วันวาเลนไทน์ หรือ วันแห่งความรัก กลายเป็นอีกเทศกาลที่หลายคนที่มีแฟนกำลังรอคอย วันนี้เราขอนำกิจกรรมและสิ่งที่น่าทำในวาเลนไทน์มาฝาก เพื่อให้ผ่านวันแห่งความรักนี้ไปได้ด้วยสีชมพู

1. ในวันวาเลนไทน์ควรจะมีการรณรงค์ ที่พุ่งเป้าหมายไปด้านอื่นบ้าง ไม่ใช่เรื่องการเสียตัวเพียงอย่างเดียว เช่นยกให้เป็นวันสุภาพบุรุษ วันรณรงค์รักต่อสิ่งแวดล้อมรวมถึงคนรอบข้าง วันแห่งการชวนกันทำความดี คู่รักชวนกันเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ สร้างสรรค์เช่น ไปแจกของให้เด็กชาวเขา ชวนกันทำฝายกั้นน้ำเป็นต้น ในวันวาเลนไทน์ควรจะเปลี่ยนค่านิยมผิดๆ จากวันเสียตัว มาเป็น “วันแห่งความรักนวลสงวนตัว”จะดีกว่า

2.ความรักของพ่อแม่ เป็นความรักที่ไม่มีวันหมดอายุ เพราะพ่อแม่ทำเพื่อเราเสมอ ดังนั้นในวันวาเลนไทน์ เราอย่าลืมบอกรักผู้ที่มีความรักให้เราอย่างยั่งยืน

3.ของขวัญที่ทำกับมือ ลงทุนน้อยมีค่าที่สุดแล้ว เช่น การ์ดบอกรักอวยพรคนที่เรารัก

4.กุหลาบราคาแพง หรือจำนวนมากๆ อาจไม่ได้แสดงว่าเขารักเรามากจริงๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นไม้กระถางเล็กๆ อยู่ได้นานแถมช่วยฟอกอากาศได้ด้วย

5.เราสามารถมีวันวาเลนไทน์ได้ทุกวัน เพียงแค่ทำทุกวันให้มีความรัก กับคนในครอบครัว กับเพื่อนร่วมงาน กับเพื่อนบ้าน กับสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราและสัตว์โลกเราก็มีวันแห่งความรักทุกๆวันไม่จำเป็นจะต้องเป็นวันที่14 กุมภาพันธ์เสมอไป

6.ไม่ควรคาดหวัง คิดไปเอง รอว่าใครจะมาเซอร์ไพรส์ด้วยกุหลาบช่อโตๆ เมื่อผิดหวังมาก็จะเสียใจในวันวาเลนไทน์นี้

7.ดื่มฉลองวันวาเลนไทน์เมามายไม่ได้สติ ผลที่ตามมาอาจจะเป็นเรื่องแย่ๆในวันดีๆก็เป็นได้

8.ไม่พูดขัดแย้งกันในวันดีๆ เช่น ไม่ขุดเรื่องเก่าชวนทะเลาะ หาประเด็นให้อีกฝ่ายไม่ประทับใจ

9.ไม่ควรโพสต์ข้อความเพ้อพร่ำ เช่น รักไม่สมหวัง อกหัก งดการดรามาออกสื่อในวันวาเลนไทน์นี้ หรือให้ร้ายคนอื่น บนโซเชียลดังนั้นวันวาเลนไทน์ปีนี้งดดราม่า ทำแต่ความดีในวันดีๆ แล้วความรักดีๆก็จะตามมาเอง

10. วันดีๆ เราก็ควรทำดี ชวนคนรักไปทำบุญ เอาใจใส่ดูแลกัน ไม่ว่าวัยรุ่นหนุ่มสาว พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง วันไหนๆก็จะกลายเป็นวันแห่งความรักที่ยั่งยืนตลอดไป

ทั้งนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าวาเลนไทน์เป็น เทศกาลยอดนิยมในกลุ่มวัยรุ่น มักจะมีการมอบของขวัญแทนความรักให้แก่กัน รวมถึงมีการมองว่าเป็นวันแห่งการเสียตัวของเหล่าวัยรุ่น แม้จะเป็นเรื่องเข้าใจผิดๆก็ตาม แต่รู้หรือไม่ว่า ไม่ใช่แค่วันวาเลนไทน์ แต่ทุกวันนี้ไม่ว่าเทศกาลไหนหรือวันไหน วัยรุ่นก็หาโอกาสมีเพศสัมพันธ์กันได้ง่ายขึ้นกว่ายุคก่อน

โดยในรายงานประจำปี 2560 ของสำนักอนามัยเจริญพันธุ์ได้เปิดเผยว่า การมีเพศสัมพันธ์ในกลุ่มนักเรียนเพิ่มขึ้นจากปี 2559 โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียนชายมีการใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก และครั้งล่าสุดในกลุ่มนักเรียนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สิ่งที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วงคือ จากรายงานระบุว่า อัตราป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นและเยาวชน อายุ 15-24 ปี มีอัตราเพิ่มสูงขึ้น
อย่างต่อเนื่องในระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา (ข้อมูล ณ ปี 2560) จากอัตรา 80.8 ต่อประชากรอายุ 15-24 ปี 100,000 คน ใน พ.ศ. 2553 เป็น 143.4 ต่อประชากรอายุ15-24 ปี 100,000 คน ในพ.ศ. 2559

ส่วนการคลอดในแม่วัยรุ่น พ.ศ. 2556-2559 ลดลงจากเดิม ทั้งในกลุ่มอายุ10-14 ปีและ 15-19 ปี แต่ที่น่าสังเกตคือการคลอดซ้ำในแม่วัยรุ่นที่เคยเพิ่มขึ้นทุกปีนั้น เริ่มลดลงใน พ.ศ. 2559 จากการสำรวจยังพบว่า ประมาณ 1 ใน 4 และ 1 ใน 5 ของนักเรียนชั้นม.5 ชาย และหญิง มีเพศสัมพันธ์แล้ว และเกือบ1 ใน 2 ของนักเรียน ปวช. ชั้นปีที่ 2 มีเพศสัมพันธ์แล้ว

จากข้อมูลที่นำเสนอในข้างต้น ยิ่งเป็นภาพสะท้อนว่า เรื่องของเพศสัมพันธ์กับวัยรุ่น เกิดขึ้นได้ทุกสถานการณ์ แม้จะควบคุมไม่ได้แต่สิ่งที่ผู้ใหญ่และผู้ปกครองสามารถทำได้คือการสอนอย่างเข้าใจอย่างถูกวิธี ไม่ใช่การสั่งห้ามปิดกั้นเพราะต้องเข้าใจด้วยว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ รวมถึงวัยรุ่นเป็นช่วงของวัยเจริญพันธุ์ มีความอยากรู้อยากลอง การให้ความรู้และเปิดอกคุยกันจะช่วยทำให้พ่อแม่และตัวของวัยรุ่นเองไม่ผิดพลาดจนนำไปสู่ปัญหาตามมาจนเสียอนาคต

Copyright© Bsite.In