- Investment
เปิดศึก! ธุรกิจส่งของชิงตลาดแม่ค้าออนไลน์-SME เมื่อ ‘ร้านสะดวกซื้อ’ ส่งพัสดุได้
By Sanook D Pipat • on Oct 31, 2018 • 4,139 Views
ยุคนี้การขายของออนไลน์เป็นธุรกิจที่ทำเงินอย่างรวดเร็ว เพราะใครๆ ก็สามารถเลือกซื้อของได้
แม้จะอยู่ที่บ้านหรือที่ออฟฟิศ
แต่ปัญหาที่ตามมาของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องพบเจอประจำ คือการส่งของที่ต้องไปรอคิวนานที่ ปณ.ทำให้เสียเวลา หรือปัญหาการส่งของล่าช้า แม้ปัจจุบันจะมีเอกชนเปิดธุรกิจรับส่งพัสดุเป็นคู่แข่งกับไปรษณีย์ไทยที่บริการแสนประทับใจ แต่ยังถือว่ายังไม่ค่อยสะดวกมากนักเพราะจุดบริการยังมีอยู่จำกัดและมีเวลาเปิด-ปิดทำการ รวมถึงมีวันหยุดด้วย
ทว่า เรามีข้อมูลมาบอกว่าการส่งพัสดุจะง่ายขึ้นกว่าเดิม เพราะร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านคุณก็สามารถรับส่งพัสดุได้แล้ว
ดังนั้น เราจะพาทุกคนมาเจาะตลาด เปรียบเทียบบริการรับส่งพัสดุของร้านสะดวกซื้อแต่ละเจ้ากัน!!
ส่งพัสดุที่ FamilyMart และ Tops Daily
เป็นการจับมือกับ Kerry Express ให้บริการรับส่งพัสดุ โดย FamilyMart (เปิดบริการพัสดุตั้งแต่ ก.ย. 60) ตลอด 24 ชั่วโมง สาขาที่รองรับอยู่เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 300 กว่าสาขา มีแผนจะเปิดเพิ่มในสาขาหัวเมืองท่องเที่ยว และ Tops Daily เปิดให้บริการ 47 สาขานำร่อง (เปิดบริการพัสดุ มี.ค. 61) มีแผนจะเปิดเพิ่มให้ครบ 70 สาขา
โดย Kerry Express ชูสโลแกนว่า ส่งพัสดุด่วนทั่วไทยถึงวันถัดไป โดยจะต้องส่งพัสดุ วันจันทร์-ศุกร์ ก่อน 14.00 น. ถึงจะได้รับวันถัดไป แต่ถ้าพื้นที่ห่างไกลจะใช้เวลา 2 วันทำการ ราคาส่งเริ่มต้น 35 บาท มีกล่องและราคาบริการส่งดังนี้
- ซองกันกระแทก ขนาด A4 ค่าซอง 12 บาท ค่าส่งในกรุงเทพ 35 บาท ค่าส่งต่างจังหวัด 59 บาท
- กล่องไซส์มินิ ขนาด 40 เซนติเมตร ค่ากล่อง 10 บาท ค่าส่งในกรุงเทพ 35 บาท ค่าส่งต่างจังหวัด 59 บาท
- กล่องไซส์S ขนาด 60 เซนติเมตร ค่ากล่อง 17 บาท ค่าส่งในกรุงเทพ 79 บาท ค่าส่งต่างจังหวัด 99 บาท
- กล่องไซส์S+ ขนาด 75 เซนติเมตร ค่ากล่อง 25 บาท ค่าส่งในกรุงเทพ 99 บาท ค่าส่งต่างจังหวัด 119 บาท
ขั้นตอน : เข้าไปที่สาขาที่ให้บริการ โดยสังเกตหน้าร้านจะมีสัญลักษณ์รับส่งพัสดุของเคอรี่ติดอยู่ด้วย จากนั้นซื้อกล่องหรือซอง จ่าหน้าชื่อผู้รับให้เรียบร้อย จากนั้นชำระเงินที่จุดบริการ พนักงานจะทำการสแกนบัตรส่งพัสดุของ Kerry แล้วให้ QR Code ในการติดตามพัสดุกับเราเป็นอันเสร็จสิ้น
ข้อจำกัด : QR code จะเข้าไปในระบบติดตามพัสดุของ Kerry ต้องรอ 1-2 วัน หากติดวันหยุดเสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์จะไม่มีการเข้าไปรับสินค้าที่เราส่ง ต้องรอจนวันเปิดทำการ
