- Money
เกิดอะไรขึ้นบ้างจากวิกฤต ‘เข็ม สตรอว์เบอร์รี’ เฮอร์ริเคนโหมทำลาย ศก.ออสซี่
By ทีมงาน bsite • on Sep 21, 2018 • 2,588 Views
เรียกว่าเป็นพล็อตเรื่องที่ คริสโตเฟอร์ โนแลน, จอร์จ ลูคัส และแม้แต่ 2 พี่น้อง รุสโซ จะต้องอยากนำมาทำเป็นหนังอย่างแน่นอน
เมื่อจู่ๆ ก็เกิดคดีปริศนาที่ทั่วทั้งแผ่นดินจิงโจ้ ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า ใครกันที่นำ “เข็ม” ไปซ่อนไว้ตามผลไม้ต่างๆ มากมายทั่วประเทศออสเตรเลีย!!
ความวิตก ความกลัว แผ่ซ่านไปทั่วประเทศ หลังจากที่เริ่มมีการทยอยค้นพบ “เข็ม” บางแหลมเปี๊ยบเสียบซ่อนอยู่ภายในลูกสตรอว์เบอร์รีสีแดงฉ่ำ ซึ่งในระยะแรกอาจจะพบเพียงแค่ไม่กี่ลูก จนเบื้องต้นก็คิดว่าเป็นความพลั้งเผลอหรือบังเอิญ
แต่เมื่อกาลผ่านไป ก็พบว่าไม่ใช่! เพราะเริ่มบานปลายไปหลายร้อยลูก ลามไปถึงผลไม้ชนิดอื่นด้วย เช่น แอปเปิ้ล และกล้วย ล่าสุดคือ มะม่วง จนกระทบอุตสาหกรรมผลไม้ของทั้งประเทศออสเตรเลีย กระเทือนแม้กระทั่งเก้าอี้ นายกฯ และรัฐมนตรี เป็นข่าวคึกโครมไปทั่วโลก สะเทือนยิ่งกว่าเรื่อง โจ้จอยเก็บมะม่วงไม่เท่ากัน ในบ้านเราด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวระบุว่า มีเข็มอย่างน้อย 100 เล่ม ที่ซ่อนอยู่ในผลไม้ ซึ่งได้รับรายงานว่ามีการกระทำแบบเดียวกันนอกประเทศ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นการลอกเลียนแบบสิ่งที่เกิดขึ้นในออสเตรเลีย
แต่ความน่าวิตกกว่านั้นคือ ความสูญเสียของเกษตรกร ซึ่งเป็นผลมาจากอาการผวาหวาดกลัวเข็มของผู้บริโภค ที่กลายเป็นกระแสอย่างรวดเร็ว จนเกิดเป็นแคมเปญบนโซเชียลมีเดียว่า #SmashAStrawb หรือให้มีการทุบสตรอว์เบอร์รีก่อนกิน เพื่อเป็นการสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกแต่ในขณะเดียวกันก็ทำการตรวจสอบผลไม้ก่อนว่าทานได้หรือไม่
Western Australians, get behind our local industry. Slice them in half and #SmashAStrawb to help out our local growers today. ? pic.twitter.com/KMoHeTKPpJ
— Mark McGowan (@MarkMcGowanMP) September 18, 2018
ซึ่งจากผลกระทบมากมายที่เกิดขึ้นนี้ รัฐบาลออสเตรเลียก็ตัดสินใจประกาศบทลงโทษที่รุนแรง โดยคนที่ลงมือกระทำสอดเข็มลงไปในผลไม้ ได้รับโทษเพิ่มขึ้น จาก 10 ปีเป็น 15 ปี แต่ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันว่าเหมาะสมหรือไม่
เนื่องจากมีการเปรียบเทียบกันระหว่าง คดีลามกอนาจารหรือข่มขืนกระทำชำเราผู้เยาว์โดยเจตนา ซึ่งโทษนี้ถือเป็นขั้นสูงสุดนั่นคือ 10 ปี ในรัฐวิคตอเรียของออสเตรเลีย แต่กับเหตุการณ์นี้ได้รับโทษที่สูงมากกว่า!
