Posted on Aug 07, 2019by กาย แพ็ทเทอร์สัน • 1,840 Views
นี่มัน Ticket to ride ของจริงเลย! เมื่อมีผู้พบ Boarding Pass ของ John Lennon ในซากเครื่องบินเก่าที่สี่เต่าทองเคยโดยสารในยุค 60’s
Lifestyle
นี่มัน Ticket to ride ของจริงเลย! เมื่อมีผู้พบ Boarding Pass ของ John Lennon ในซากเครื่องบินเก่าที่สี่เต่าทองเคยโดยสารในยุค 60’s
By กาย แพ็ทเทอร์สัน • on Aug 07, 2019 • 1,840 Views
นี่มัน Ticket to ride ของจริงเลยขอรับพระเดชพระคุณทั้งหลาย
Nils Alegen หนุ่มเยอรมันวัย 37 ปีหลงไหลเครื่องบินมาตั้งแต่เด็กเพราะแม่เขาเป็น air hostess และชอบเล่าเรื่องบนเครื่องบินให้ฟัง พอโตมานิลส์ก็ทำตามความฝันด้วยการยึดอาชีพเป็นกัปตันเครื่องบินพาณิชย์บินไปทั่วโลก
ปี 2012 เขาไปเจอเครื่องบินเจ็ทรุ่น Caravelle ที่นิยมใช้กันในอุตสาหกรรมการบินยุค 60s ของบริษัท Sud Aviation จอดอยู่ที่สนามบินใกล้ Paris นิลส์เลยตัดสินใจซื้อซากมาเพื่อที่จะรีโนเวท
By กาย แพ็ทเทอร์สัน • on Jun 13, 2019 • 2,317 Views
ผู้ชายที่อยู่ในวงกลมในภาพนี้คือ Jimmie Nicol มือกลองที่ได้เป็นสมาชิกของ The Beatles อยู่แค่ 13 วัน นอกจาก Pete Best มือกลองที่โดนบีบให้ออกจากวงแล้ว Jimmie นี่แหละครับที่ถือว่าวาสนาไม่ดีพอๆกับ Pete เลย
ตอนนั้น The Beatles วางแผนจะออกทัวร์ที่ Denmark, Netherland , Hong Kong, Australia และ New Zealand แต่ Ringo ดันมาป่วยกระทันหันถึงขั้นต้องแอดมิท ตารางการเดินทางก็ออกมาแล้ว โรงแรมก็จองแล้ว ตั๋วก็ขายหมดไปล่วงหน้าแล้ว เจอแบบนี้ “ยอดผู้จัดเกย์” เอ้ย ผู้จัดการวง Brian Epstein ก็ถึงกับต้องกินยาพาราฯเป็นกำๆนั่นแหละครับ เพราะการยกเลิกทัวร์นี่มันคือหายนะดีๆนี่เอง
เจ๊ Brian ก็เลยไปกล่อมพวกสี่เต่าทองว่า “หนุ่มๆขราาา เจ๊ต้องหาคนมาเล่นแทนอีตา Ringo นะฮ้า อย่าว่าเจ๊นะ” ซึ่ง John Lennon กับ Paul McCartney ก็ไม่ขัดข้อง แต่ George Harrison กลับไม่เอาด้วย
ยอดโปรดิวเซอร์ George Martin เล่าว่า พวกสี่เต่าทองเกือบจะยกเลิกทัวร์นี้ เพราะจอร์จ แฮริสัน เป็นคนที่รักเพื่อนมาก จอร์จบอกว่า “ริงโก้คือ เดอะ บีเทิ่ลส์ ไม่มีริงโก้ก็ไม่ใช่ เดอะ บีเทิ่ลส์ ถ้าไม่มีริงโก้ก็อย่าเล่นเลยดีกว่า”
แต่ท้ายที่สุดจอร์จก็ยอมตามเสียงส่วนใหญ่ ก็เลยทำให้ Jimmie Nicol มือกลองในห้องอัดเสียงจากลอนดอนได้มาทำหน้าที่นี้เพราะนอกจาก Jimmie จะเข้าตา Brian แล้ว Paul เองก็ยังถูกชะตากับ Jimmie อีกด้วย
แม้จะผ่านงานในห้องอัดมาพอสมควร แต่การอยู่บนเวทีในฐานะ เดอะ บีเทิ่ลส์ ก็ทำให้ Jimmie มีอาการตื่นเต้นเล็กน้อยระหว่างแสดงที่ Netherland และ Denmark จนอาจทำให้จังหวะเพี้ยน ซึ่ง John Lennon เลยใช้วิธีหันไปหาเพื่อให้ Jimmie เห็นว่ากำลังเล่น rhythm guitar ในจังหวะไหน เพื่อที่จะได้ประคองไปด้วยกัน เพราะในคอนเสิร์ทนั้นมีแต่เสียงกรีดร้องของแฟนๆจนแทบไม่ได้ยินอะไรเลย (กับ Ringo ตอนอยู่บนเวทีที่มีเสียงดังๆ John ก็ทำแบบนี้เหมือนกัน)
Ringo หายทันระหว่างการทัวร์ และบินไปสมทบกับวงที่ Melbourne, Australia และนั่นทำให้ Jimmie ปิดจ๊อบสุดท้ายในฐานะสี่เต่าทองด้วยการนั่งให้รายการทีวีสัมภาษณ์ ก่อนจะตรงดิ่งไปสนามบินจับเครื่องกลับบ้านอย่างเงียบๆ
ก่อนลาจากกัน เจ๊ Brian ให้ของขวัญ Jimmie เป็นนาฬิกาเรือนทอง โดยบอกว่ามันคือคือน้ำใจจากสี่เต่าทอง “From the Beatles and Brian Epstein to Jimmie – with appreciation and gratitude.”
