- Money
“เก็บเงิน” ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ “เลือก” ให้เป็น
By ทีมงาน bsite • on Feb 21, 2019 • 1,956 Views
คำพูดที่ว่า “ทำงานมาตั้งนาน ไม่มีเงินเก็บสักที” คงโดนอินไซต์หลายคน ในขณะที่บางคนบ่นว่า “ทุกวันนี้จะกินยังไม่พอ แล้วจะเอาที่ไหนมาเก็บ” หรือ “แค่เหลือให้ใช้ไม่เป็นหนี้ก็บุญแล้ว” ถ้าคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ตอบว่า “ใช่เลย” นั่นล่ะ “ฉัน” ทำยังไงก็เก็บเงินไม่ได้สักที ถ้ามีปัญหาแบบนี้ต้องใช้เทคนิคเป็นตัวช่วย แค่ “เลือก” เทคนิคการออมเงินที่ถูกและใช่มาเป็นแรงจูงใจ อย่างน้อยก็เป็นแนวทางของจุดเริ่มต้นให้คุณเก็บเงินได้
1.เลือก “เป้าหมาย” ให้ชัด จัดวินัยให้เป๊ะ
การออมเงินไม่ต่างกับการเดินทางที่ต้องมีจุดหมายปลายทาง หรือ “เป้าหมาย” เป็นอันดับแรก ลองตั้งเป็น เป็นระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว เพื่อจะได้หาวิธีการเดินไปสู่เป้าหมายได้อย่างถูกต้อง เช่น เป้าหมายระยะสั้นสิ้นปีนี้จะไปเที่ยวญี่ปุ่นเมืองฮอกไกโดเพื่อสัมผัสหิมะ แช่ออนเซน กินขาปูยักษ์ ถ่ายภาพเก๋ๆ เขียนรีวิวโชว์โลกโซเชียลเป็นครั้งแรก เริ่มต้นหาข้อมูลเลยต้องใช้เงินเท่าไหร่ และที่สำคัญต้องเป็นไปได้จริงๆ งานมโนต้องไม่มา โดยใช้สูตรคำนวณเงินที่ต้องออมอย่างง่าย จำนวนเงินที่ต้องออมต่อเดือน เท่ากับเงินเป้าหมายที่ต้องการ หารด้วยจำนวนเดือนที่ต้องการออม ไม่แน่นะ อาจจะเกิดบล็อกเกอร์หน้าใหม่ที่ทำเงินเป็นรายได้เสริมเพิ่มก็ได้นะ ส่วนถ้าเป็นเป้าหมายระยะยาว นอกเหนือจากเก็บออมแล้ว อาจต้องมองหาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หรือการลงทุน ที่ให้ผลตอบแทนสูงมาเป็นตัวช่วยให้ถึงเป้าหมายให้เร็วขึ้น
2.เลือก “เทคนิคง่าย และลงมือทำจริง”
เป้าหมายลงตัวจะกลัวอะไร ลงมือออมกันเลย เริ่มต้นกับเทคนิคง่ายๆ ที่ทำได้ไม่ยากนัก ใครที่บอกว่าเงินไม่เหลือเก็บ ลองใช้สูตร “ลดค่าใช้จ่าย แปลงให้เป็นเงินออม” สำรวจดูสิว่าในแต่ละวัน หรือแต่ละเดือน ใช้จ่ายอะไรไปบ้าง ยิ่งถ้าจดบันทึกทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายได้ ชีวิตจะง่ายขึ้นเยอะ ช่วยให้การไล่เรียงตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปได้ไม่ยาก เช่น บางคนติดชานมไข่มุก ต้องซื้อวันละ 2 แก้ว จ่ายไปวันละ 60- 70 บาท ลองอดใจลดเหลือวันละแก้วก็มีเงินออมได้วันละ 30 บาท ตกเดือนละ 900 บาท ทั้งปีได้เห็นเงินก้อน 10,800 บาทเลยเชียว ยิ่งถ้าตัดใจได้เหลือนานทีปีหน เงินออมจะก้อนโตขึ้นแบบคูณสองเชียวนะ แถมช่วยกำจัดความหวานออกจากร่างกายได้สุขภาพดี แถมหุ่นฟิตแอนเฟิร์มมาแบบไม่รู้ตัวอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคง่ายๆ อีกมากมายที่นำมาใช้ได้หากคิดจะออม เช่น เก็บแบงค์ห้าสิบ การซ่อมของเก่าก่อนซื้อของใหม่ หรือจะเกาะเทรนด์ออกกำลังกายก็ได้เหมือนกัน สำหรับใครที่ต้องพึ่งพาบริการพี่วินจ่ายค่านั่งซ้อนวันละ 10-20 บาททุกครั้ง เวลาออกจากบ้าน ลองเปลี่ยนมาเป็นเดินออกกำลังกายกันดู ก็จะเหลือเงินหยอดกระปุกอีกเหมือนกัน
