- Entertainment
มาดู! ดาราคนไหน ‘ร้องเพลงเอง’ หรือใช้ ‘นักร้องซ่อนแอบ’ ในภาพยนตร์บ้าง
By Walrus • on Oct 24, 2018 • 2,450 Views
นักแสดงบางคนสามารถเล่นฉากบู๊ ไม่ต้องพึ่งสตั๊นแมน-สแตนอิน หรือ นักแสดงบางคนก็มีความสามารถในการร้องเพลง ไม่ต้องพึ่งพานักร้องมาร้องแทนในเวลาที่อยู่หน้ากล้องเลยก็ยังได้
ก่อนหน้าที่นักแสดงจะเริ่มโชว์ทักษะในการร้องเพลงด้วยตัวเองกันมากขึ้น เช่น ภาพยนตร์เรื่อง Rock of Ages(2012), Mamma Mia(2008), Les Miserables(2012) และล่าสุด A Star Is Born(2018) ซึ่งแจ้งเกิดให้กับ แบรดลีย์ คูเปอร์ ในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์และศิลปินเพลงในวงการมายา เพิ่มอีกตำแหน่ง โดยเฉพาะเพลง “Shallow” ที่ร่วมร้องกับ เลดี้ กาก้า ฮิตติดชาร์จในหลายๆ ประเทศกันเลยทีเดียว
[wonderplugin_video iframe=”https://youtu.be/bo_efYhYU2A” videowidth=600 videoheight=400 keepaspectratio=1 videocss=”position:relative;display:block;background-color:#000;overflow:hidden;max-width:100%;margin:0 auto;” playbutton=”https://bsite.in/wp-content/plugins/wonderplugin-video-embed/engine/playvideo-64-64-0.png”]
แต่ก็มีนักร้องตัวจริงเสียงจริงในภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง เป็นได้แค่ “เงาเสียง” ของนักแสดง เพื่อให้นักแสดงทำหน้าที่ออกแอ็คชั่นและขยับปากตามเพลงเจิดจรัสอยู่บนจอเงิน โดยเจ้าของเสียงตัวจริงได้แต่อยู่หลังจอ ซึ่งน้อยคนนักที่จะเป็นที่รู้จัก
บทความนี้จะพาไปดูกันว่า ในภาพยนตร์เหล่านี้ ดาราคนไหนร้องจริง คนไหนใช้นักร้องซ่อนแอบ มาดูกันเลยครับ
Michael J. Fox กับบทบาท Marty McFly ในภาพยนตร์ย้อนเวลาสุดฮิต Back to the Future(1985)
คาดว่าถ้าเป็นแฟนหนังไซ-ไฟ เจาะเวลาหาอดีตแล้วล่ะก็ หนังเรื่องนี้คงต้องยกให้เป็น 1 ในหิ้งที่ต้องบูชาไว้เป็นแน่แท้ โดยในหนังภาคนี้ เจ้าหนุ่ม มาร์ตี้ แมคฟลาย (รับบทโดย ไมเคิล เจ. ฟ็อกซ์) ได้ย้อนอดีตไป 30 ปี ในช่วงเวลาที่พ่อแม่ของเขากำลังจะพบรักกัน
และในระหว่างงานปาร์ตี้เลี้ยงฉลองจบ ม.ปลายของพ่อแม่ก็เกิดเรื่องชุลมุนวุ่นวาย ซึ่งจะส่งผลไปยังอนาคตของมาร์ตี้ด้วยนั้น เขาเลยต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อดึงความสนใจของพ่อแม่ตัวเองกลับมาให้ได้ นั่นก็คือ เล่นเพลง Rock & Roll – Johnny B. Goode บนเวทีมันซะเลย! ทำเอาผู้ชมงงเป็นไก่ตาแตกในท่อนโซโล่กีต้าร์ตอนท้ายเพลง เพราะการเล่นกีต้าร์โซโล่พร้อมกับถีบแอมป์กีต้าร์ล้ม ยังไม่เคยมีใครเคยทำมาก่อนในยุคนั้น (มาร์ตี้ แมคฟลาย น่าจะได้อิทธิพลการเล่นกีต้าร์มาจากวง Van Halen ในยุค ’80s)
ฉากร้องเพลงและเล่นกีต้าร์บนเวทีนั้น หลายๆ คนจะเข้าใจผิดมาตลอดว่าเป็น ไมเคิล เจ. ฟ็อกซ์ ร้องและเล่นเอง แต่จริงๆแล้วเป็นเสียงของ นักร้องซ่อนแอบ นามว่า Mark Campbell (ในหนังให้เครดิต “special thanks”)
