- Lifestyle
จับ “ฝน ธัญพร” ครีเอทีฟมือทอง มานั่งคุย ทำคอนเทนต์ยุค 4.0 อย่างไรให้ปัง!
By ทีมงาน bsite • on Sep 25, 2018 • 22,836 Views
“ฝน Trasher” หรือ “ฝน เทยเที่ยวไทย” หรือ “ฝน เกิดมาคุย”
เราไม่อาจนิยามได้ว่าเธอควรจะใช้ ‘นามสกุลอะไร’ แต่วันนี้
“ฝน – ธัญพร ศิริกังวาล”
ก็กลายเป็น ครีเอทีฟมือทอง ที่งานแน่นที่สุด ชุกที่สุด และรายการเยอะสุดๆ แล้วในตอนนี้ แล้วยังจัดได้ว่าเธอคือมือทำคอนเทนต์ออนไลน์มือฉมัง ที่ใครๆ ก็อยากจะร่วมงานด้วย หลายรายการที่เธอจับทั้งในอดีตและปัจจุบัน เราต่างติดชื่อคุ้นหูทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น “เทยเที่ยวไทย”, “หนูนก”, “ค่าน้ำนม”, “Wrong Say Do” และอื่นๆ อีกมาก นั่นยังไม่นับงานอื่นที่เธอได้มีโอกาสไปแจมๆ กับเขาบ้างนะ
แต่นั่นยังไม่ใช่มาตรวัดเพียงอย่างเดียวของเธอที่บอกได้ว่า “ฝน” เป็นคนเก่ง แต่จากการได้พูดคุยตามสไตล์เป็นกันเองชนิดที่เรียกว่าทุกคำต่ำตมหลุดออกมาหมด นั่นอาจทำให้อรรถรสของการสนทนาเพิ่มดีกรีมากขึ้น ทว่าเนื้อหาใจความของบทสนทนาต่างหากที่ทำให้เราชื่นชมในทัศนคติของผู้หญิงคนนี้ นอกจากจะเป็นผู้หญิงที่มีพลังความคิดสร้างสรรค์แล้ว ก็ยังเป็นคนที่กระตือรื้อร้นพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา นั่นจึงทำให้ไฟในตัวเธอไล่ลามมาถึงเราด้วย เรียกว่าแค่คุยด้วยก็รู้สึกมีไฟอยากลุกออกไปทำสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาเลยทีเดียว โม้มาเยอะแล้ว มาฟังของจริงกันบ้างดีกว่า
ปัจจุบันทำอะไร และมีรายการอะไรบ้าง
ตอนนี้เป็นครีเอทีฟ ฟรีแลนซ์ สำหรับรายการที่กำลังออนแอร์อยู่ก็มี “หนูนก” , “Wrong Say Do” , “ค่าน้ำนม”, “ล้นตู้” , “เดี๋ยวก็มา” ประมาณนี้ แล้วก็นอกนั้นมีแต่ไปช่วยอะไรเค้าบ้าง เป็นที่ปรึกษาอะไรบ้าง นิดๆ หน่อยๆ แต่ที่ถืออยู่หลักๆ มี 5 อัน
เรียนจบอะไรมา
เรียกว่าเป็นคนที่ทำงานไม่ตรงกับสายที่เรียนมา คือเรียนจบ สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ วิทยาลัยเพาะช่าง คือเรียนวาดรูปมาตลอดชีวิตเรียนวาดรูปมาอย่างเดียวเลย แล้วก็วาดรูปได้ดีด้วยนะ (ขิงตัวเองไปอีก) วาดรูประดับได้ที่ว่าถ้าไม่ได้ทำรายการก็คงไปหากินวาดรูปที่สะพานพุทธแน่ๆ (หัวเราะหนัก) แต่พอมาชีวิตจริงก็ไม่ได้ตรงกับที่เรียน จบมาเราก็มองหางาน
เส้นทางการทำงาน ทำอะไรมาบ้าง