3.เลือก “เทคนิคตรงกับไลฟ์สไตล์” เพื่อเป้าหมายที่เป็นจริง
เทคนิคการออมเงินสามารถปรับเปลี่ยนได้เพื่อให้เป็นจริงตามเป้าหมายระยะสั้น กลางและยาวที่วางไว้ ใครมีเป้าหมายใหญ่อยากซื้อบ้าน ซื้อรถ ก็ต้องปรับเรื่องระยะเวลา จำนวนเงินที่จะออม จะเลือกออมแบบรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือนก็ทำได้ อาจต้องมองหาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ที่ให้ผลตอบแทนสูงรวมถึงการเลือกสถาบันการเงินที่จะทำให้เงินของเรางอกเงย ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องประมาณการออมเงินของตัวเองให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง ต้องไม่กลายเป็นภาระ ถึงขั้นอดมื้อกินมื้อ บั่นทอนชีวิตและไลฟ์สไตล์จนเกินไป สุดท้ายเงินที่คุณเก็บได้อาจจะต้องไปรักษาสุขภาพแทน ดังนั้นการเริ่มต้นออมแบบเล็กๆ น้อยๆ อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น
4.เลือก “บัญชีที่ใช่” อย่าทิ้งเงินออมไว้เฉยๆ เพราะดอกเบี้ยน้อยนิด
นอกเหนือจากมีวินัย ทำตัวทำใจให้ “สตรอง” ลงมือออมตามเทคนิคง่ายๆ กันแล้ว การรู้จักเลือกใช้ “บัญชีเงินฝาก” ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วย ซึ่งหลายคนไม่ใส่ใจ เพราะดอกเบี้ยเงินฝากมันน้อยนิด แถมถูกหักค่าธรรมเนียม ค่ารักษาบัญชี ค่าSMS แจ้งเตือน ค่าโอนนู่นนี่ แบบมารู้ตัว แล้วจะเอาอะไรกับดอกเบี้ยที่ได้คิดแบบนี้ง่ายเกินไป ดังนั้น จงลืมคำว่า “ไม่คาดหวังกับดอกเบี้ยเงินฝาก เพราะมันน้อยนิด” ท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจ ว่าเงินทองหายาก ทำงานเหนื่อยแทบตายกว่าจะได้มาแต่ละเดือน เมื่อได้เงินมาแล้วก็ควรต้องให้เงินทำงานด้วยเช่นกัน อย่าทิ้งเงินออมไว้ในบัญชีออมทรัพย์เฉยๆ ยุคดิจิทัลแบบนี้ เราทำเองต้องได้มากกว่า ดังนั้นการเลือกบัญชีที่ให้ผลตอบแทนสูงจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ลองใช้บัญชีเงินฝาก ME SAVE จาก ME by TMB ที่ให้ดอกเบี้ยสูงถึง 4.5 เท่าของออมทรัพย์ทั่วไป หรือ 1.70% ต่อปี เปิดบัญชีเองได้ง่ายด้วยระบบ EKYC ผ่านสมาร์ทโฟน ไม่ต้องไปสาขา คล่องตัวสูง ฟรีทุกธุรกรรม แค่เลือกบัญชีที่ใช่ ก็ทำให้เงินเก็บของเรางอกเงยได้ไม่ยาก
เห็นมั๊ย! การเก็บเงินไม่ใช่เรื่องยาก จะเงินเดือนน้อยหรือเงินเดือนมากก็สามารถออมได้ เริ่มจากเงินน้อยนานๆ ไป จะกลายเป็นเงินก้อนโต แค่มีวินัย รู้จักประหยัดใช้เงินเฉพาะที่จำเป็นลดสิ่งฟุ่มเฟือยลงไปบ้าง ที่สำคัญคือ มีเป้าหมายเพื่อเดินไปให้ถึง งานมโนต้องไม่มา เลิกอ้างโน่นนี่นั่น เชื่อเถอะว่า ถ้าคุณลองทำได้ครั้งหนึ่งแล้ว เป้าหมายต่อไป ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป.
ABOUT THE AUTHOR
ทีมงาน bsite
Biographical Info