มีคนบอกว่า วงร็อคหรือพวกแร็พเพอร์ จะไม่ค่อยยิ้ม แตกต่างจาก “ไมค์ ชิโนดะ” (Mike Shinoda) ที่ตั้งแต่สมัยเป็น ลินคิน พาร์ค (Linkin Park) แล้ว ที่ “ไมค์” ทำหน้าที่เสมือนเป็น “รอยยิ้ม” ให้กับวงมาตลอด
วันนี้กับผลงานเดี่ยวและการทัวร์คอนเสิร์ตครั้งแรกที่ปราศจากเพื่อนร่วมวง อย่าง Joe Hahn, Brad Delson, Rob Bourdon, Dave Farrell และผู้จากไปตลอดกาล Chester Bennington แต่ “ไมค์” ก็ยังคงแข็งแกร่งทรงพลังทั้งในด้านการร้องและการเอ็นเตอร์เทนคนดู และที่สำคัญยังคงมีรอยยิ้มให้กับทุกคนๆ อยู่เสมอ ซึ่งทำให้ค่ำคืนที่อาจจะดูมีช่องว่างอยู่บ้าง แต่ก็คึกครื้น สนุก และเป็นกันเอง
กับคอนเสิร์ต ไมค์ ชิโนดะ ออฟ ลินคิน พาร์ค โพสท์ ทรามาติก ทัวร์ (MIKE SHINODA OF LINKIN PARK POST TRAUMATIC TOUR) ที่จัดไปเมื่อช่วงค่ำวันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ณ จีเอ็มเอ็ม ไลฟ์ เฮาส์ ชั้น 8 เซ็นทรัลเวิล์ด
ไมค์ เปิดเวทีอย่างอบอุ่นด้วยเพลง Welcome ซึ่งเป็นเพลงจากอัลบั้ม Fort Minor (ของ Linkin Park) ซึ่งทำให้แฟนๆ ร้องตามได้อย่างไม่เขิน เหมือนกับเป็นการต้อนรับกลับสู่บ้านเก่าที่เราคุ้นเคย ก่อนจะต่อด้วยเพลงจากอัลบั้มเดี่ยวของเขา ได้แก่เพลง Place to Start และ Watching as I Fall จากอัลบั้ม Post Traumatic
ซึ่งนั่นอาจจะทำให้แฟนๆ บางส่วนที่อาจจะไม่ค่อยได้ติดตามผลงานเดี่ยวเก้อเขินบ้าง ได้แต่โยกตัวตามประคองอารมณ์ไป แต่ ไมค์ รู้จุดนี้ดีจึงสร้างบรรยากาศด้วยการพูดคุยทักทายกับแฟนเพลง เริ่มต้นจากเรื่องแซวที่แฟนๆ ใส่เสื้อแฟลนเนลสีดำแดงแบบเดียวกับเขามาชมการแสดงในวันนี้ แถมบอกด้วยว่า “รสนิยมดีมาก”
หลังทักทายกันพอหอมปากหอมคอ ไมค์ ก็ไม่ปล่อยให้อารมณ์ของแฟนๆ ค้าง บรรเลงต่อด้วยเพลงจาก Linkin Park ได้แก่เพลง Castle of Glass และ When They Come for Me ก่อนที่จะหมุนไปเล่นเพลง Ghosts ของตัวเอง หมุนกลับมาต่อที่ Fort Minor อีกครั้งในเพลง Kenji และ Roads Untraveled จากอัลบั้ม Living Things
จากนั้น ไมค์ ก็เล่าย้อนถึงวัยเด็กว่าเขาเป็นคนที่ชอบเอาเพลงนั้นเพลงนี้มา mashup กันก่อนจะนำไปสู่เพลงที่เขาหยิบมาทำพิเศษในคอนเสิร์ตนี้ ได้แก่ เพลง Waiting for the End และเพลง Where’d You Go ต่อด้วยเพลง Sorry for Now ผลงานจากอัลบั้มล่าสุด One More Light ของ Linkin Park ต่อด้วยเพลงที่เล่าถึงความรู้สึกของการสูญเสียคนสำคัญ เพลง Crossing a Line