งานแรกที่ทำคือการเป็นครีเอทีฟที่ Channel V เป็นรายการช่องเพลงที่ดังมากในยุคนั้น เช่น รายการเพลงญี่ปุ่น เพลงไทย อย่าง I am Siam ทำไปอยู่สักพักหนึ่งก็จับพลัดจับผลูมาอยู่ที่ “แกรมมี่” เป็นครีเอทีฟรายการแรกชื่อ “หวานเกล้าจ๊าวเจี๊ยว” พิธีกรทั้งสองปัจจุบันคือผู้จัดการดาราสองท่าน คือ “คุณหวานเจี๊ยบ” กับ “คุณเกล้า” เป็นรายการสัมภาษณ์ดาราทั่วไป แล้วก็ย้ายไปทำอีกรายการซึ่งเรียกได้ว่าเป็นซิกเนเจอร์หรือเป็นนามสกุลเราติดไปเลยก็คือ “เทยเที่ยวไทย”
พอทำที่นี่ได้สักพัก 3-4 ปี เราก็รู้สึกว่าอยากที่จะไปเรียนรู้อย่างอื่นบ้าง ก็เลยขอลาออก แต่ก็ถือว่าเป็นครีเอทีฟที่ทำอยู่ “เทยเที่ยวไทย” น่าจะนานที่สุด คือทำตั้งแต่เทปที่ 60 กว่าถึงเทปที่ 200 กว่า คือเหลืออีกแค่ 4-5 จังหวัดเท่านั้นที่ยังไม่ได้ไป
แล้วก็ลาออกไปทำงานกับ พี่วู้ดดี้ (วู้ดดี้ มิลินทจินดา) รายการ “เกิดมาคุย” ทำอยู่ที่นั่นมา 1 ปี จนเรามีความรู้สึกว่า โอเค.แล้วเราแฮปปี้จุดหนึ่ง ได้เรียนรู้ในสิ่งที่อยากรู้แล้วก็เลยขอมาพักบ้าง ออกจากระบบมาพักผ่อน เพราะว่าอยู่ในระบบของออฟฟิศมานานมากแล้ว พอรู้แล้วว่าโครงสร้างออฟฟิศการทำงานมันเป็นยังไง ระบบมันเป็นยังไง ก็เลยตัดสินใจลาออก
จุดเริ่มต้นของการเป็น ครีเอทีฟ ฟรีแลนซ์ มาได้อย่างไร
หลังจากที่ลาออกจากพี่วู้ดดี้ ในช่วงก่อนที่จะบินไปอเมริกาก็มานั่งคุยกับเจนนี่กับน้องอีกคนหนึ่ง ก็บอกว่า “มึงกูอยากทำรายการภาษาอังกฤษ โดยมีมึงเป็นพิธีกร” แล้วเจนนี่ก็พูดใส่กลับมาว่า “กูพูดภาษาอังกฤษไม่ได้” ก็ตอบมันว่าก็ใช่ไง ก็พูดไม่ได้นี่แหละมันถึงสนุก แล้วเราก็บินไปพอกลับก็มาก็เริ่มรายการนี้เลย
ที่มาไอเดียนี้ก็คือว่าดูรายการหนึ่งชื่อว่า “คบตุ๊ดไม่หลุดเทรนด์” แล้วมีเทปหนึ่งที่เชิญเจนนี่ไปเป็นเด็กเสิร์ฟรับออร์เดอร์จากฝรั่ง แล้วมันตลกมากขำมาก เราก็เลยคิดว่าต้องทำนะ พอหลังจากกลับมาจากอเมริกานั้นแหละก็เริ่มทำเลย เกิดเป็นรายการชื่อ “Wrong Say Do” แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มวิถีเป็นครีเอทีฟฟรีแลนซ์ ไปเรื่อยๆ ซึ่งเร็วๆ นี้ก็มีแผนที่จะเปิดบริษัทเป็นของตัวเองอย่างจริงจังแน่นอน
[wonderplugin_video iframe=”https://www.youtube.com/watch?v=a7C-JnmrZ6M” videowidth=600 videoheight=400 keepaspectratio=1 videocss=”position:relative;display:block;background-color:#000;overflow:hidden;max-width:100%;margin:0 auto;” playbutton=”https://bsite.in/wp-content/plugins/wonderplugin-video-embed/engine/playvideo-64-64-0.png”]
ตอนที่กลับมาจากต่างประเทศ มีรายการเดียวที่ทำอยู่เหรอ
