- Celebrities
- Entertainment
พบกับความห่ามสุดมันส์ ของ “The King” เมื่อ Elvis เข้าพบกับประธานาธิบดี Nixon
By กาย แพ็ทเทอร์สัน • on Aug 16, 2019 • 2,294 Views
The King ลาโลกในวันที่ 16 สิงหาคม 1977 ครบรอบวันตายจะมีเรื่องไหนมันส์พะย่ะค่ะมากไปกว่าเรื่องที่พี่แกไปป่วน ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ที่ทำเนียบขาวล่ะครับ
ถ้าถามว่าระหว่าง Elvis Presley กับ Richard Nixon ใครยิ่งใหญ่กว่ากันแล้วล่ะก็เชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงต้องตอบว่าเอลวิส “เดอะ คิง” แน่นอน
ทั้งนี้ก็เพราะว่านิกสันเป็นนักการเมืองที่ยังไงซะคงมีคนเกลียดอยู่พอสมควร ในขณะที่เอลวิสนั้นตรงกันข้ามเพราะอาชีพของเขาสร้างความสุขให้ผู้คนผ่านเสียงเพลง
ครั้งนึงเอลวิส กับ นิกสัน เคยพบกันและเป็นการพบกันแบบที่ฝ่ายนิกสันไม่ได้วางแผนอะไรเลย เพราะคนที่บุกไปพบคือฝั่งของ เดอะ คิง แถมวิธีการไปพบก็โคตรจะห่ามชนิดบ้าดีเดือด
เรื่องมันเริ่มต้นในวันที่เอลวิสอยู่ในอารมณ์ที่เซ็งสุดขีด เพราะโดน Priscilla เมียบังเกิดเกล้าบ่นเป็นหมีกินผึ้งเรื่องที่ เดอะ คิง ผลาญเงินไปกับของขวัญวันคริสมาสท์กว่า 100,000 เหรียญ
เขาเผ่นออกจากคฤหาสน์ Graceland ที่เมมฟิส ตีตั๋วเครื่องบินไปวอชิงตันดื้อๆซะอย่างงั้น พอไปถึงวอชิงตันเช็คอินที่โรงแรมได้แป๊บเดียวก็ติสท์แตกอีกครั้ง คราวนี้พี่แกจับเครื่องบินไป LA โน่นเลย
เมียบ่นมากๆเข้าเอลวิสก็เลยงอนตุ๊บป่องนะซิ
ไปถึงแอลเอก็โทรหา Jerry Schilling เพื่อนรักที่คบหากันมานานให้ช่วยมารับที่สนามบินหน่อย เจอรี่ต้องแหกขี้ตาเผ่นไปรับเอลวิสตอนตี 3 แล้วพามานอนที่แมนชั่นของตัวเอง
“Elvis called and asked me to pick him up at the airport,” recalls Jerry Schilling, Presley’s longtime aide.
ที่โคตรจะเหลือเชื่อก็ตรงที่ระหว่างเอลวิสบินไปบินมาเนี่ย พี่แกพกปืนไปด้วยตลอด (เอลวิสเป็นคนบ้าปืน) และนอกจากปืนแล้วก็ยังหอบเอา badge ตราตำรวจติดตัวไปด้วย
เอลวิสมีตราตำรวจท้องถิ่นแทบจะทุกๆรัฐเพราะเวลาเขาไปเปิดโชว์ที่ไหนตำรวจท้องถิ่นก็มักจะมอบตราตำรวจให้เอลวิสเป็นที่ระลึก
พอมีตราตำรวจมากๆเข้าคราวนี้เอลวิสนึกอยากเป็นตำรวจเฉยเลย
จะเป็นตำรวจธรรมดาก็ไม่เอาซะด้วย แต่เอลวิสอยากเป็นตำรวจลับเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติด เพราะช่วงนั้นอเมริกาเริ่มมีปัญหายาเสพติด วัฒนธรรมฮิปปี้กำลังแผ่ขยาย sex, drug และ rock n roll กำลังเบ่งบาน
การจะเป็นตำรวจลับที่ว่านั่นจะต้องได้รับการแต่งตั้ง และ ต้องมีตราตำรวจจาก The federal Bureau of Narcotics and Dangerous Drugs คนที่จะมีอำนาจในการสั่งการแต่งตั้งและมอบตราให้คือ “ประธานาธิบดีสหรัฐ”
คิดได้ดังนั้นเอลวิสก็เลยชวนเจอรี่เพื่อนรักให้ไปหา ปธน.นิกสันที่ทำเนียบขาวด้วยกันซะเลย……เอากะพี่แกดิ…55555
After just one day in Los Angeles, Elvis asked Schilling to fly with him back to the capital. “He didn’t say why,” Schilling recalls, “but I thought the badge might be part of the reason.”
