ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่ากระแสภาพยนตร์ในยุคนี้คือ ยุคแห่งภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ แม้ว่ามันจะได้รับความนิยมอย่างสูง แถมยังสามารถทำรายได้ถล่มทลายไปทั่วโลก ก็ยังไม่วายโดนค่อนขอดว่าเป็นภาพยนตร์ที่สร้างเพื่อความบันเทิง เป็นเหมือนสวนสนุกที่ไม่ได้ยกระดับศิลปะภาพยนตร์มากมายขนาดนั้น แต่ก็ใช่ว่าทางผู้สร้างหนังแนวนี้จะไม่คำนึงถึงจุดนี้ หากสังเกตดูดี ๆ ในระยะหลัง ๆ พวกเขาเริ่มปรับทิศทางของภาพยนตร์ใหม่ ใส่ความหลากหลายทางประเด็นสังคม, เนื้อหาที่หนักขึ้น เคร่งเครียดและจริงจังมากขึ้น และความเป็น Cinematic มากกว่าเดิม

ภาพยนตร์ที่แสดงที่เห็นได้ชัด และเป็นกระแสมาก ๆ ในช่วงที่เขาฉายสำหรับเราเลยก็คือ ภาพยนตร์เรื่อง Joker และ The Batman (ที่กำลังเข้าฉายในตอนนี้) เริ่มต้นจาก Joker กันก่อน ภาพยนตร์เรื่องนี้คือภาพยนตร์เรื่องแรกที่ทางฝั่ง DC หยิบเอาวายร้ายมาสร้างภาพยนตร์เดี่ยว พาเราไปค้นลึกถึงตัวตนและจิตวิญญาณของตัวละครตัวนี้ ผ่านการแสดงของวาคีน ฟีนิกซ์ ที่ยอดเยี่ยมจนสามารถก้าวขึ้นไปคว้ารางวัลออสการ์มาได้ แถมในด้านงานภาพ และบทภาพยนตร์ก็ใส่เต็ม ชนิดที่มีความงดงาม และคุ้มค่าที่จะดูในจอภาพยนตร์ กลายเป็นหนังที่ดัดแปลงจากคอมิกส์แล้วประสบความสำเร็จครบถ้วนในทุกด้านอย่างไร้ข้อกังขา

ต่อเนื่องมาถึงภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่เพิ่งจะเข้าฉายไปในโรงภาพยนตร์ กับ The Batman ซึ่งเราได้มีการไปดูมาแล้ว ขอบอกเลยว่า หนังเรื่องนี้แทบจะถอดความเป็นซูเปอร์ฮีโร่ออกไปทั้งหมด กลายเป็นภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวน สไตล์นัวร์ ที่มาในโทนเข้ม มืดหม่น และน่าเกรงขาม งานภาพทุกด้านมีความใส่ใจในรายละเอียด ทั้งองค์ประกอบของฉาก แสง สี และที่โดดเด่นมาก ๆ เลยก็คือ ดนตรีประกอบที่ช่วยขับดันฉากต่าง ๆ ของเรื่องให้มีความ Epic ยิ่งกว่าเดิม

ในส่วนของบทภาพยนตร์ ก็ได้นำเสนออีกมุมหนึ่งของตัวละครอย่าง แบทแมน ตัวละครที่แสนจะโด่งดังในวงการฮีโร่ ให้ออกมาสดใหม่ และแตกต่างไปจากทุกเวอร์ชั่นที่ผ่านมา คุณจะได้เห็นด้านที่เป็นมนุษย์อย่างที่สุดของเขา ความดิบ ความโกรธ ความผิดพลาด ความฉลาดเฉลียว ไหวพริบ และความเป็นมนุษย์อย่างชัดเจน ซึ่งโรเบิร์ต แพททินสันก็สามารถถ่ายทอดมันออกมาอย่างได้หมดจด และแม้ว่าหนังจะเดินเรื่องช้าไปบ้างในช่วงต้น แต่ทั้งหมดมันทุกหล่อหลอมมาเพื่อเดินทางสู่องค์สุดท้ายอย่างยิ่งใหญ่ สร้างโลก Batverse ขึ้นมาใหม่ได้อย่างสวยงาม

สิ่งที่เหมือนกันของ Joker และ The Batman ก็คือ ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่ภาพยนตร์ที่จะถูกใจทุกคน แต่ทั้งสองเรื่องคือภาพยนตร์ที่เราอยากจะให้ทุกคนได้ดูสักครั้งจริง ๆ หนังทั้งสองเรื่องสามารถตอบโจทย์ได้มากกว่าการเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ทั่วไป แต่มันคือประสบการณ์การชมภาพยนตร์ที่ชวนให้เราพูดได้อย่างเต็มปากว่า เออ…นี่แหละ Cinematic!