ไม่ใช่รายการเดียวที่ทำ เพราะ พี่ป๋อมแป๋ม (นิติ ชัยชิตาทร) ก็ยังชวนมาช่วยทำรายการ Lip Sync Battle Thailand อยู่บ้าง ทำจนทีมที่อยู่ฝั่งบ้านเรา คือทีมที่มีเราเป็นเฮดรักกันมาก คือ “แม่งสนุกฉิบหาย” สนุกแบบว่าศิลปินที่มาอยู่ทีมเรามีทั้งร้องไห้ หัวเราะ ไปพร้อมกันได้ เพราะมันถูกกดดันแต่ก็สนุกม๊ากเราบิวด์เก่ง มีแต่คนด่าว่าบิวด์เก่ง (หัวเราะ) คือนอกจากทำรายการตัวเองก็ไปช่วยพี่ป๋อมแป๋ม แล้วนอกนั้นก็คือมีงานของ Trasher บ้าง
เราได้ไอเดียในการทำแต่ละคอนเทนต์มายังไง
จริงๆ บางอย่างมันก็ไม่ถึงกับผุดขึ้นมาเอง บางครั้งมันก็มาจากคนรอบข้างด้วย เช่น รายการล้นตู้ ก็มาจาก เจนนี่, พิชญ์ กาไชย และ เมตร (เซนติเมตร จตุรภัทร) คือเขาคุยกันเองก่อน 3 คนโดยที่ไม่มีเราเข้าไปเกี่ยวข้อง แล้วเขาก็มาคุยกับเราว่าอยากทำรายการแฟชั่น เขาก็เล่าๆ ให้ฟัง เราก็เข้าไปกรูมมิ่งให้ แต่พอแนะนำไปก็กลายเป็นว่าอยากให้เราเป็นครีเอทีฟให้ด้วย เจนนี่บอกว่าทำกับเราก็สบายใจกว่ายังไงก็รู้ฟีลกันดี
ส่วนค่าน้ำนม อันที่จริงปฏิเสธพิชญ์ไปแล้ว เราก็บอกว่ามันไม่ไหว ด้วยเวลาที่แน่นมากจริงๆ แต่มาวันนึงพิชญ์ก็เล่าคอนเซ็ปต์ให้ฟัง ซึ่งพอฟังแล้วแบบชอบ ต้องบอกว่าเราเป็นคนที่เซนสิทีฟมากกับเรื่องของผู้ใหญ่ เป็นอีกคอนเทนต์ที่อยากทำมาก (ลากเสียง) ก็เลยบอกพิชญ์ว่าขอทำได้ไหม แต่ตอนนั้นก็ยังเป็นอารมณ์แบบพูดเล่นๆ นะจนสุดท้ายดีลมาจบที่เราได้ทำ ซึ่งเราก็ได้มากรูมมิ่งไอเดียให้อีกที
แล้วก็มีไปทำรายการ “ฮาแทะเล็ม” ให้พี่โอ๊ต ปราโมทย์ มีเขียนสคริปต์ให้บ้าง ล่าสุด รายการ “เดี๋ยวก็มา” เป็นรายการของ อ๊อฟ ปองศักดิ์, ญาญ่าญิ๋ง แล้วก็ น้องมะปราง อลิศา เราก็ไปเป็นครีเอทีฟให้
[wonderplugin_video iframe=”https://www.youtube.com/watch?v=gG58r4wmo0c” videowidth=600 videoheight=400 keepaspectratio=1 videocss=”position:relative;display:block;background-color:#000;overflow:hidden;max-width:100%;margin:0 auto;” playbutton=”https://bsite.in/wp-content/plugins/wonderplugin-video-embed/engine/playvideo-64-64-0.png”]
วันหนึ่งเคยทำได้กี่รายการ
แม็กซ์สุดที่ทำได้ใน 1 วัน คือ 2 รายการ เรียกว่าเต็มที่สำหรับเราแล้ว แต่อันที่จริงไม่ใช่เรื่องของความเหนื่อยหรืออะไร แต่เป็นเรื่องของคิวงานมากกว่า เราเองก็มีลิมิตของคิวงานตัวเองเหมือนกัน คนอื่นเขาอาจจะเยอะกว่าก็ได้นะ
“แหม เดี๋ยวหาว่าเราแค่นี้จะมาว่าเยอะ แต่จริงๆ คือ 2 งานในหนึ่งวันสำหรับเรามันก็เต็มที่แล้ว”
มารู้จักกับเจนนี่มาได้ยังไง
คือ เจนนี่ เป็นรุ่นน้องที่ศิลปากรของ โจโจ้ (ทิชากร Trasher) ซึ่งเป็นเพื่อนกับเรา แล้วเหมือนว่าตอนนั้นจะต้องทำเทปพิเศษ เทปแฟนพันธุ์แท้เพลงไทย ในรายการI am Siam ของ Channel V คือเราก็มีหน้าที่คิดเกมต่างๆ ก็เลยโยนให้เพื่อนไปหาคนมาเล่น มันก็เลยบอกว่า เออ… เดี๋ยวเอารุ่นน้องมาเล่นก็ได้ และนั่นก็คือครั้งแรกที่เจอ ‘เจนนี่’