ระหว่างจับเครื่องบินจากแอลเอไปวอชิงตันเอลวิสก็ใช้กระดาษที่มีหัวสายการบิน American Airlines เขียนจดหมายหานิกสันซะเลยโดยมีใจความว่า
“ทั่น ปธน.ครัฟฟฟฟ ผมอยากขอรับใช้ชาติด้วยการเป็นตำรวจลับเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติด ผมยินดีจะไปพบทั่น …อ้อ…ผมใช้ชื่อปลอมว่า Jon Burrows เช็คอินกินนอนอยู่ที่ Washington Hotel นะครัฟฟฟ และผมจะตะบี้ตะบันอยู่ที่นี่มันอย่างงี้แหละจนกว่าทั่นจะให้ผมเข้าพบ และแต่งตั้งผมเป็นตำรวจลับเฉพาะกิจ”
On the red-eye to Washington, Elvis scribbled a letter to President Nixon. “Sir, I can and will be of any service that I can to help the country out,” he wrote. All he wanted in return was a federal agent’s badge. “I would love to meet you,” he added, informing Nixon that he’d be staying at the Washington Hotel under the alias Jon Burrows. “I will be here for as long as it takes to get the credentials of a federal agent.”
พอถึงวอชิงตันเอลวิสกับเจอรี่ก็นั่ง Limo ไปที่ทำเนียบขาวเดี๋ยวนั้นเลย ไปถึงก็หย่อนจดหมายนั่นที่ตู้จดหมายตรงประตูทางเข้าจากนั้นก็ไปเช็คอิน (ด้วยชื่อปลอม Jon Burrows) ที่โรงแรมตามที่เขียนจดหมายบอกนิกสันนั่นแหละ
ได้ห้องพักเรียบร้อยเอลวิสก็ฉายเดี่ยวออกไปที่ ปปส.ทันที เอลวิสบุกไปพบ รอง ผอ.ปปส.เพื่อขอตราตำรวจปราบปรามยาเสพติด แต่ รอง ผอ.นั่นไม่บ้าจี้ตาม เอลวิสจึงกลับออกมาอย่างผิดหวังและหัวเสีย
แต่เอลวิสยังมีโชคครับเพราะจดหมายที่เอาไปหย่อนที่ทำเนียบขาวดันไปถึงมือของ Egil “Bud” Krogh ผู้ช่วยของนิกสัน และบั๊ดดันเป็นแฟนเอลวิสก็เลยเห็นช่องทางว่าเอลวิสอาจช่วยสร้างคะแนนนิยมให้นิกสันได้ เพราะคนส่วนใหญ่ชอบเอลวิส
บั๊ดเลยลองโทรไปที่ Washington Hotel พอเจอรี่เป็นคนรับสายบั๊ดเลยรู้ว่าทั้งหมดคือเรื่องจริง บั๊ดกับเจอรี่เลยนัดพูดคุยกันนอกรอบเพื่อกำหนดกรอบในการเข้าพบนิกสันจนทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันได้
วันที่เอลวิสพบนิกสันนั้นคือ 21 ธันวาคม 1970 เอลวิสไปถึงทำเนียบขาวตอนเที่ยงพร้อมกับเจอรี่ และ Sonny West ที่เป็นบอดี้การ์ดที่เพิ่งบินตามมาจากเมมฟิส
เอลวิสใส่สูทสีม่วง คาดเข็มขัดทองเส้นโต และใส่แว่นกันแดดในแบบที่เราคุ้นตากันดี แถมยังหอบเอาปืน Colt .45 มาเป็นของขวัญให้นิกสันจนบรรดาตำรวจทำเนียบขาวตกอกตกใจและขอ “ยึด” เอาไว้
บั๊ดเล่าว่าตอนที่เดินเข้าไปในห้องทำงานรูปไข่ The Oval Office นั้น เอลวิสก็มีท่าทีทึ่งอยู่เล็กน้อย แต่แค่แป๊บเดียวเท่านั้น เดอะ คิง ก็ปรับอารมณ์เป็นปกติ