“มันไม่ใช่เรื่องโจ๊ก มันไม่ใช่เรื่องตลก ที่คุณจะมาเล่นกับเรื่องของชีวิตผู้คน พวกเขา (เกษตรกร) ต่างทำงานหนัก คุณทำให้เด็กๆ ต้องหวาดกลัว
คุณคือพวกขี้ขลาดตาขาว ซ่อนตัวอยู่ในหลืบ และถ้าคุณยังทำอย่างนี้อยู่อีกเราจะตามไปจับคุณให้ได้”
น้ำเสียงขึงขัง (แบบไม่ #เกาะโต๊ะ)
ของ Scott Morrison นายกฯออสเตรเลีย
ย้อนกลับไปช่วงเกิดเหตุ เมื่อสัปดาห์ก่อนเกิดข่าวคึกโครมว่า เข็มเย็บผ้าและเข็มหมุดถูกพบซ่อนอยู่ในผลสตรอว์เบอร์รีหลายลูก ทั้งหมด 6 รัฐออสเตรเลีย อย่างน้อย 6 แบรนด์สินค้า นอกจากนี้ ยังพบว่าไปโผล่อยู่ในกล้วย แอปเปิ้ล และล่าสุดคือมะม่วง
หลังจากจับสาเหตุและคนลงมือไม่ได้ ทั่วโลกก็ประโคมข่าวนี้ไปทั่ว กระทบต่อการส่งออกยังต่างประเทศ สตรอว์เบอร์รีสดๆ ถูกสแกนด้วยเครื่องตรวจจับโลหะหรือเครื่องเอ็กซ์เรย์ นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรออสเตรเลีย ยังประกาศย้ำว่าทุกขั้นตอนจะต้องทำอย่างละเอียดเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ผู้บริโภค
“ลำพังการเช็คหรือตรวจสอบด้วยตา ไม่อาจยอมรับและวัดผลได้” ในแถลงการณ์ของกระทรวงเกษตรระบุ
นอกจากนี้ ยังกระทบไปยังซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ ทั่วออสเตรเลียด้วย ซึ่งจะพบว่าสตรอว์เบอร์รีว่างเปล่าไม่มีในเชลฟ์ นั่นคือปฏิกริยาตอบสนองอันเกิดจากความหวาดกลัว แต่ผลกระทบมันส่งผลไปไกลในระดับโลกแล้ว
การส่งออกสตรอว์เบอร์รีของออสเตรเลีย ไปยังฮ่องกง, มาเลเซีย, สิงคโปร์, ไทย และยูเออี รวมทั้งในประเทศอื่นใกล้เคียง ถูกระงับเอาไว้ โดยรีเทลเลอร์รายใหญ่ในนิวซีแลนด์ก็ต้องถอนตัวออกจากการขายสตรอว์เบอร์รีออสเตรเลียเช่นกัน
ผู้ซื้อบางรายในรัสเซียและสหราชอาณาจักร ก็ยังบล็อกการนำเข้าจากออสเตรเลียเช่นกัน
#BREAKING
EXCLUSIVE @7NewsSydney @7NewsBrisbane@NSWPolice is investigating the discovery of a needle inserted into an apple in Sydney’s north-west.
More to come. pic.twitter.com/fHDtrzX3Lu— Robert Ovadia ? (@RobertOvadia) September 18, 2018
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดการแพนิค นักการเมืองหลายคน รวมทั้งโซเชียลมีเดีย ต่างก็ช่วยกันร่วมจอยในแคมเปญ #SmashAStrawb ด้วยการโพสต์ภาพตัวเองในขณะทานสตรอว์เบอร์รี หรือการนำสตรอว์เบอร์รีออกมาทำเมนูต่างๆ เพื่อพิสูจน์ว่าปลอดภัย เป็นการช่วยเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งนอกจากแคมเปญ #SmashAStrawb แล้วก็ยังมีแคมเปญ “Cut ’em up. Don’t cut ’em out,” ซึ่งมาจากพรรคการเมืองออสเตรีเลียที่ร่วมรณรงค์บนโซเชียลมีเดีย
Cut ’em up.
