Marvel Cinematic Universe สตูดิโอที่สร้างภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ยาวมายาวนานมากกว่า 10 ปี เก็บเกี่ยวแฟนคลับทั่วโลกจนกลายเป็นจนทำให้ภาพยนตร์แนวนี้กลายเป็นภาพยนตร์กระแสหลักไปแล้วในยุคปัจจุบัน แต่ในตอนนี้ที่ความหลากหลายกลายเป็นประเด็นสำคัญของโลก พวกเขาก็กำลังเดินไปในทิศทางใหม่ที่น่าสนใจไม่น้อย กับการขยับไปเล่าเรื่องราวแนะนำตัวละครฮีโร่คนใหม่ ๆ ผ่านซีรีส์ที่ฉายบนบริการสตรีมมิ่ง Disney+ ซึ่งล่าสุดกับซีรีส์เรื่อง Ms.Marvel ที่มาพร้อมกับความน่าสนใจในการเป็น ซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวซูเปอร์ฮีโร่วัยรุ่นหน้าใหม่ที่นับถือศาสนาอิสลาม เป็นฮีโร่มุสลิมเชื้อสายปากีสถานคนแรก พวกเขาก็นำเสนอมันออกมาได้น่าสนใจ และทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่มากกว่าสวนสนุกซูเปอร์ฮีโร่ที่มักจะโดนค่อนขอดอยู่เป็นประจำ

Ms.Marvel เล่าเรื่องราวของ กมลา ข่าน เด็กสาวชาวปากีสถาน ติ่งซูเปอร์ฮีโร่ขนานแท้ ที่ครอบครัวย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากใหม่ที่นิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา ครอบครัวของเธอนับถือศาสนาอิสลาม เธอใช้ชีวิตในเป็นเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่ว ๆ ไป แต่ก็ต้องรับมือกับความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่เกิดขึ้น จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้พบกับกำไลปริศนาที่เป็นของตกทอดมาจากบรรพบุรุษ กำไลนั้นได้ปลดล็อคความสามารถบางอย่างของเธอขึ้น ทำให้เธอมีพลังพิเศษ และก้าวเข้าสู่โลกของซูเปอร์ฮีโร่ที่เธอใฝ่ฝันถึงมาโดยตลอด

เรื่องย่อข้างบนนี้ดูแล้วอาจจะเหมือนหนังซูเปอร์ฮีโร่ Coming of Age ธรรมดา ๆ ทั่ว ๆ ไป แต่สิ่งที่สอดแทรกเข้ามาในตัวเรื่อง ที่แม้ว่าจะดำเนินมาแค่ 2 ตอน ก็น่าสนใจจนเราอดไม่ได้ที่จะต้องหยิบมาเล่าต่อ และอยากจะเชิญชวนให้ทุกคนได้ไปดูกันให้ได้ นั่นก็คือ ประเด็นเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ที่เจาะลึกลงไปถึงความเท่าเทียมทางเพศ และวัฒนธรรมการดำเนินชีวิตของชาวมุสลิม ที่แม้ว่าจะเป็นการเกิดขึ้นในสังคมอเมริกัน ไม่ใช่พื้นถิ่นอย่างตะวันออกกลาง หรือเอเชียใต้ แต่ก็สามารถทำให้เราได้เห็นภาพวิถีชีวิตของชาวมุสลิม และเรื่องราวของพวกเขาในมุมที่แตกต่างออกไปได้

สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือ ภาพจำของชาวมุสลิม หรือศาสนาอิสลาม ที่มักจะติดตาคนทั่วไป จากการนำเสนอของสื่อ หรือสิ่งที่พวกเราได้ประสบมา มักจะเต็มไปด้วยความหัวรุนแรง ความเคร่งครัดในการนับถือศาสนา หรือการไม่ผ่อนปรนต่อข้อกำหนดของศาสนาใด ๆ ทั้งสิ้น ความจริงในฐานะที่ผู้เขียนเคยคลุกคลีกับศาสนานี้มาก็คือ คำสอนของศาสนาอิสลามจะมีอิทธิพลในทุกเรื่องของวิถีชีวิตชาวมุสลิม พวกเขามีคำอธิบายในทุกกิจกรรมของการดำเนินชีวิต ดังนั้นจึงไม่แปลกหากการใช้ชีวิตของชาวมุสลิมจะแตกต่างจากศาสนาอื่น ๆ จนหลายคนมองว่ามันคือความเคร่งศาสนา

โดยซีรีส์ Ms.Marvel ตอนที่ 2 ที่เพิ่งจะฉายลงบน Disney+ Hotstar ไปเมื่อวันพุธที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมานี้ก็ได้นำเสนอในเรื่องราวนี้อย่างตรงไปตรงมา พวกเขาพาเราไปสำรวจวัฒนธรรมของชาวมุสลิม ทั้งการละหมาดที่มัสยิด หรือการจัดงานเฉลิมฉลองที่เรียกว่า “วันอีด” ซึ่งถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็คือ มันเหมือนกับงานวันสงกรานต์ของไทย, วันคริสต์มาส หรือวันอีสเตอร์ของชาวคริสต์ นั่นเอง ภาพที่ถูกนำเสนออกมาเต็มไปด้วยความอบอุ่นของสังคมชาวมุสลิม ความงดงามของการใช้ชีวิตพวกเขามันแทบไม่ต่างอะไรกับการใช้ชีวิตของพวกเราเลย