Ollie Atkins ช่างภาพประจำทำเนียบขาวเป็นคนเก็บภาพที่เอลวิสเจอกับนิกสันทั้งหมด ทั้งคู่เช็คแฮนด์กัน และเอลวิสงัดตราตำรวจท้องถิ่นออกมาอวดนิกสัน
ตอนนั้นยังไม่มีการบันทึกเทปการสนทนา แต่บั๊ดบันทึกเอาไว้ว่าในการพูดคุยกันนั้นเอลวิสบอกกับนิกสันว่า “วง The Beatles เป็นกำลังหลักในการแอนตี้อเมริกัน”
นิกสันก็เลยเสริมว่า “ไอ้พวกที่ชอบเล่นยาก็เช่นกัน เพราะพวกนี้เป็นหัวโจกในการประท้วงของม๊อบแอนตี้อเมริกัน”
Nixon’s famous taping system had not yet been installed, so the conversation wasn’t recorded. But Krogh took notes: “Presley indicated that he thought the Beatles had been a real force for anti-American spirit. The President then indicated that those who use drugs are also those in the vanguard of anti-American protest.”
“ผมอยู่ข้างเดียวกับทั่นนะครับ ทั่นประธานาธิบดี ผมศึกษามาเยอะทั้งเรื่องของวัฒนธรรมการใช้ยาเสพติด ไปจนถึงเรื่องของการล้างสมองของลัทธิคอมมิวนิสท์ ถ้าท่านมอบตราตำรวจปราบยาเสพติดให้ผม…ผมจะปราบมันให้เกลี้ยงเลย”
นิกสันได้ยินดังนั้นก็เลยหันไปถามบั๊ดว่า “Can we get him a badge?”
บั๊ดยืนยันว่าประธานาธิบดีมีอำนาจที่จะทำได้ นิกสันก็เลยสั่งการให้ทำตามนั้นเลย (เฮ้ยยยยยย….เอลวิสได้เป็นตำรวจลับเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติดจริงๆด้วยยยยยย…55555)
เอลวิสพอได้ทุกอย่างดั่งใจนึกก็ปลื้มปริ่มดีใจออกนอกหน้าจนเดินเข้าไปกอดนิกสันแน่นๆเลย ….In a surprising, spontaneous gesture, Elvis put his left arm around the President and hugged him.
เอลวิสเป็นคนไม่ลืมเพื่อน เพราะเขาไม่ได้เข้าทำเนียบขาวคนเดียว แต่ยังมีเจอรี่ กับ ซอนนี่ ที่ตามไปด้วย เอลวิสเลยขอให้นิกสันทักทายเพื่อนของเขาทั้ง 2 คน ตำรวจลับเลยต้องไปพาทั้งคู่เข้ามาที่ The Oval Office เพื่อจับมือกับนิกสัน
หลังเสร็จสิ้นการพบกันบั๊ดพาเอลวิสไปทานอาหารกลางวัน และมีการเอาตราตำรวจปราบยาเสพติดมามอบให้เอลวิสบนโต๊ะอาหารมื้อนั้น
การพบกันครั้งนี้ถูกเอลวิสร้องขอให้เก็บเป็นความลับแม้ว่าในปีถัดมาจะมีนักข่าวที่ชื่อ Jack Anderson ได้กลิ่นและเอาไปเขียนลงสื่อแต่ก็ไม่มีใครเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงเลยซักนิด
จวบจนกระทั่งปี 1988 หลังจากที่นิกสันพ้นตำแหน่ง และ เอลวิสลาโลกไปแล้ว Chicago newspaper ถึงตีข่าวว่า The National Archives เอาภาพชุดนี้ออกมาขาย และกลายเป็น The most requested photographs in Archives history