ระหว่างที่มาร์ตี้กำลังร้องเพลงอยู่นั้น ตัวละครสมมติในเรื่อง Marvin Berry หัวหน้าวง Marvin Berry and the Starlighters ได้โทรฯหา Chuck Berry (เจ้าของเพลง Johnny B. Goode ตัวจริง) “ชัค!ชัค!, นี่มาร์วินนะ, ญาตินายไง มาร์วิน แบร์รี่, ดนตรีแนวใหม่ๆ ที่นายหาอยู่ไง! ฟังนี่สิ! (พร้อมหันโทรศัพท์ไปทางเวที)”
ในเรื่องจริง เพลง Johnny B. Goode ของ Chuck Berry ในออกวางจำหน่ายในปี 1958 ส่วนเวลาในหนังที่มาร์ตี้กำลังเล่นบนเวทีนั้น เป็นปี 1955 หรือ 3 ปีก่อนหน้า
[wonderplugin_video iframe=”https://youtu.be/S1i5coU-0_Q” videowidth=600 videoheight=400 keepaspectratio=1 videocss=”position:relative;display:block;background-color:#000;overflow:hidden;max-width:100%;margin:0 auto;” playbutton=”https://bsite.in/wp-content/plugins/wonderplugin-video-embed/engine/playvideo-64-64-0.png”]
Tom Cruise กับบทบาท Stacee Jaxx ในเรื่อง Rock of Ages(2012)
เรื่อง Rock of Ages เค้าโครงเรื่องมาจากละครเพลงบรอดเวย์ในชื่อเดียวกัน แม้ในตัวหนังเองไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องของรายได้ แต่กับคำวิจารณ์เองก็ไม่ได้ถึงกับแย่นัก
ถ้าชอบเพลง Rock & Roll แบบ Hairband ยุค ’80s กับหนังเพลงแบบ Musical แล้วล่ะก็ ถือว่าคุ้มค้าที่จะดูแล้ว เพราะขนเพลงดังจากวงดังๆ แห่งยุค เช่น Def Leppard, Journey, Scorpions, Poison, Foreigner, Guns N’ Roses, Pat Benatar, Joan Jett, Bon Jovi, Twisted Sister, Whitesnake, REO Speedwagon และ อีกมากกก แค่ได้ยินชื่อวงก็คุ้มแล้วหล่ะมั้งครับท่าน
โดยพระเอกสุดหล่อ ทอม ครูซ รับบท สเตซี่ แจ๊กซ์ ร็อคสตาร์ตัวพ่อแห่งวง Arsenal โดยเจ้าตัวมาเล่นหนังแนว Musical กับเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเสียด้วย
แม้จะเป็น Musical เรื่องแรกของ ทอม ครูซ แต่ก็ใช่ว่าเค้าจะร้องเพลงไม่ได้ แต่กลับทำออกมาได้ดีเสียด้วย โดยร้องเพลงเองในหนังหลายเพลงเลยทีเดียว เช่นเพลง “Paradise City” ของ Guns N’ Roses, “Pour Some Sugar on Me” จาก Def Leppard และในคลิปที่ยกมาให้ฟัง เพลง “Wanted Dead or Alive” ของ Bon Jovi
[wonderplugin_video iframe=”https://youtu.be/50TEM8OPFcY” videowidth=600 videoheight=400 keepaspectratio=1 videocss=”position:relative;display:block;background-color:#000;overflow:hidden;max-width:100%;margin:0 auto;” playbutton=”https://bsite.in/wp-content/plugins/wonderplugin-video-embed/engine/playvideo-64-64-0.png”]
Nichole Kidman & Ewan McGregor กับบทบาท Satine & Christian ในภาพยนตร์เพลงเรื่อง Moulin Rouge!(2001)
