่นกัน…