- Investment
“5 เทรนด์โฆษณาน่าจับตา” ฝ่าวิกฤตปี 2020 จาก CJ WORX
By JellyKiller • on Jan 12, 2020 • 1,543 Views
จากประสบการณ์ 9 ปีของการทำงานในวงการดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง CJ WORX ที่ร่วมงานกับแบรนด์ต่างๆ ในหลายแวดวงธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ทำให้เห็นทิศทางเทรนด์โฆษณาไทยที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2020 นี้
สัญญาณล่าสุดจากธนาคารแห่งประเทศไทย ปรับการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2563 จากเดิม 3.3% เหลือ 2.8% ในขณะที่ปีนี้เหลือเพียง 2.5% สะท้อนให้เห็นว่า การแข่งขันเพื่อการอยู่รอดจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้นอะไรที่ไม่ใช่ตัวจริง อาจต้องโบกมือบ๊ายบายแน่
มาดูเทรนด์โฆษณาปี 2020 ที่คาดการณ์จากประสบการณ์ของดิจิทัลเอเจนซี CJ WORX ที่มีรางวัลเวทีระดับนานาชาติการันตีล่าสุด จาก Campaign Asia Pacific 2019 กับ 4 รางวัล Southeast Asia Social Media Agency of The Year และ Thailand Independent Agency of The Year , Thailand Creative Agency of The Year และ Thailand Digital Agency of The Year ประสบการณ์ที่สั่งสมมา คุณจิณณ์ เผ่าประไพ Chairman And Founder บริษัท CJ WORX ให้ข้อมูลเทรนด์วงการโฆษณาและธุรกิจที่น่าจับตามองไว้ดังนี้
![“5 เทรนด์โฆษณาน่าจับตา” ฝ่าวิกฤตปี 2020 จาก CJ WORX 1 2 DMP 1](https://bsite.in/wp-content/uploads/2020/01/2-DMP-1-1024x685.jpg)
1. DATA ที่ทรงพลังต้องคู่กับ CREATIVTY
ในไทยหลักๆ DATA ที่ได้ยินกันบ่อยๆ จะเป็นเรื่อง Big DATA แต่ส่วนใหญ่เป็นแค่การใช้ Media DATA เพื่อนำมายิงโฆษณาแบบ Retargeting ในช่องทางต่างๆ ผลที่ตามมาคือ ผู้บริโภครู้สึกไม่ดีกับแบรนด์ เพราะไปขัดขวางความสนใจในการเสพคอนเทนต์ ดังนั้นทิศทางในการโฆษณาจึงจำเป็นต้องนำ DATA ที่มีความเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคเฉพาะราย มานำเสนอให้สอดคล้องกับโฆษณามากขึ้น
เมื่อมีการใช้ถังรวบรวมข้อมูลทั้งหลายอย่าง DMP (DATA Management Platform) เข้ามาวิเคราะห์ข้อมูลจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่อยู่ในโลกออนไลน์ จะสามารถนำมาคาดการณ์และปรับการสื่อสารให้กับเข้าผู้บริโภครายนั้นๆ เพื่อให้เกิดการต้องการสินค้าและซื้อในที่สุด
“DMP ที่ฉลาด ขาดไม่ได้คือคนมีประสบการณ์และความคิดสร้างสรรค์ ในการออกแบบชิ้นงานโฆษณา เพื่อรองรับพฤติกรรมของคนได้แบบเรียลไทม์ ทำให้เกิด Hyper-Personalization ไม่ใช่การคาดการณ์พฤติกรรมแบบเป็นกลุ่ม แต่เป็นการลงลึกในรายบุคคล”
![“5 เทรนด์โฆษณาน่าจับตา” ฝ่าวิกฤตปี 2020 จาก CJ WORX 2 3 ChatbotPsychology 1](https://bsite.in/wp-content/uploads/2020/01/3-ChatbotPsychology-1-1024x682.jpg)
2. New Era Chatbot ไม่ทำให้หงุดหงิดเพราะใช้จิตวิทยาเข้าช่วย
ที่ผ่านมา CJ WORX มีการใช้หลักจิตวิทยาในด้านการออกแบบเว็บไซต์ UX,UI เพื่อให้รู้สึกเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน และตอบสนองต่อพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนแปลงเร็วบนโลกออนไลน์ได้แค่ปลายนิ้วคลิก แต่ปี 2020 นับว่าจะเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ Chatbot เพราะ CJ WORX จะมีการใช้จิตวิทยาเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบคำถามและคำตอบ เพื่อให้เกิดความเป็นมิตรกับลูกค้าและรู้สึกดี แทนที่ความรู้สึกไม่ประทับใจจากการคุยกับหุ่นยนต์ การนำจิตวิทยาเข้ามามีส่วนในยุคใหม่ของ Chatbot นี้ เน้นการลงลึกในรายละเอียดคำถามและคำตอบให้เกิดความชัดเจนมากกว่าความหมายกว้างๆ ขณะเดียวกันภาษาที่ใช้ ก็มีความเข้าใจง่ายและเป็นมิตร เหมือนคุยกับพนักงานที่เป็นคนจริงๆ