มูแลงรูจ! ภาพยนตร์เพลงในปี 2001 โดยพรรณาถึงความรักจากนักเขียนตกอับชาวอังกฤษ “คริสเตียน” (รับบทโดย ยวน แมคเกรเกอร์) ถึง “ซาทีน” (รับบทโดย นิโคล คิดแมน) นางเอกระบำแคนแคนแห่งโรงละครมูแลงรูจ ย่านมองมาร์ต กรุงปารีส โดยโรงละครมีสปอนเซอร์สนับสนุนเงินทุนจากท่านดยุกแห่งมอนร็อธ เมื่อโรงละครจะมีการเปิดตัวละครเรื่องใหม่ “Spectacular Spectacular” โดยคริสเตียนถูกชักชวนมาให้เขียนบทละครให้โรงละครแห่งนี้ จนพบรักกับซาทีน ในที่สุด แต่ก็ลืมไปว่า ซาทีนจะต้องตกเป็นนางบำเรอของท่านดยุกก่อนจะเปิดการแสดงรอบแรก ตามเงื่อนไขที่ตกลงกับเจ้าของโรงละครไว้
คริสเตียนก็อกหักดังเป๊าะ โดยในระหว่างความวุ่นวายตามเนื้อเรื่องนั้น คริสเตียนก็ตัดสินใจกลับมาขึ้นบนเวทีระหว่างการแสดงรอบแรกพร้อมประกาศตัดสัมพันธ์กับซาทีนต่อหน้าผู้ชมทั้งโรงละคร ในขณะที่คริสเตียนกำลังเดินออกจากโรงละครหลังคำประกาศแล้ว ซาทีนก็ร้องเพลง “Come What May” ขึ้นมา เป็นเพลงที่ทั้งคู่ตกลงกันว่าจะใช้แสดงความรักต่อกัน
[wonderplugin_video iframe=”https://youtu.be/5OGoNAFD6Gs” videowidth=600 videoheight=400 keepaspectratio=1 videocss=”position:relative;display:block;background-color:#000;overflow:hidden;max-width:100%;margin:0 auto;” playbutton=”https://bsite.in/wp-content/plugins/wonderplugin-video-embed/engine/playvideo-64-64-0.png“]
[wonderplugin_video iframe=”https://youtu.be/zRVgycnc5No” videowidth=600 videoheight=400 keepaspectratio=1 videocss=”position:relative;display:block;background-color:#000;overflow:hidden;max-width:100%;margin:0 auto;” playbutton=”https://bsite.in/wp-content/plugins/wonderplugin-video-embed/engine/playvideo-64-64-0.png“]
การแสดงละครรอบแรกสำเร็จลงด้วยดี พร้อมได้รับคำชมมากมายจากผู้ชม แต่ซาทีนก็ต้องมาจบชีวิตลงหลังการแสดงจบ ขณะที่ซาทีนอยู่ในอ้อมแขนของคริสเตียนและกำลังจะตายนั้น เธอให้คริสเตียนสัญญาว่า จะเขียนเรื่องราวความรักระหว่างของเรา “สิ่งที่ดีที่สุดที่เราได้เรียนรู้ คือการได้รัก และถูกรักตอบ”
โดยเพลง “Come What May” และ อีกหลายๆ เพลงใน Moulin Rouge! เช่น Your Song ของ Sir Elton John, One Day I’ll fly away จากศิลปินแจ๊ซ Randy Crawford หรืออย่างเพลง Elephant Love Medley เป็นเพลงที่นำเพลงดังๆ มารวมกันแล้วมาร้องจีบกันได้หวานหยดเลยหล่ะครับ
เพลงที่นำมารวมกันตามนี้เลย All You Need Is Love – The Beatles, Pride (In The Name Of Love) – U2, Heroes – David Bowie, Your Song – Elton John, Silly Love Songs – Wings, One More Night – Phil Collins, Love Is A Many-Splendored Thing – Frank Sinatra, Love Is Like Oxygen – Sweet, I Was Made For Loving You – KISS, Up Where We Belong – Buffy Sainte-Marie, Lover’s Game – Chris Isaak, Don’t Leave Me This Way – Harold Melvin & the Blue Notes และ I Will Always Love You – Whitney Houston (รวมกันได้ยังไงวะ!!! นับถือเลย)
โดยทั้ง ยวน และ นิโคล นั้นร้องเพลงเอง เต้นเองทั้งหมด!! นับถือในความสามารถเลยหล่ะครับ