“เราก็รู้สึกว่า เออ.. อีเด็กคนนี้มันมีของวะ ไอ้เด็กคนนี้มันได้มากเลย มันตลก และมันตลกธรรมชาติ จังหวะมันได้มาก วันนั้นคือเจอกันครั้งแรกมันก็ยังเรียนอยู่เลยไม่ได้ทำงาน ก็บอกเชียะนี่ตลกดีวะ”
แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้อะไร จนน้องเรียนจบแล้วก็เลยคิดได้ว่าน่าจะชวนน้องมาทำงานที่ Channel V จาก Channel V แล้วสักพักก็ชักชวนกันมาทำกันต่ออีกที่แกรมมี่ ในรายการเทยเที่ยวไทยนั่นแหละ
การทำงานกับ ‘ป๋อมแป๋ม’ เราได้อิทธิพลมามากน้อยแค่ไหน
“คือไม่ได้เป็นฟีลแบบว่า มันเป็นคนที่เก่งมากในความรู้สึกของเรานะ อาจจะมีคนอื่นทีเขาบอกว่าเก่งกว่านี้ แต่เราคิดว่านี่คือคนที่ทำงานจริงๆ ในมุมของพี่แป๋มที่ให้คนอื่นเห็นก็อาจจะแบบว่าดูสนุกสนานร่าเริง แต่คือเวลาทำงานกับไปกินเหล้าคือไม่เหมือนกันนะ เวลาทำงานพี่แป๋มคือจริงจัง ตรวจทุกเทป ดูทุกมุก สมมุติแบบว่าเวลาออกกองวันไหนต่อให้เหนื่อยสายตัวแทบขาด เหนื่อยแบบกัดฟันแน่นๆ กลับมาตี 4 ก็ต้องตรวจเทป ก็ต้องนั่งทำงานให้ได้ทุกคน ป๋อมแป๋มทำ เราก็ต้องทำ ต้องนั่งอยู่ด้วยกัน”
อยากให้เล่าวิธีการสอนในสไตล์ “ป๋อมแป๋ม”
คือในเทยเที่ยวไทยมันจะมีสคริปต์ลูกค้าแพลนว่าจะไปทำอะไรตรงไหนบ้าง หนูเคยแบบว่า “อ๊ะ ยายขาดูหน่อยค่า หรือขุ่นแม่ขา โน่นนี่นั่น” นางเคยแบบว่า ฉีกเลยแบบนี้! (ทำท่าให้ดู) คือดูแล้วก็ฉีก แล้วบอก “ไม่ไป” แล้วก็ไม่บอกเหตุผลด้วย โดนแบบนี้หลายรอบมาก เราต้องไปแคะเอาเองว่าต้องทำไงวะ แต่ก็ไม่เคยนอยด์นะ อาจจะมีบ้างแต่ไม่ได้นอยด์แบบโกรธแค้น แต่มันแบบอยากเอาชนะ ก็เลยไปถามคนอื่นๆ ว่า ต้องทำยังไง จนรู้คำตอบว่าต้องเอาไปสัก 3-4 ที่ นี่คือเทคนิค
“นางจะไม่ได้มานั่งสอนโน่นนั่นนี่ แต่เราต้องไปคิดเองให้ได้ พอหลังจากที่เรารู้แล้วใช่ม่ะ ถ้านางไม่เอาอันนี้เราก็จะแบบว่า “ไม่เอาชิมิค่ะ มีอีกที่หนึ่งค่า” คือให้มีความรู้สึกว่าเรามีความพร้อมเรา มีความโปรพอ”
พี่ป๋อมแป๋มเคยพูดว่า ห้ามไปโง่หน้างาน คือนางจะไม่เชิงแบบพูดว่าสอนอะไรต่างๆ แต่นางเคยพูดว่า “มึงก็ต้องรู้อะไรมากกว่าพวกกู ไม่ใช่ว่ามึงจะมาแผะทุกอย่างให้พวกกู รู้ล่ะว่าพวกกูฉลาดกว่าแต่ไม่ใช่ทุกอย่างต้องมาที่พวกกู” นางชอบพูดแบบนี้ (หัวเราะ)
“พี่แป๋มเคยพูดว่า ทำยังไงก็ได้ อย่าให้พิธีกรดูโง่ อย่าให้แขกดูไม่ฉลาด อย่าฆ่าแขก อย่าฆ่ากันเอง”
เลยทำให้ ‘เทยเที่ยวไทย’ เป็นรายการที่โดดเด่น คือถึงแม้จะมีคำหยาบคายแต่เราไม่ได้กดใคร ไม่ได้ดูถูกใคร แล้วก็ไม่ได้ดูโลว์