ปัจจุบัน Kerry Express ถือว่าเป็นขนส่งพัสดุรายใหญ่ เบอร์รองลงมาจากไปรษณีย์ไทย เปิดจุดบริการรับพัสดุมากกว่า 1,500 สาขาทั่วประเทศ และมีศูนย์กระจายสินค้าอีกกว่า 600 แห่ง ทั่วทุกจังหวัด ซึ่ง Kerry Express เน้นการบริการจัดส่งมือผู้รับในวันถัดไป ครอบคลุมการให้บริการทั้งประเทศแล้ว นอกจาก Tops และ FamilyMart ยังมีการจับมือกับ OfficeMate ด้วย
ตรวจสอบสาขาให้บริการ :
FamilyMart ผ่าน LINE OFFICIAL ACCOUNT พิมพ์ Kerry แล้วกดส่ง
Tops Daily >> คลิกที่นี่
ส่งพัสดุที่ เซเว่น อีเลฟเว่น
ล่าสุด เซเว่นฯ ได้เปิดบริการส่งพัสดุ (เปิดบริการพัสดุ 29 ต.ค.61) เป็นการจับมือกับ บริษัท ไดนามิค ลอจิสติกส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ใช้ส่งสินค้าของเซเว่นอยู่แล้ว โดยใช้ชื่อว่า สปีด-ดี (SPEED-D) ให้บริการส่งพัสดุเฉพาะในพื้นที่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ครอบคลุม 3,700 สาขา เป็นจุดรับพัสดุ 24 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน
แต่สโลแกนคือ ส่งวันนี้ก่อนสามทุ่ม ถึง พรุ่งนี้ก่อนหกโมงเย็น โดยสามารถระบุได้ว่าจะให้ส่งไปที่บ้านหรือส่งไปที่สาขาเซเว่นใกล้บ้านแล้วให้ผู้รับพัสดุไปรับที่สาขา
ขั้นตอน : เลือกกล่องหรือซองพัสดุ จะอยู่ที่มุมร้านเป็นซองสีน้ำเงินเข้ม จ่ายเงินค่าซอง/กล่อง ก่อนแล้วเอามาแพ็คใส่ของ จ่าหน้าซอง เลือกว่าจะส่งถึงผู้รับที่บ้าน หรือ ให้มารับที่สาขาเซเว่น กรณีส่งไปที่สาขาต้องระบุรหัสสาขาซึ่งจะมีติดอยู่ที่หน้าร้านหรือสอบถามรหัสกับพนักงาน จากนั้นนำไปส่งที่จุดชำระเงิน พนักงานจะสแกนบาร์โค้ดแล้วให้เราเสียบบัตรประชาชนเข้าเครื่องอ่านข้อมูล ให้กรอกเบอร์โทรผู้ส่งและเบอร์ผู้รับ กดยืนยันข้อมูล จากนั้นจะขึ้นกฎระเบียบการส่งพัสดุให้เราอ่านและกดตกลง จากนั้นชำระเงินค่าส่งเป็นอันเสร็จสิ้น จะได้ Track สำหรับติดตามพัสดุแบบเรียลไทม์
ข้อจำกัด : ผู้ส่งจะต้องซื้อซอง-กล่องของเฉพาะของเซเว่นเท่านั้น ไม่สามารถนำพัสดุข้างนอกมาส่งได้ และวันอาทิตย์ กับวันหยุดนักขัตฤกษ์จะไม่มีรอบรับพัสดุ ให้นับวันทำการถัดไปแทน ไม่มีการส่งพัสดุไปยังพื้นที่ต่างจังหวัด
บทสรุป เปรียบเทียบ 2 เจ้า
ข้อสังเกตจะเห็นได้ว่าทั้งของ Kerry และของ เซเว่น มีข้อจำกัดคล้ายกันคือพื้นที่การรับพัสดุยังจำกัดอยู่ในบางสาขาเท่านั้น โดยส่วนใหญ่จะให้บริการเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ และในวันหยุดจะไม่มีการเข้ารับพัสดุ รวมถึงพนักงานประจำสาขาที่อาจจะยังใหม่และไม่ค่อยทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการให้บริการนี้
แต่เชื่อได้ว่าหากเปิดให้บริการไปสักพักจะกลายเป็นอีกหนึ่งบริการของร้านสะดวกซื้อที่ได้รับความนิยมแน่นอน และเป็นอีกทางเลือกให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ SME ได้มีช่องทางในการส่งสินค้ามากขึ้นกว่าเดิม หวังว่าในอนาคตเราจะเห็นการขยายพื้นที่ให้บริการทั่วประเทศไทย
Copyright© Bsite.In
ABOUT THE AUTHOR
Sanook D Pipat