ภาพการพบกันของราชาร็อคแอนด์โรล กับ ปธน.สหรัฐ ได้รับความนิยมเพราะมันคือภาพที่ทรงพลัง มันไม่ง่ายนักหรอกที่ The leader of the Western world และ The king of rock ‘n’ roll จะมายืนคู่กัน
ทั้งหมดนี้คือ fact นะครับ
ที่บอกว่าเป็น fact เพราะผมอ่านมาจากเว็บของสมิธโซเนี่ยน ถ้าระดับสมิธโซเนี่ยนมีเรื่องยกเมฆแล้วล่ะก็ยุบสถาบันไปเถอะ
คราวนี้มาเรื่องของ fiction บ้างครับ
ผู้กำกับ Liza Johnson เล่าผ่านหนัง Elvis & Nixon โดยเจตนาจะแขวะฝั่งนิกสันว่าตอนที่เอลวิสเหยียบย่างเข้าไปที่ทำเนียบขาวนั้นทั้งทีมงานของนิกสัน และ นิกสันเองก็พูดถึงความหรูหราใหญ่โตโอ่โถงของทำเนียบขาวด้วยความภาคภูมิใจ
แต่เอลวิสตอบกลับแบบเรียบๆว่าคฤหาสน์ Graceland ของเขาที่เมมฟิสก็ประมาณเดียวกันนั่นแหละ (กรูไม่ตื่นเต้นหรอก….อย่ามาคุยโอ่อะไรปัญญาอ่อนแบบนี้เลย…5555)
คือ…ถ้าจะเอาความหรูหราคฤหาสน์ของเอลวิสก็คงไม่ได้แย่ไปกว่าทำเนียบขาวหรอก แล้วถ้าจะเอาความหวือหวาเผลอๆเอลวิสชนะเลิศอีกต่างหาก
ถ้าจะเอาเรื่องของเนื้อที่แน่นอนว่าทำเนียบขาวใหญ่กว่าเพราะจากข้อมูลตามลิ้งค์ข้างล่างระบุว่า The White House fence encloses 18 acres of land แต่คฤหาสน์ Graceland ก็ไม่ได้เล็กนะครับ เพราะปาเข้าไปถึง 13.8 acres
อีกเรื่องนึงที่แขวะความ proud ของนิกสัน (คนเรานี่บางทีก็ภาคภูมิใจในเรื่องบ้าบอๆขี้หมาๆจริงๆ) คือ ตอนที่นิกสันพาเอลวิสดูของโชว์ในห้องทำงานรูปไข่
นิกสันบอกให้เอลวิสหยิบ “หินจากดวงจันทร์” ขึ้นมาดู โดยนิกสันคุยโอ่ด้วยความภูมิใจว่าได้มาจาก Buzz Aldrin (บั๊ซคือ 1 ในนักบินอวกาศที่ขึ้นไปดวงจันทร์กับ นีล อาร์มสตรอง และ ไมเคิล คอลลิน)
เอลวิสบอกกับนิกสันว่าไม่เป็นไรไม่หยิบหรอกเพราะที่บ้านเขาก็มีเหมือนกัน บั๊ซเอามาให้ 1 ก้อน (นิกสันเงิบไปเลย เพราะมันนึกว่ามันเจ๋งที่สุดใน 3 โลก…555)
แต่ก็นั่นแหละครับ มันคือ fiction ที่คนฮอลลีวู๊ดเขาเสียดสีนักการเมืองเพื่อเอามันส์
กลับมาที่ fact อีกครั้ง และเป็น fact ที่ปวดใจสุดๆเลย นั่นก็คือเอลวิสอยากทำงานด้านปราบปรามยาเสพติด และเขาได้ตราตำรวจจากนิกสันตามที่ต้องการแล้ว
แต่เอลวิสไม่ได้ลงมือทำหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดอย่างที่ตั้งใจเลย ยาเสพติดก็ยังคงระบาดต่อไปในอเมริกา แถมท้ายที่สุดตัวเอลวิสเองก็ไปเฝ้าท่านยมจากการใช้ยาเกินขนาด….!!!!!
Twist ending จริงๆเลย…..
ที่มา : https://www.smithsonianmag.com
ABOUT THE AUTHOR
กาย แพ็ทเทอร์สัน