[wonderplugin_video iframe=”https://www.youtube.com/watch?v=XYPil3OZm3Q” videowidth=600 videoheight=400 keepaspectratio=1 videocss=”position:relative;display:block;background-color:#000;overflow:hidden;max-width:100%;margin:0 auto;” playbutton=”https://bsite.in/wp-content/plugins/wonderplugin-video-embed/engine/playvideo-64-64-0.png”]
สิ่งทีได้จาก ‘ป๋อมแป๋ม–วู้ดดี้’ ปรมาจารย์ รายการทีวีไทย
คือความไม่เป็นคนคิดเล็กคิดน้อย เราจะไม่โกรธคนที่เก่งกว่า เราจะไม่รู้สึกว่าไอ้การแก้งานจะทำให้เรารู้สึกต้องไปโกรธคนที่เขาเก่งกว่าเรา อย่างถ้าเขาบอกว่า “กูไม่ชอบ” เราไม่ควรไปโกรธเขาเพราะนั่นคือการที่เขากำลังสอนเราอยู่ สำหรับบางคนอาจจะเห็นว่าทำงานแล้วหัวหน้าแก้งานวะ ทำไมหัวหน้าจุกจิกจังวะ แต่เราไม่ได้คิดแบบนั้นเลย เรากลับคิดว่ามันคือการเรียนรู้ทำให้เราได้พัฒนาตัวเอง และมันคือความท้าทาย มันอยากจะเอาชนะให้ได้
“เหมือนกันกับที่ทำงานกับพี่วู้ดดี้ เราก็ซึมซับกับเรื่องพวกนี้มา ถ้าเขาติมาคือเราต้องไปหามาให้ได้ว่าผิดอะไรวะ มันตื่นเต้นมากที่เขาคอมเมนต์งานเรามา คือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเรามาก มันดีกว่าที่เขาไม่พูดอะไรเลย อย่างน้อยเขาก็เห็นว่าเราคิดยังไง แล้วเขาอุตสาห์มาใช้เวลาอ่านงานเรา คอมเมนต์งานเรา แก้งานเรา คือถ้าทำไปโดยที่เขาไม่ได้พูดอะไรกับงานของเราเลย เราก็จะงมโง่อยู่แบบนั้น”
อย่างเวลาทำงานเทยเที่ยวไทยกับพี่แป๋ม คือถ่ายอยู่นั่นแหละ ถ่ายๆๆ ไม่จบสักที จนพี่แป๋มพูดขึ้นมาว่า เพราะว่ามันยังไม่มีอะไรพีค แต่ ณ ตอนนั้นมันไม่เข้าใจหรอกว่าถ่ายอะไรนักหนา แต่ตอนที่เราไปอยู่ในห้องตัดต่อมันทำให้เราเข้าใจว่าเพราะอะไร ถึงเวลาคนตัดให้แค่ 40 นาทีจุดพีคในนั้นคืออะไร จุดขายของเทปคืออะไร เพราะฉะนั้นถ้าเรายังไม่รู้สึกว่าในเทปนั้นยังไม่พีค ยังไม่มีจุดขายได้ ก็อย่าหยุด มันคือการเรียนรู้กับคนที่ทำงานเก่งๆ เราได้ตรงนั้นมา
“สมัยก่อนที่ทำเทยเที่ยวไทย ก็งงว่าทำไมต้องมาคอยให้นั่งจดมุกละเอียดขนาดนี้ หนูกับไอ้เจนนะตอนนั้นเครียดมากเวลาที่พี่แป๋มบอกว่าไหนเอาสมุดมาดูสิ หูย… เครียดมากเหมือนโดนครูปกครองเรียกไปพบ ต้องจดยิกๆ เลย จดทุกอัน จดทุกคำพูดว่าใครพูดว่าอะไรบ้าง ตอนแรกก็งงจนพี่แป๋มพูดว่า รายการเราไม่มีสคิปต์ และเราเป็นรายการที่ไม่ฟิตเวลา ไม่ได้ถ่ายแบบจบแล้วก็จบ เพราะฉะนั้นเวลาที่ editor ตัด เขาก็ต้องรู้ว่าอะไรมันอยู่ตรงไหน ก็ต้องวงให้เขาไปเลยว่าในเบรกนี้จะเอาอะไร