หลังหมดสัญญาจ้าง 13 วันในฐานะ เดอะ บีเทิ่ลส์ ชีวิตของ Jimmie กลายเป็นกราฟที่ดิ่งลง งานของ Jimmie ที่ทำกับวงของตัวเองขายไม่ออก เพราะ Jimmie ทำออกมาแบบล้ำยุคไปหน่อย ผสมผสานทั้ง fusion , rock และ jazz โดยที่ตลาดเพลงในยุคนั้นมันคือ British Invasion-style rock music (แบบที่ เดอะ บีเทิ่ลส์ เป็นนั่นแหละครับ) คนก็เลยไม่ฟังงานของ Jimmie ที่ลงทุนเองทุกบาททุกสตางค์
พอ Paul McCartney อ่านเจอข่าวของ Jimmie และประกอบกับ Paul รู้ว่าวง Peter and Gordon กำลังจะออกทัวร์ Paul เลยยกหูไปหาขอให้ Peter and Gordon จ้าง Jimmie เป็นมือกลองในการออกทัวร์ โดย Paul ช่วยการันตีว่า “เฮ้ยยย Jimmie เป็นมือกลองที่เก่งนะ ช่วยๆกันหน่อยเถอะพวก” นั่นก็เลยทำให้ Jimmie ได้งานมีเงินมายาใส้ไปอีกพักนึง
หลังจากนั้นอีกไม่นาน Jimmie ก็ได้งานเป็นมือกลองสมาชิกวง The Spotnicks แต่ระหว่างที่ออกทัวร์เขาดันเล่นยาแล้วจู่ๆก็หายไปจากวงแบบไม่บอกไม่กล่าว จนวงเขาเสียงานเสียการ
Jimmie เคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาแอบหวังเงียบๆว่าจะได้แทนที่ Ringo แต่เขารู้สึกว่า Brian Epstein และพวกบีเทิ่ลส์ไม่จริงใจกับเขา
Posted on May 22, 2019by กาย แพ็ทเทอร์สัน • 2,373 Views
เพลงนี้มีเรื่องเล่า : Crazy Little Thing Called Love จาก ราชันย์ในนามราชินี ‘Queen’ กับความพิเศษที่มอบให้กับสองตำนานเพลงอย่าง Elvis Presley และ John Lennon
Entertainment
เพลงนี้มีเรื่องเล่า : Crazy Little Thing Called Love จาก ราชันย์ในนามราชินี ‘Queen’ กับความพิเศษที่มอบให้กับสองตำนานเพลงอย่าง Elvis Presley และ John Lennon
By กาย แพ็ทเทอร์สัน • on May 22, 2019 • 2,373 Views
Crazy Little Thing Called Love ของ Queen นอกจากจะเป็นเพลงที่เป็นซิงเกิ้ลแรกของพวกเขาที่ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกาในปี 1980 แล้ว มันยังมีความพิเศษ 2 อย่างคือ
เพลงนี้ควีน Tribute ให้กับ Elvis Presley
มันคือเพลงที่สร้างแรงบันดาลใจให้ John Lennon กลับคืนสู่วงการ
เฟร็ดดี้ใช้เวลาเขียนเพลงนี้แค่ 10 นาทีเท่านั้น ตอนนั้นวงควีนอยู่ที่โรงแรม Bayerischer Hof Hotel ในเมือง Munich เพราะควีนไปอัดเสียงอัลบั้ม The Game ในเยอรมันนี
พอแต่งเสร็จเฟร็ดดี้ก็รีบไปที่ห้องอัดและอัดเสียงกีต้าร์โดยไม่ยอมให้ Brian May รับรู้ เพราะเฟร็ดดี้กลัวไบรอันจะบ่นที่ตัวเองเล่นกีต้าร์ห่วย (ฮา)
ด้วยความที่เฟร็ดดี้แต่งเพลงนี้ด้วยกีต้าร์ตัวเดียว ดังนั้นทุกครั้งที่แสดงสดพอต้องเล่น Crazy Little Thing Called Love เฟร็ดดี้ก็เลยต้องเล่นกีต้าร์บนเวทีไปโดยปริยาย และมันคือเพลงเดียวที่เฟร็ดดี้ยอมจับกีต้าร์
ในช่วงต้นที่บอกว่ามันเกี่ยวกับเอลวิส เพราะควีน ‘ทรีบิ้วท์’ เพลงนี้ให้เอลวิส ซึ่งนั่นก็เลยทำให้ Crazy Little Thing Called Love กลายเป็นเพลงที่มีซาวด์ย้อนยุคแบบ Rockabilly ที่เหมือนเอลวิสมากกว่าเหมือนควีนซะอีก
ส่วนที่บอกว่ามันสร้างแรงบันดาลใจให้ John Lennon กลับคืนสู่วงการนั้น Roger Taylor เคยยืนยันเรื่องนี้ในรายการวิทยุ In The Studio และ Brian May ก็เลยเล่าไว้ในออฟฟิชเชี่ยลเว็บไซต์ของเขาเอง ประมาณว่าตอนนั้นเลนนอนอยู่ในช่วงเบื่อหน่ายวงการเพลง ไม่อยากทำอะไรเลย เพราะมัวแต่สนุกกับการเรียกร้องสันติภาพ ทำกิจกรรมต่างๆกับ Yoko Ono ยอดภรรยาขมองอิ่ม แถมยังเห่อลูกอีกต่างหาก
แต่พอได้ฟัง Crazy Little Thing Called Love เท่านั้นแหละ เลนนอนก็ไฟคุโชนจนกระโดดเข้าสตูดิโอทำเพลงกลับเข้าสู่วงการทันที