![“5 เทรนด์โฆษณาน่าจับตา” ฝ่าวิกฤตปี 2020 จาก CJ WORX 3 page1 4](https://bsite.in/wp-content/uploads/2020/01/page1-4-1024x461.jpg)
3. ผนึกพลังหลาก Channel หลาย Message ส่งต่อแบรนด์ปัง
ที่ผ่านมาคงเคยได้ยินว่าในต่างประเทศมีการใช้สื่อในการโฆษณาที่แปลกแตกต่างไปจากเดิม อย่าง Omni Channel ที่เป็นการทำโฆษณาหลากหลายช่องทาง และมี Message ที่แตกต่างกัน เพื่อเป็นการเพิ่มความถี่ในการรับรู้ถึงแบรนด์ซ้ำๆ แต่ทุกช่องทางจะมีวัตถุประสงค์เดียวกันคือ วกกลับไปที่แบรนด์หรือโปรดักต์นั่นเอง
อินไซต์พฤติกรรมของผู้บริโภคคือ ไม่ดูซ้ำรอบที่สอง ประกอบกับความรู้ความเข้าใจใน Omni Channel ยังไม่มากนักเท่ากับต่างประเทศ ส่วนใหญ่ก็จะทำแคมเปญกับคลิป VDO และ SOCIAL CAMPAIGN แต่เชื่อว่า ในปี 2020 จะเป็นเทรนด์ที่จะกระตุกให้ผู้บริโภคหันมาสนใจในแบรนด์ได้อย่างอยู่หมัด คือ หลาย Message หลาย Channel
อย่างปรากฎการณ์ ฮาวทูทิ้งในช่วงนี้ ที่มีการทำคอนเทนต์ที่หลากหลายนอกเหนือจากการโปรโมทภาพยนตร์ ฮาวทูทิ้ง ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ แต่ยังแตกไปหลายประเด็นและ Message ไปหลากหลายตีโจทย์ไปเรื่องการทิ้ง เพื่อให้เกิดประโยชน์กับสังคม และประเด็นอื่นๆที่แตกต่างกันไปตามไอเดียสร้างสรรค์
![“5 เทรนด์โฆษณาน่าจับตา” ฝ่าวิกฤตปี 2020 จาก CJ WORX 4 page3 1](https://bsite.in/wp-content/uploads/2020/01/page3-1-1024x658.jpg)
4. เมิน Hard Sale เน้นสร้างภาพจำผ่าน Brand Experience
การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค ที่ไม่เน้นการสร้างยอดขายโปรดักต์ของแบรนด์ แต่เน้นการสร้างประสบการณ์ร่วม สร้างภาพจำกับแบรนด์ ว่าอยากให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์อย่างไร โดยใช้ช่องทางการโฆษณาในรูปแบบต่างๆ สื่อสารออกไป ให้ภาพลักษณ์โดยรวมขององค์กรดีขึ้น
ในต่างประเทศมีมาสักพักแล้ว แต่ในไทยยังไม่เห็นมากนัก ส่วนใหญ่จะเน้นการสร้างภาพยนตร์โฆษณา แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาใช้รูปแบบโฆษณาที่แปลกๆ และหลากหลายมากยิ่งขึ้น อย่างงานล่าสุดของ AP Thai ที่มีแคมเปญ #รูปนี้แม่ถ่าย #รูปนี้พ่อถ่าย เป็นการแบ่งปันประสบการณ์ที่แบรนด์เชื่อมั่นว่า บ้านไม่ใช่แค่สถานที่ให้อยู่อาศัย แต่เป็นที่ไหนก็ได้ที่สมาชิกในบ้านได้ใช้เวลาร่วมกัน เราจึงอยากให้พ่อแม่และลูกกลับมาใกล้ชิดกัน โดยพาพวกท่านออกไปถ่ายรูปตามวิถีคนรุ่นใหม่ และสร้างประสบการณ์ร่วมกัน นี่คือสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคสามารถจดจำแบรนด์ได้ดี
![“5 เทรนด์โฆษณาน่าจับตา” ฝ่าวิกฤตปี 2020 จาก CJ WORX 5 7 restaurant](https://bsite.in/wp-content/uploads/2020/01/7-restaurant-1024x683.jpg)
5. ธุรกิจแนวใหม่จาก Product Channel ยิ่งแปลกยิ่งแตกต่าง
การพัฒนาจาก Media Channel กลายเป็น Product Channel ที่มีช่องทางการสื่อสารและมีผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเอง อาทิ Line , Grab Food , Uber Eat ฯลฯ แม้ว่าสองรายหลังนี้ เป็นสายเดลิเวอรีอาหาร แต่ถือว่าเป็น Product Channel เป็นศูนย์กลางหรือ Hub ที่มีหลายๆแบรนด์ (Multi Brand) รวมอยู่ในช่องทางนี้ สร้างโอกาสทางธุรกิจเนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายจากแบรนด์ต่างๆ รวมอยู่ในที่เดียว