นี่คือง่ายที่สุดสำหรับการตัดต่อ เราก็เลยอ๋อ.. นี่คือวิธีของอีพี่แป๋ม คือถ้าคิดว่าจะไปทำงานหน้างานจะต้องทำงานชนิดที่ว่าละเอียดยิบไปเลย แล้วมันก็จะสอนว่าทำอย่างนี้ เขียนอย่างนี้ ตารางเป็นแบบนี้ แล้วก็วงตัวแดง แล้วพี่แป๋มจะเป็นคนมาคัดออกเองว่า อันไหนเอาไม่เอา แต่จะเอาทั้งหมดที่เราเล่นแบบนี้ไม่ได้ นี่คือที่มาว่าทำไมต้องจดละเอียดเบอร์นี้”
อะไรคือเคล็ดลับสำคัญในการจับหัวใจผู้ชมออนไลน์
อาจจะเป็นเรื่องโชคดีที่เราได้ทำงานกับคนเก่งในด้านนั้นๆ ดาราบางคนเขาก็มีฐานแฟนส่วนหนึ่ง หรือดาราบางคนก็มีมุมที่ดีที่ไม่ค่อยมีใครเห็นเราก็ไปเจอ อย่างรายการ “หนูนก” หลายๆ คนก็กลับมารักดาราบางคนมากขึ้น ดาราบางคนเคยโดนดราม่าเรื่องความรักมา แต่พอมาออกรายการหนูนก กลายเป็นเราเห็นมุมน่ารักเห็นมุมตลกที่เราไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก ซึ่งนั่นทำให้ดาราอยากมาแล้วผู้ชมชอบรายการนี้
อย่างเทปของ “โฟร์” (ศกลรัตน์ วรอุไร) คนก็ชอบโฟร์มากขึ้นกว่าเดิมด้วย เพราะโฟร์หลุดคำหยาบออกมาหลุดอะไรตลกๆ มา ซึ่งปกติเราจะไม่ค่อยได้เห็นเขาในมุมแบบนี้ มันก็ตลกดี หรือตอน “ป้าตือ” มาออกก็เหมือนกัน คือภายนอกคนมักจะมองว่าป้าตือร้าย ปากจัด แต่จริงๆ แล้วป้าตือไม่มีอะไรเลย คือโคตรจะเรียบร้อยเลย
[wonderplugin_video iframe=”https://www.youtube.com/watch?v=-Nr9O1KgWZs” videowidth=600 videoheight=400 keepaspectratio=1 videocss=”position:relative;display:block;background-color:#000;overflow:hidden;max-width:100%;margin:0 auto;” playbutton=”https://bsite.in/wp-content/plugins/wonderplugin-video-embed/engine/playvideo-64-64-0.png”]
รายการค่าน้ำนมที่ทำกับ “ปั้นจั่น” ซึ่งเป็นเด็กที่น่ารักมาก มันบอกเลยว่า “พี่บอกมาให้ผมทำไรผมทำได้หมดเลย” คุณแม่ของปั้นกับพิชญ์ก็เหมือนกัน สองคนก็บอกฝนเอายังไงก็ว่ามาเลยลูก น่ารักมาก ทั้ง 4 คนก็ทำรายการได้ธรรมชาติมาก ไม่ต้องเฟค ตรงนี้ก็อาจทำให้คนดูชอบเรา
“เดี๋ยวนี้คนดูไม่ได้โง่แล้ว ชอบก็ดู ไม่ชอบก็ไม่ดู เพราะรายการออนไลน์ตอนนี้ โห… มีเยอะมากๆ ดูไม่หวาดไม่ไหว ใครก็ทำรายการได้ ดาราตอนนี้ก็หันมาจับออนไลน์กันก็เยอะ เน็ตไอดอลก็เกิดขึ้นเยอะ บางคนยังดังกว่าดาราด้วยซ้ำไป ซึ่งพอเราได้ไปนั่งดูแล้วมันจะเห็นชัดเลยว่าแต่ละคนมีคาแรคเตอร์ของตัวเอง และทุกคนก็ไม่โกหก นั่นคือสิ่งที่คนดูชอบ ไม่ต้องมานั่งเฟคกันแล้ว คือมันเห็นในมุมต่างๆ ก็เห็นกันหมด มุมที่ไม่ได้เฟคแค่นั้นเลย มันไม่ได้มีอะไรเลย”
เมี่อความสนใจคนดูน้อยลง มันยากขึ้นไหมสำหรับคนทำคอนเทนต์
