อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้นส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมทุกภาคส่วนบนโลก ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โรงแรม และการบิน เนื่องจาก ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกต่างออกมาตรการปิดพรมแดนของตนเองเพื่อควบคุมและลดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา และแน่นอนว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์นี้จนเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย จะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง เราไปดูกันค่ะ

อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญอย่างมากของโลก ปัจจุบัน รถยนต์นั้นถูกพัฒนาและแบ่งออกเป็นหลายประเภทมากขึ้นเพื่อรองรับต่อความต้องการของผู้บริโภคซึ่งเปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น Eco Car ที่ถูกออกแบบมาให้เป็นรถยนต์ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองวิถีชีวิตของผู้คนที่เริ่มตระหนักถึงความรุนแรงของภาวะโลกร้อนที่กำลังเกิดขึ้น หรือจะเป็น Electric Vehicle รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่ค่ายรถยนต์หลายค่ายก็เริ่มหันมาพัฒนารถยนต์ประเภทนี้เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่ต้องการประหยัดค่าน้ำมันและค่าซ่อมบำรุงเครื่องยนต์จากการใช้รถที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง

อย่างไรก็ตาม หลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ก็เปลี่ยนแปลงไป โดยในระยะแรก ความต้องการของผู้บริโภคในอุตสาหกรรมยานยนต์นั้นลดลง การนำเข้าหรือส่งออกชิ้นส่วนในการผลิต การค้าปลีก การลงทุนและธุรกิจที่เกี่ยวกับยานยนต์อื่น ๆ ก็ชะลอตัวด้วยเช่นกัน  ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) เผยว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศไทยประจำปี พ.ศ. 2564 หดตัวลงจากปีก่อนถึง 7.1% คือ มีการซื้อขายรถยนต์เพียง 7.35 แสนคันเท่านั้น แต่ความต้องการของผู้บริโภคต่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle) และรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) กลับเพิ่มมากขึ้น ทำให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบ่งสัดส่วนในตลาดยานยนต์เพิ่มมากขึ้น โดยอาจเป็นผลมาจากการที่คนเราเริ่มสนใจการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น จึงหันมาใช้ยานพาหนะที่ถูกออกแบบมาให้คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม นอกจากรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแล้ว ยังมีตลาดรถมือสองที่มียอดขายเพิ่มขึ้นอีกด้วย แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคนั้นยังมีความต้องการในการซื้อรถยนต์ส่วนตัวอยู่ เพียงแต่มีกำลังซื้อน้อยลงเท่านั้น

แม้ว่าในช่วงแรกที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ไปทั่วโลกจะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ชะลอตัวลง แต่หลังจากนั้นไม่นาน ตลาดยานยนต์ก็เริ่มฟื้นฟูและเกือบจะกลับมาคึกคักเหมือนตอนก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ฟังดูเหมือนเป็นข่าวดีที่อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเริ่มขยับตัวอีกครั้ง แต่ความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างกระทันหันนี้ทำให้ธุรกิจการผลิตยานยนต์หลายบริษัทมีผลกำไรลดลง เนื่องจากราคาวัตถุดิบอย่างโรเดียมและอลูมิเนียมที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่เกิดโรคระบาด ทำให้ต้นทุนการผลิตไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนวงจรไฟฟ้าหรืออะไหล่รถยนต์ต่าง ๆ ก็เพิ่มสูงขึ้นไปด้วย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ นอกจากนี้ เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่มักแพร่ระบาดจากการสัมผัสใกล้ชิดกัน ผู้บริโภคยังมีพฤติกรรมในการหันมาใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดูรายละเอียดของรถยนต์ พูดคุยกับคนขายถึงขั้นตอนต่าง ๆ รวมไปถึงการรับบริการหลังการขาย ทำให้เกิด Virtual Experience ที่สะดวกสบายและปลอดภัยจากโรคโควิด-19 Virtual Experience ทำให้ยอดขายรถยนต์ฟื้นฟูจากช่วงที่เกิดการระบาด ซึ่งบริการออนไลน์ที่ดึงดูดลูกค้ามากที่สุด คือ การให้บริการหลังการขาย หรือ Virtual Servicing โดย PeerPower เปิดเผยว่า ลูกค้าเกือบ 90% มองว่า Virtual Servicing เป็นบริการที่น่าสนใจมาก ดังนั้น ในยุคที่โควิด-19 ระบาดและคนต้องอยู่บ้านแบบนี้ Virtual Experience จึงเป็นกลยุทธ์ใหม่ ๆ ที่สร้างความสะดวกสบายให้ลูกค้าได้ใช้บริการโดยที่ไม่ต้องออกมาข้างนอก

ถึงแม้ว่าช่วงนี้ ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคในอุตสาหกรรมยานยนต์จะต้องได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่เชื่อว่าอีกไม่นานธุรกิจยานยนต์นี้จะต้องฝ่าวิกฤตโควิด-19แล้วกลับมาคึกคักเหมือนอย่างแต่ก่อนได้แน่นอน เพื่อจะสามารถเพิ่มยอดขายและยังคงรักษาธุรกิจของตนให้ดำเนินการต่อไปได้ ผู้ผลิตจะต้องคิดกลยุทธ์มาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและเทรนด์ใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในยุค New Normal นี้ให้ได้ เราขอเอาใจช่วยให้ทุกภาคส่วนสามารถผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้นะคะ

ขอบคุณที่มาจาก: Thansettakij, Peerpower, MGR Online, Thairath, Prachachat