[wonderplugin_video iframe=”https://youtu.be/VxLaO8Xzjsk” videowidth=600 videoheight=400 keepaspectratio=1 videocss=”position:relative;display:block;background-color:#000;overflow:hidden;max-width:100%;margin:0 auto;” playbutton=”https://bsite.in/wp-content/plugins/wonderplugin-video-embed/engine/playvideo-64-64-0.png”]
Johnathon Schaech กับบทบาทนักร้องนำ/กีต้าร์ของวง The Wonders, Jimmy Mattingly ในเรื่อง That Thing You Do! (1996)
That Thing You Do! “ฝันให้เป็นดาว” ภาพยนตร์ปี 1996 กำกับการแสดง (และแสดงเองด้วย) โดย ทอม แฮงค์ เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับความฝันของวงดนตรีนักเรียนท้องถิ่นในรัฐเพนซิลเวเนีย ปี 1964 วง “The One-ders” ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น “The Wonders” นำโดย Jimmy Mattingly ร้องน้ำ/มือกีต้าร์ (แสดงโดย Johnathon Schaech) Guy Patterson มือกลอง (แสดงโดย Tom Everett Scott)
ในภาพยนตร์ ตอนแรก จิมมี่เริ่มเขียนเพลง That Thing You Do ในแนวเพลงช้าแบบบัลลาด จนกระทั่งในวันขึ้นแสดงจริงครั้งแรกกับ “กาย แพ็ทเทอร์สัน” มือกลองนั้น กายได้เร่งจังหวะกลองให้เร็วขึ้นกว่าเดิม จนจิมมี่และสมาชิกวงต้องตามจังหวะของกายในที่สุด ซึ่งตอนแรกเหมือนจะพัง แต่แล้วคนดูกลับชอบมันซะอย่างนั้น!
[wonderplugin_video iframe=”https://youtu.be/7o40za1wAlI” videowidth=600 videoheight=400 keepaspectratio=1 videocss=”position:relative;display:block;background-color:#000;overflow:hidden;max-width:100%;margin:0 auto;” playbutton=”https://bsite.in/wp-content/plugins/wonderplugin-video-embed/engine/playvideo-64-64-0.png”]
ต่อมาเพลงนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จนต้องไปโชว์การแสดงมากขึ้น ออกรายการวิทยุ ดังมากจนต้องมีผู้จัดการวงคือ มิสเตอร์ไวท์ (ทอม แฮงค์) มาช่วยจัดการคิวแสดง และเซ็นต์สัญญากับค่ายเพลง จนสามารถพาเพลงติดอันดับ Billboard Hot 100 ในสัปดาห์ที่ 2 ไต่ถึงอันดับที่ 7 เลยทีเดียว
ในเบื้องหลังการแสดง แม้นักแสดงวง The Wonders ทั้ง 4 หน่อ จะซ้อมด้วยกันจริงๆ ถึง 8 สัปดาห์ เพื่อให้การแสดงได้สมจริงนั้น แต่ในความเป็นจริงการเล่นดนตรีของพวกเขาในภาพยนตร์ถูกแทนเสียงด้วยนักดนตรีมืออาชีพตัวจริงแทน
เพลง That Thing You Do ในภาพยนตร์ เราจะได้ยินแบบหลากหลายเวอร์ชั่น ซึ่งรวมๆ แล้วทั้งเรื่องเราจะได้ยินเพลงนี้ถึง 11 ครั้งเลย ซึ่งวง The Wonders นี้มักจะถูกเข้าใจผิดบ่อยมากว่าเป็นวงดนตรีที่มาแสดงหนังจริงๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับไม่ใช่
เพลงนี้ถูกเขียนขึ้นโดย Adam Schlesinger มือเบสแห่งวง Fountains of Wayne ซึ่งตอนแต่งเพลงขึ้นมา นาย Schlesinger ก็ไม่คิดว่าเพลงนี้จะถูกเลือกมาประกอบภาพยนต์เสียด้วยซ้ำ ส่วนเสียงร้องในภาพยนตร์นั้นก็ ไม่ใช่เสียงของนักแสดงนำ Johnathon Schaech แต่เป็น นักร้องซ่อนแอบ ที่ชื่อว่า Mike Viola (ในหนังให้เครดิต “additional vocalist”)