Don’t cut ’em out ?#smashastrawb pic.twitter.com/bvjFck2PbK
— The Nationals WA (@TheNationalsWA) September 18, 2018
#smashastrawb have a go everyone. Strawberry tarts using the best of WA strawberries -yum! pic.twitter.com/mmvwt5kBAs
— natalie briant (@NatalieBriant) September 18, 2018
ทว่า ทั้งๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากสาธารณะ แต่ตัวแทนของอุตสาหกรรมสตรอว์เบอร์รีออสเตรเลียก็ยังบอกกับ CNN ว่าพวกเขาก็ยังวิตกถึงผลกระทบของเกษตรกรในประเทศอยู่ดี
แค่เฉพาะในรัฐ Queensland ก็มีผู้ปลูกสตรอว์เบอร์รีมากถึง 150 ราย และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ถึง 15,000 ตันของฤดูผลไม้ นอกจากนี้ โดยค่าเฉลี่ยแล้วอุตสหากรรมสตรอว์เบอร์รีมี
มูลค่าสูงถึง 160 ล้านดอลลาร์ เลยทีเดียว!!
ทั้งนี้ เกษตรกรรายหนึ่งบ่นกับ CNN ว่า วิกฤตสตรอว์เบอร์รีที่เกิดขึ้นในรัฐนิวเซาท์เวลส์นี้ มันคือ “ความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของเกษตรกรควีนส์แลนด์ ผู้ผลิตผลไม้รายใหญ่ของประเทศ”
และจากความวิตกความขวัญเสียดังกล่าว จึงไม่แปลกใจเลยที่ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย Morrison ได้ประกาศบทลงโทษที่แข็งกร้าวรุนแรงขนาดนั้นออกมา
“เราจะยังยั้งปัญหานี้ให้ถึงที่สุด แต่เราก็ต้องการการสนับสนุนเช่นกัน เพียงแค่กลับไปเริ่มซื้อสตรอว์เบอร์รีกันอีกครั้ง เช่นเดียวกับที่เคยทำเมื่อก่อน” นายกฯ ออสซี่กล่าว
.@ScottMorrisonMP on strawberry tampering crisis: We will create a new offence that deals with the issue of recklessness.
MORE: https://t.co/xJEP5oJ5yE #newsday pic.twitter.com/EXyeSrTvlr
— Sky News Australia (@SkyNewsAust) September 19, 2018
การบังคับใช้กฎหมายกับเรื่องนี้จะต้องกระทำการอย่างรวดเร็ว และคำนึงถึงสุขภาพของผู้คนที่หวาดวิตก โดยที่ Annastacia Palaszczuk นายกเทศมนตรีรัฐควีนส์แลนด์ และทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 100 คนต่างก็เร่งมือควานหาตัวคนร้ายให้ได้
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งรางวัลนำจับถึง 1 แสนดอลลาร์ เพื่อมอบให้กับผู้ให้เบาะแสและนำไปสู่การจับกุมคนร้ายที่กระทำการเรื่องนี้อีกด้วย
และหลังจากที่ประกาศท่าทีและน้ำเสียงขึงขังน่ากลัวจังไม่นุ่มนวลอ่อนหวาน ไม่ #เกาะโต๊ะ แถลงข่าวด้วย ทั่นนายกฯ Morrison ก็ทำการหม่ำ “พัฟโลว่า” (ขนมหวานคล้ายเมอแรงก์) หน้าสตรอว์เบอร์รีโชว์สื่อเมื่อวันพุธ (19 ก.ย.) ที่ผ่านมาอีกด้วย.
ABOUT THE AUTHOR
ทีมงาน bsite
Biographical Info