ปฏิเสธไม่ได้เลยจริง ๆ ว่า เพศสัมพันธ์ คือหนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญในการชีวิตของมนุษย์ ไม่เพียงแค่เป็นการคลายเครียด หรือการเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักเท่านั้น แต่ยังเป็นกิจกรรมสำคัญในระดับสังคมด้วย เพราะการมีเพศสัมพันธ์ นัยหนึ่งก็คือการเพิ่มจำนวนประชากรให้กับสังคม และในตอนนี้ที่หลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศไทย กำลังประสบปัญหาการมีอัตราการเกิดที่ต่ำลงทุกปีอย่างต่อเนื่อง และงานวิจัยล่าสุดจากสหรัฐอเมริกาก็เปิดเผยแล้วว่าคนยุคนี้มีเพศสัมพันธ์น้อยลงจริง ๆ และมันมีแนวโน้มว่าจะน้อยลงเรื่อย ๆ ด้วย นี่อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่กว่าที่เราคิด

รายงานจาก the National Survey of Sexual Health and Behavior หรือ NSSHB ของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างกว่า 8,500 คน ตั้งแต่ปี 2009 – 2018 รายงานออกมาสอดคล้องกับการสำรวจของ National Surveys of Sexual Attitudes and Lifestyles หรือ Natsal ที่ได้รวบรวมข้อมูลพฤติกรรมทางเพศของกลุ่มตัวอย่างมาเป็นเวลากว่า 3 ทศวรรษ โดยเริ่มตั้งแต่ปี 1991 ค้นพบว่า กลุ่มตัวอย่างเข้าร่วมการสำรวจจะมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 5 ครั้งต่อเดือน สิบปีผ่านไป ในปี 2001 ผลสำรวจออกมาว่า จำนวนการมีเพศสัมพันธ์เฉลี่ยลดลงเหลือเพียง 4 ครั้งต่อเดือน จนในปี 2012 ตัวเลขเหลือเพียงแค่ 3 ครั้งต่อเดือนเท่านั้น

*หมายเหตุ สำหรับการสำรวจครั้งที่ 4 ที่ควรจะออกมาในปีนี้ ต้องถูกเลื่อนออกไปเพราะการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งทางทีมสำรวจคาดว่าจะศึกษาเสร็จภายในปี 2023 นี้

Soazig Clifton ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการของ Natsal ได้ให้เหตุผลต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้คนว่าเป็นเพราะกิจกรรมอื่น ๆ ในสังคมที่มีจำนวนมาก และหลายคนเลือกจะให้ความสำคัญกับสิ่งนั้นมากกว่าการมีเพศสัมพันธ์ อีกทั้งยังค้นพบว่า ผู้หญิงเลือกที่จะมีเพศสัมพันธ์น้อยลงมาก โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าต้องทำ คงต้องมารอติดตามกันต่อไปว่า เมื่อผลการสำรวจในยุคที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ออกมาแล้ว จะสะท้อนผลที่เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่

การที่ผู้คนต้องอยู่บ้านมากขึ้น จะเพิ่มจำนวนการมีเพศสัมพันธ์ได้ไหม? หรือมันจะยังคงลดน้อยลงเหมือนเดิม??

ข้อมูลจาก: https://www.sciencefocus.com/news/are-we-really-having-less-sex/