[wonderplugin_video iframe=”https://youtu.be/fzllVlzzeuo” videowidth=600 videoheight=400 keepaspectratio=1 videocss=”position:relative;display:block;background-color:#000;overflow:hidden;max-width:100%;margin:0 auto;” playbutton=”https://bsite.in/wp-content/plugins/wonderplugin-video-embed/engine/playvideo-64-64-0.png”]
Jason Lee กับบทบาท Jeff Bebe ฟร้อนท์แมนของวง Stillwater ใน Almost Famous (2000)
ภาพยนตร์เรื่อง Almost Famous “อีกนิด…ก็ดังแล้ว” ในปี 2000 นั้น เนื้อเรื่องก็ว่าด้วย เด็กหนุ่มมัธยม “วิลเลี่ยม” มีโอกาสได้เขียนบทความลงนิตยสารเพลง “Rolling Stone” ทำให้จับพลัดจับผลูติดตามทัวร์คอนเสิร์ตไปกับวงดนตรีเพื่อนำงานเขียนมาส่งให้กับโรงพิมพ์
ในเมื่อตามวงร็อคไปด้วยแล้วล่ะก็ เหล้า ยา นารี มีเพียบแน่นอน! แต่ด้วยความที่มีแม่เป็นซิงเกิ้ลมัมเจ้าระเบียบแล้วหล่ะก็ความวุ่นวายต้องเกิดขึ้นแน่นอน สุดท้ายจะจบลงยังไงต้องตามไปดูในหนังต่อเองนะครับ เป็นหนังที่ดีเรื่องนึงแห่งปี (นั้น) เลย
สำหรับวงที่ “วิลเลี่ยม” ตามไปทัวร์ในภาพยนตร์นั้น เป็นอีก 1 เรื่อง ที่คนดูเคยสับสนว่าวง Stillwater ในหนังนั้นเป็นวงดนตรีจริงๆ
โดยวงดนตรีในหนังนั้น ประกอบไปด้วย Jeff Bebe นักร้องนำ (รับบทโดย Jason Lee), Russell Hammond มือกีต้าร์ (รับบทโดย Billy Crudup), Larry Fellows มือเบส และ Ed Vallencourt มือกลอง
วง Stillwater มีเพลงของตัวเอง คือ เพลง “Fever Dog” แต่ Jason Lee ไม่ได้ร้องเพลงนี้เอง แต่จริงๆ แล้วเป็นนักร้องซ่อนแอบ ชื่อว่า Marti Frederiksen
ส่วนงานดนตรีเบื้องหลังนั้นคับคั่งไปด้วยบุคคลากรทางด้านดนตรีอย่าง Nancy Wilson มือกีต้าร์/นักร้องประสานจากวง Heart มาช่วยแต่งเพลง “Fever Dog” , Peter Frampton ศิลปินดังจากยุค ‘70s มาช่วยสอน Billy Crudup ในการเล่นกีต้าร์สำหรับฉากที่แสดงคอนเสิร์ต , Mike McCready มือกีต้าร์จากวง Pearl Jam ที่มาช่วยอัดเสียงกีต้าร์ซาวนด์แทร็คในหนัง เป็นต้น
[wonderplugin_video iframe=”https://youtu.be/_fxdDJYvVyE” videowidth=600 videoheight=400 keepaspectratio=1 videocss=”position:relative;display:block;background-color:#000;overflow:hidden;max-width:100%;margin:0 auto;” playbutton=”https://bsite.in/wp-content/plugins/wonderplugin-video-embed/engine/playvideo-64-64-0.png”]
Lou Diamond Phillips กับบทบาทในหนังชีวประวัติของ Ritchie Valens เรื่อง La Bamba (1987)
หนังชีวประวัติของหนึ่งศิลปินที่ลาโลกเร็วเกินไป เหลือไว้แต่ตำนานเพลงอย่าง La Bamba, Donna และ Come On, Let’s Go
ผลงานการแสดงการเป็นนักร้องของ Lou Diamond Phillips ถือว่าเป็นการแสดงมาตรฐานสูงในการร้องเพลงในภาพยนต์เลยหล่ะ เค้าสามารถแสดงให้คนดูเห็นว่าเค้าเป็นคนร้องเพลงเองทั้งหมดในหนังเรื่องนี้
คนดูในยุคนั้นเชื่อแม้กระทั่งว่า ลู ไดมอนด์ ฟิลลิปส์ เป็น ริทชี่ วาเลนส์ ตัวจริง!