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Grab Restaurant ในต่างประเทศ ที่มีการปรับปรุงห้องแถว 1 ห้องให้กลายเป็นภัตตาคารตามสไตล์ต่างๆ ที่สำคัญคือไม่มีครัว แต่ลูกค้าสามารถสั่งอาหารอะไรก็ได้ นับร้อยและพันเมนูจากร้านดังในออนไลน์ที่ร่วมมือกันให้ปรุงอาหารและมาส่งให้ที่ภัตตาคารแห่งนี้
จึงนับว่าเป็นธุรกิจแบบใหม่ ประเภท Product Channel ที่ไม่ใช่การโฆษณา โดยฮับนี้มีหลากหลายแบรนด์ ผสมผสานทางกายภาพและเรื่องออนไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อให้ผู้บริโภคได้ประสบการณ์จากการสัมผัสจริงๆ แต่มีวิธีของการออนไลน์เข้ามาเชื่อมต่อกัน
![“5 เทรนด์โฆษณาน่าจับตา” ฝ่าวิกฤตปี 2020 จาก CJ WORX 6 page4 1](https://bsite.in/wp-content/uploads/2020/01/page4-1-1024x461.jpg)
ปรับตัวไม่ใช่เพื่ออยู่รอด แต่เพื่อยกระดับวงการโฆษณาไทย
คุณจิณณ์ อธิบายว่า ในส่วนของ CJ WORX ในฐานะ Today Agency คือ เอเจนซีของวันนี้ เมื่อเวลาเปลี่ยนแปลงไปในอนาคตโดยเกิดเครื่องมือใหม่ๆ ขึ้น เราก็ใช้ความคิดสร้างสรรค์ไปพร้อมกับเครื่องมือและช่องทางเหล่านั้น
ช่วงต้นปีเราพัฒนาให้มีการใช้ BED ( Branded Entertainment Data ) ที่นำเอา Entertainment Data ที่ได้รับจากแฟนคลับที่ชอบศิลปิน มาวิเคราะห์หาอินไซต์ และต่อยอดด้วยความคิดสร้างสรรค์ หาช่องทางและโอกาสการสื่อสารกับผู้บริโภคโดยไม่รู้สึกยัดเยียด รวมถึงก่อนหน้านี้มี DMP ที่ร่วมเป็นมือกับ Relay42 บริษัทจากเนเธอแลนด์ เพื่อให้ได้ถังข้อมูลกลางที่สามารถแยกแยะ , รวบรวม พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลให้เป็นประโยชน์ในการสร้างสรรค์งานโฆษณาลงรายละเอียดพฤติกรรมความชอบเฉพาะรายบุคคลได้ในทันที ผลลัพธ์คือลดต้นทุนการโฆษณาลงได้กว่า 80% ล่าสุดมีให้บริการใช้ศาสตร์จิตวิทยาในการพัฒนา Chatbot ยุคใหม่ ที่เป็นมิตรกับผู้บริโภคมากขึ้น โดยใช้หลักจิตวิทยาในการสร้างคำถามและคำตอบ ศาสตร์ที่ถ่ายทอดจากประเทศเนเธอแลนด์จนเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกมาแล้ว
“ในส่วนรางวัลที่ได้รับจากงาน Campaign Asia Pacific 2019 เป็นหนึ่งในความภูมิใจ ไม่ใช่ของ CJ WORX และ SPORE BANGKOK เท่านั้น แต่ความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่กว่าคือ เราเป็นเอเจนซีสัญชาติไทย ที่ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ต่างๆที่มาจากมันสมองคนไทย สร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อหวังยกระดับวงการโฆษณาไทยให้พัฒนาไปยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการพิสูจน์ความสามารถของคนไทยที่ยืนหยัดในเวทีมาตรฐานระดับโลกด้วย” คุณจิณณ์ได้พูดถึงรางวัลที่ได้รับล่าสุด
![“5 เทรนด์โฆษณาน่าจับตา” ฝ่าวิกฤตปี 2020 จาก CJ WORX 7 11 Trend](https://bsite.in/wp-content/uploads/2020/01/11-Trend-1024x480.jpg)
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในชีวิตรวมถึงการค้าและธุรกิจต่างๆ ล้วนเกิดจากการเรียนรู้ทั้งการลองถูกและผิดแทบทั้งสิ้น แต่คงจะดีกว่า ถ้าหากองค์ความรู้ที่เราจะได้มา สำหรับการก้าวต่อไปข้างหน้านั้น มีผู้ลองผิดลองถูกมาก่อน คอยแนะนำทางที่ควรจะเป็น เตรียมพร้อมวางแผนรับมือหากเกิดสิ่งไม่คาดหวังขึ้น เพื่อให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงยิ่งขึ้น
เพราะในทุกสถานการณ์ขับขันมักมีโอกาสเข้ามาเสมอ แต่อยู่ที่มุมมองว่ามองเป็นวิกฤตหรือโอกาส และกล้าตัดสินใจลงมือทำ และยอมรับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นหรือไม่
ABOUT THE AUTHOR
JellyKiller