และอีกหนึ่งจุดพีคของคอนเสิร์ต ที่ดึงทุกคนให้มีอารมณ์ร่วมเดียวกัน ได้แก่ ช่วงที่ ไมค์ กล่าวถึงการจากไปอย่างที่ไม่มีวันหวนกลับของ Chester Bennington เพื่อนร่วมวง Linkin Park ด้วยเพลงอันเป็นตำนานตลอดกาลของวง In the End ในเวอร์ชั่นเปียโนที่สะกดผู้ชมทั้งฮออล์ให้ร้องไปด้วยกันหลั่งน้ำตาไปด้วยกัน เป็นโมเมนต์ซึ้งๆ ที่เชื่อว่าใครที่เป็นแฟนคลับ Linkin Park จะประทับใจอย่างไม่มีวันลืม #MakeChesterProud
มีช่วงหนึ่ง ไมค์ ยังพูดชื่นชมอาหารไทยด้วย โดยบอกว่าเขามาเมืองไทยกี่ครั้งก็ยังรู้สึกว่าอาหารไทยอร่อยมาก แล้วครั้งนี้เขายังได้ลองกินข้าวเหนียวมะม่วงด้วย กับการที่ร้องเพลงติดต่อกันยาวๆ ทำให้เขาหิวมากขึ้น จบคอนเสิร์ตคงต้องหาอาหารไทยไปกินให้หายเหนื่อย
ตัดภาพโหมดดรามาติก ก็มาที่การระเบิดความมันส์กันต่อ ด้วยเพลงที่ทำให้กระโดดและโยกหัวกันได้ทั้งฮอลล์ ได้แก่เพลง About You, Over Again, Papercut, Make It Up as I Go, Good Goodbye และ Bleed It Out ซึ่งผสมผสานกันไปหมดระหว่างอัลบั้มเก่าใหม่ทั้งของตัวเองและของวง
ก่อนจะจบค่ำคืนที่ซาบซึ้งและแสนสนุกด้วยเพลงแร็พมันส์ๆ อย่าง I.O.U., Remember the Name และ Running from My Shadow แถมยังลงมาเดินจับมือกับแฟนๆ อย่างเป็นกันเอง ซึ่งแฟนๆ ก็ไม่พลาดกรูกันไปร่วมใกล้ชิดอยู่หน้าเวที จนเกือบดึงตัวเขาขึ้นมาบนเวทีไม่ได้
เต็มอิ่มและคุ้มค่า จนอาจเรียกได้ว่าเป็นค่ำคืน Mike Shinoda & Linkin Park ที่ทุกคนรอยคอย กับบรรยากาศที่เหมือนมาฟังเพื่อนเล่นดนตรีให้ฟังในห้องนั่งเล่น ซึ่งแม้บางบทเพลงของไมค์อาจจะยังไม่คุ้นหูพอนัก แต่ด้วยความน่ารัก ความเป็นกันเอง และที่สำคัญคือความผูกพันระหว่างไมค์และคนไทยมันมากเกินกว่าคำว่าศิลปินต่างชาติที่มาเปิดคอนเสิร์ตครั้งแรก แต่มันคือความใกล้ชิดที่น้อยนักจะมีศิลปินคนไหนที่ทำให้คนไทยรักได้มากขนาดนี้
สุดท้าย ถึงแม้ว่าวันนี้เราอาจจะไม่รู้ว่า เส้นทางของ Linkin Park จะไปต่ออย่างไร แต่ ณ เวลานี้ แค่พวกเรายังได้มีโอกาสฟังเพลงและผลงานจากสมาชิกในวงต่อไปเรื่อยๆ มันก็ดีมากแล้วจริงๆ
Copyright© Bsite.In