ยากเหมือนกัน อันนี้ก็ได้จากคนอื่นมานะ อย่าง “โอ๊ต ปราโมทย์” กับ “พิชญ์ กาไชย” เคยบอกว่า ถ้าเราจะทำรายการใหม่อะไรสักอย่างหนึ่ง มันมีเวลาให้แค่ 3 อีพีเท่านั้น เท่านั้นเลย ที่จะวัดได้ว่ารายการจะดีหรือไม่ดี ดังไม่ดัง
และอีกอย่างคืออันนี้ได้จาก “พี่แป๋ม” คือสิ่งแรกที่ออกจากปากพิธีกรออกมาคือต้อง “ตีหัวเข้าบ้าน” เพราะฉะนั้นทำอะไรก็แล้วแต่ต้อง “ฮุค เร็ว แรง ชัด” คาแร็คเตอร์ต้องออก สิ่งที่จะบอกต้องชัด แล้วคอนเทนต์คุณจะปัง นี่คือสิ่งทีได้เรียนรู้หยิบยืมมาจากคนเก่งๆ ที่เขาทำกัน
[wonderplugin_video iframe=”https://www.youtube.com/watch?v=-iO3Ztio9rA” videowidth=600 videoheight=400 keepaspectratio=1 videocss=”position:relative;display:block;background-color:#000;overflow:hidden;max-width:100%;margin:0 auto;” playbutton=”https://bsite.in/wp-content/plugins/wonderplugin-video-embed/engine/playvideo-64-64-0.png”]
เปรียบเทียบยุคทีวีกับยุคออนไลน์ การทำคอนเทนต์แตกต่างกันไหม
คือเราก็โชคดีที่เราอยู่ในยุคกลางเก่ากลางใหม่ หรือช่วงเปลี่ยนผ่าน เด็กสมัยใหม่มันคงไม่เข้าใจอารมณ์ที่แบบต้องนั่งหน้าจอรอรายการมา รายการนี้เขามาวันศุกร์เท่านั้นพลาดแล้วคือพลาดเลยไม่มีรีรัน ไม่มีย้อนหลัง เผลอหลับก็คือจบ สมัยก่อนมันก็เลยมีเสน่ห์ไปอีกแบบหนี่ง แล้วรายการอาจจะไม่ได้มีหลากหลายให้เราเลือกเหมือนสมัยนี้
ขณะเดียวกันทำออนไลน์ก็มีความสนุกอีกแบบ คือว่าตอนนี้ใครอยากจะเป็นดารา หรืออยากจะเป็นคนผลิตคอนเทนต์ใครก็เป็นได้แล้ว เลยรู้สึกชอบงานออนไลน์ ชอบยุคนี้มาก ที่ชอบเพราะว่าทุกคนมีความครีเอทีฟกันเยอะ แล้วเราต้องวิ่งๆ ตามให้ทันตลอดเวลา เพราะออนไลน์มันเปิดโอกาสคน บางรายการแทบจะไม่มีอะไรแต่คนมานั่งทดลองอะไรง่ายๆ แต่คนดูเป็นล้าน มันก็น่าสนใจดี
“เราเองยังต้องมานั่งศึกษาเลยว่าทำไมคนถึงดูกันจัง เราต้องศึกษาไปด้วยว่าคนเขาดูอะไร ตอนนี้โลกไปถึงไหน คนเป็นยังไง crowd เป็นยังไง ใครจะเป็นคนที่สเปนเงินกับเรา ลูกค้าเป็นใคร แต่ทั้งหมดทั้งมวลเราก็คิดว่าถ้างานออกมาแล้วลูกค้ามองเห็นเรา ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะว่าถ้าทำงานแล้วไม่มีลูกค้าคือก็ต้องกินเกลือไป”
[wonderplugin_video iframe=”https://www.youtube.com/watch?v=pA6A302UPTg” videowidth=600 videoheight=400 keepaspectratio=1 videocss=”position:relative;display:block;background-color:#000;overflow:hidden;max-width:100%;margin:0 auto;” playbutton=”https://bsite.in/wp-content/plugins/wonderplugin-video-embed/engine/playvideo-64-64-0.png”]