มันยิ่งกว่านั้นเข้าไปอีก ในเมื่อครอบครัวของ ริทชี่ วาเลนส์ เป็นห่วงพระเอก ลู ไดมอนด์ ฟิลลิปส์ ในระหว่างที่เข้าฉากขึ้นเครื่องบิน
เป็นที่รู้กันนะครับว่า ริทชี่ วาเลนส์ ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกจนเสียชีวิต ในปี 1959 ขณะอายุ 17 ปีเอง โดยเสียชีวิตพร้อมกับเพื่อนศิลปินในวงการอย่าง Buddy Holly และ J. P. “The Big Bopper” Richardson เป็นเหตุการณ์ช็อคโลกครั้งนึง ที่เรียกกันว่า “The Day the Music Died” โดยมีเพลงดังๆ แต่งขึ้นมารำลึกถึงเหตุการณ์นี้อย่างเพลง American Pie โดย Don McLean ในปี 1971
ก็นั่นหล่ะครับเป็นที่มาว่า ครอบครัวของ ริทชี่ วาเลนส์ พยายามโน้มน้าวพระเอก ลู ไดมอนด์ ฟิลลิปส์ ไม่ให้เข้าฉากนี้ เพราะเป็นห่วงพระเอกจะต้องมาประสบอุบัติเหตุซ้ำอีก โดยเฉพาะน้องสาวของริทชี่ ร้องไห้และกอดพระเอกเอาไว้ อ้อนวอนว่าอย่าเล่นฉากนี้เลย!
แม้แอ๊คติ้งและการลิปซิงค์ของ ลู ไดมอนด์ ฟิลลิปส์ จะเป๊ะขนาดไหน แต่เสียงที่ออกมาก็ไม่ใช่เสียงของเค้าอยู่ดี และก็ไม่ใช่เสียงร้องของต้นตำรับ ริทชี่ วาเลนส์ อีกด้วย
แต่เป็นเสียงร้องของ นักร้องซ่อนแอบ นามว่า David Hidalgo แห่งวง Los Lobos โดยทั้งวงได้มาร่วมฉากไนท์คลับที่ Tijuana ประเทศ Mexico อีกด้วย!
[wonderplugin_video iframe=”https://youtu.be/jSKJQ18ZoIA” videowidth=600 videoheight=400 keepaspectratio=1 videocss=”position:relative;display:block;background-color:#000;overflow:hidden;max-width:100%;margin:0 auto;” playbutton=”https://bsite.in/wp-content/plugins/wonderplugin-video-embed/engine/playvideo-64-64-0.png”]
พอหอมปากหอมคอกันไปพอประมาณแล้วนะครับ ว่าหนังเรื่องไหน ดาราร้องเองใช้เสียงตัวเองในการแสดง หรือ คนไหนร้องเองแล้วไม่ไหวจริงๆ ให้คนอื่นมาร้องดีกว่า
จริงๆ ยังมีรายชื่อหนังอีกหลายเรื่องพอประมาณเลย แต่ถ้าจะเล่าให้จบในบทความเดียว กลัวคนอ่านจะเหนื่อยไปเสียก่อนอ่ะครับ ไว้มีโอกาสจะมาอัพเดตเรื่องราวให้อ่านกันอีกรอบนะครับ
สุขสวัสดิ์จงมีแด่ท่าน,
W.
ที่มา : imdb.com, wikipedia.org
Copyright© Bsite.In
ABOUT THE AUTHOR
Walrus