ตัวซีรีส์ก็ไม่ได้นำเสนอแค่ภาพสวยงามเท่านั้น แต่ยังตั้งคำถามกับศาสนาอิสลามด้วยเช่นกัน ผ่านตัวละคร กมลา ข่าน ตัวละครเอกของเรื่อง ที่ตั้งคำถามกับการแบ่งพื้นที่การละหมาดระหว่างชายหญิง ที่ทำให้เธอไม่สามารถได้ยินสิ่งที่ผู้นำการละหมาดสามารถพูดได้ชัด หรือการที่จุดเตรียมตัวก่อนการละหมาดของผู้หญิงนั้นมีความชำรุดทรุดโทรม หรือกระทั่งพื้นพรมที่ใช้ละหมาดก็เก่าเสียจนราขึ้น แตกต่างจากฝั่งผู้ชายที่ดูใหม่กว่าอย่างเห็นได้ชัด ไม่เพียงเท่านั้น ในตอนที่ 1 ของเรื่อง ซีรีส์ยังเล่นประเด็นเรื่องลูกชาย และลูกสาวในครอบครัวมุสลิม ที่ลูกชายมักจะได้อิสระในการตัดสินใจ หรือใช้ชีวิต ขณะที่ลูกสาวมักจะถูกควบคุมให้อยู่ในโอวาทมากกว่า

สิ่งที่มากกว่านั้นก็คือ การผลักดันพลังของผู้หญิงในศาสนาอิสลามที่ถูกนำเสนอผ่านตัวซีรีส์ ผ่านตัวละคร นาเคีย เพื่อนสนิทของกมลา ตัวละครเอก กับการที่เธอมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นในมัสยิดของชุมชน และอยากจะเปลี่ยนแปลงมัน ทั้งความไม่เท่าเทียมระหว่างชายหญิงที่กล่าวไปข้างบน หรือปัญหาที่ดูเหมือนเล็ก แต่ใหญ่โตอย่างการลักขโมยรองเท้าในมัสยิด ทำให้เธอตัดสินใจที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการบริหารของมัสยิด ตำแหน่งที่ถูกผูกขาดโดยผู้ชายมาโดยตลอด

ไม่เพียงเท่านั้น ตัวละครนาเคีย ยังได้เปิดใจถึงเรื่องราวในชีวิตของเธอในตอนนี้ด้วย เธอเป็นลูกครึ่งที่มักจะถูกสบประมาทจากทั้งฝั่งอเมริกัน และฝั่งมุสลิมอยู่เสมอ จนรู้สึกไม่เป็นส่วนร่วมกับฝ่ายไหนทั้งสิ้น จนเธอตัดสินใจที่จะสวมฮิญาบ แรกเริ่มก็เพื่อจะให้คนที่ว่าร้ายเธอเงียบไป แต่สุดท้ายการสวมฮิญาบก็ทำให้เธอรู้สึกเป็นตัวเองมากขึ้น ได้เจอสิ่งที่นิยามความเป็นตัวเอง ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่น่าสนใจมากเลยทีเดียวที่ซีรีส์เลือกจะขับประเด็นนี้ออกมา เพราะหลายครั้งที่การสวมฮิญาบมักจะถูกตีตราไปต่าง ๆ นา ๆ ตามภาพจำที่ถูกหล่อหลอม แต่ยังไงมันก็เป็นเครื่องแต่งกาย และหน้าที่ของเครื่องแต่งกายก็คือ การนำเสนอความเป็นตัวตนของคนที่สวมใส่ ทำให้พวกเขามั่นใจ และสามารถเป็นตัวเองได้ในแบบที่อยากเป็น

ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าแรกเริ่มแล้ว เราแทบจะมองซีรีส์ Ms.Marvel เป็นซีรีส์นอกสายตา จนเมื่อดูตอนที่ 1 แล้วก็ยังไม่ได้รู้สึกชื่นชอบอะไรมากนัก กระทั่งตอนที่ 2 ตัวซีรีส์ก็ได้นำเสนอประเด็นที่น่าสนใจ โดยไม่บังคับให้เราต้องตื่นตาตื่นใจกับความเป็นซูเปอร์ฮีโร่ หรือฉากแอ็กชั่น พวกเขาค่อย ๆ พาเราไปซึมซับ ทำความรู้จัก และเข้าใจตัวละครต่าง ๆ ที่อยู่ในเรื่อง ไม่ใช่แค่ตัวละครหลัก แต่เป็นตัวละครแวดล้อมทั้งหมดด้วย ซึ่งพวกเขานำเสนอออกมาได้อย่างเรียบง่าย ดูสบาย ไม่ซับซ้อน แถมยังฟีลกู๊ดชวนให้ยิ้มไปได้ตลอดทั้งเรื่อง เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์อีกเรื่องที่ Marvel Studios ทำออกมาได้น่าติดตามไม่น้อย คงต้องมารอดูกันว่าในอีก 4 ตอนที่เหลือ พวกเขาจะดำเนินเรื่องนี้ต่อไปในทิศทางไหน ใครที่อยากจะติดตามก็สามารถรับชมได้ ทุกวันพุธ บน Disney+ Hotstar