มุมมองส่วนตัวคิดว่าเป็นไปได้ไหม ที่วันหนึ่งสื่อ TV จะถูกดิสรัพท์โดยสมบูรณ์
อะไรก็เกิดขึ้นได้นะ ย้อนกลับไปเคยคิดไหมว่าใครจะมาดูรายการบนมือถือ ไม่มีหรอก! แต่ตอนนี้มันก็เกิดขึ้นแล้ว ใครจะคิดว่าวันนี้มือถือจะกลายเป็นหลายอย่างในชีวิตแล้ว ข่าวบางทีเราก็ดูผ่านมือถือก็เร็วกว่าอีกบ้างครั้ง คิดว่ามันก็เป็นไปได้
“เคยคุยกับพี่วู้ดดี้เรื่องนี้เหมือนกัน แล้วพี่วู้ดดี้ก็บอกว่าคนยุคเรามันไม่ต้องปรับตัวแล้ว แต่คนที่คนต้องปรับตัว คือคนที่อยู่ในยุคก่อนเราไปแล้ว รุ่นคุณพ่อคุณแม่ขึ้นไป แต่คนที่ไม่ต้องปรับตัวคือคนยุคเราไปจนถึงรุ่นเด็กๆ ลงมา และที่มันมีทีวีอยู่ได้เพราะยังต้องเสิร์ฟคนกลุ่มนั้นอยู่ มันถึงยังต้องมีละครอยู่เพื่อให้คนกลุ่มนี้ได้ดู”
ไอดอลในการทำงานคือใคร
อาจจะไม่ได้มีเป็นรายบุคคล แต่เราจะนับถือคนที่เก่ง แต่ก็ไม่เชิงเป็นไอดอลนะ คือถ้าบอกว่าอีพี่แป๋มเป็นไอดอลก็จะอ้วกเอาด้วย (ทำอ้วกลากยาวมาก) มันก็ไม่ถึงขนาดนั้น คือมันก็เป็นคนที่มีส่วนดีและไม่ดีด้วย แต่เคารพคนเก่งๆ อย่าง พี่แป๋ม พี่วู้ดดี้ พี่ปอล์ (โอปอล์ ปาณิสรา) ป้าตือ เราชอบคุยกับคนเก่งๆ ไม่ถึงกับไอดอล แต่เราจะหยิบมุมเก่งของเขาออกมาใช้ ถ้าเราจะทำอะไรต้องคิดแบบนี้
อยากเป็นเบื้องหน้าบ้างไหม
สำหรับตัวเอง คิดว่าไม่น่าจะถนัด นอกจากว่าต้องไปคู่กับ ณเดช คูกิมิยะ เลยต้องแบบนั้น (หัวเราเสียงดัง) คือเราก็ต้องดูตัวเองเหมือนกัน บางอย่างก็ไม่ได้เหมาะกับตัวเองเสมอไป เราก็อาจจะมีแว่บๆ บ้างได้ แต่ไอ้เบื้องหน้าอาจจะมีไปแว่บๆ บ้าง เช่น งานแทรชเชอร์บางอันไปสัมภาษณ์คนในปาร์ตี้ ก็ทำสนุกๆ ขำๆ เห็นบ้างไม่เห็นบ้าง อันนั้นก็ชอบคุยกับคนเมา เต้นฉิบหายเลย คุยกับคนเมามันที่สุดแล้วล่ะ
กับยุคนี้ที่ใครก็ทำคอนเทนต์ได้ ก็จริงอย่างที่ “ฝน” บอก
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคอนเทนต์คุณจะได้ “ใจ” คนดูออนไลน์
แต่กับ “ฝน” หลายรายการก็ได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้ว “ของจริง” มันเป็นอย่างไร.
[wonderplugin_video iframe=”https://www.youtube.com/watch?v=NkWFCD_m0TU” videowidth=600 videoheight=400 keepaspectratio=1 videocss=”position:relative;display:block;background-color:#000;overflow:hidden;max-width:100%;margin:0 auto;” playbutton=”https://bsite.in/wp-content/plugins/wonderplugin-video-embed/engine/playvideo-64-64-0.png”]
Copyright© Bsite.In
ABOUT THE AUTHOR
ทีมงาน bsite
Biographical Info