- Lifestyle
โซเชียลมีเดีย – Cyberbullying กับการประกวดนางงาม นานาทัศนะจากสาวงาม MTW 2018
By ทีมงาน bsite • on Aug 06, 2018 • 3,036 Views
Cyberbullying หรือ Cyberharassment หรือการกลั่นแกล้งกันกระทำรุนแรงกันในอินเตอร์เน็ต กำลังเป็นปัญหาที่สังคมทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ โดยเฉพาะกับโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ค นับเป็นภัยร้ายแรงที่เข้าถึงผู้คนได้อย่างรุนแรงแต่เงียบเฉียบราวกับเสียงกระซิบที่คอยกัดกิน
นอกจากนี้ อีกประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการใช้สังคมโซเชียลเน็ตเวิร์คก็คือ การที่คนดังเซเล็บหรือศิลปินหลายคนเคยโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสม หัวร้อน หรือเลวร้ายกว่านั้นก็ให้ร้ายคนอื่นเอาไว้ในอดีตที่ผ่านมา แต่เมื่อวันหนึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของสังคม ผู้คนก็เริ่มให้ความสนใจไปขุดคุ้ยอดีตเก่าๆ จนกระทั่งพบข้อความเหล่านั้น และสิ่งนั้นเองก็ย้อนกลับมาทำร้ายพวกเขา จนทำให้ชื่อเสียงที่กำลังไปได้ดีหรือกำลังรุ่งโรจน์ต้องพังพินาศไปชั่วพริบตา ซึ่งเกิดขึ้นมาแล้วหลายคนทั้งในและนอกประเทศ และกลายเป็นอุทธาหรณ์ให้ได้เรียนรู้กัน แต่ก็ดูเหมือนว่าอุทธาหรณ์นี้ยังไม่ได้ทำให้บางคนเข็ดหลาบ กรณีเช่นนี้ก็ยัคงเกิดขึ้นซ้ำๆ มีให้เราเห็นกันอยู่เรื่อยๆ
ดังนั้น ในฐานะของคนรุ่นใหม่ และกำลังจะกลายเป็นคนมีชื่อเสียง ทั้ง 2 ประเด็นใหญ่นี้เราได้หยิบขึ้นมาเป็นคำถามให้แก่สาวงามผู้เข้าประกวดเวที Miss Thailand World 2018 ว่าพวกเธอมีความเห็นกันอย่างไร ซึ่งบางคนก็เคยประสบปัญหานี้มาแล้วเหมือนกัน และแต่ละคำตอบของพวกเธอก็น่าสนใจ มีมุมมองที่ดี เฉียบคม น่าเอาเป็นแบบอย่าง ชาญฉลาดจนทำให้เราไม่อาจประเมินแค่ความสวยบนหน้าของพวกเธอได้เพียงอย่างเดียว ลองไปฟังกันว่าพวกเธอคิดเห็นกันเช่นไร
แพรว แพรววนิต เรืองทอง หมายเลข 12
การจะแสดงความคิดเห็นอะไรก็ต้องไต่ตรองให้ดีก่อนโพสต์ และที่สำคัญต้องโพสต์อยู่บนพื้นฐานของการเคารพและให้เกียรติผู้อื่นด้วย
แต่ถ้าโดนขุดสเตตัสเก่าๆ ของตัวเองออกมาเผยแพร่ ถ้าเป็นเรื่องไม่ดี อย่างแรกเลยคือต้องยอมรับความจริงว่ามันเกิดขึ้นแล้ว เราก็ไปแก้ไขอะไรมันไม่ได้ แต่คิดว่าต่อแต่นี้ไปก็คงจะต้องตั้งสติให้มากกว่านี้ ถ้าจะทำอะไรไม่ดี ก็ต้องมีสติ ต้องทบทวนตัวเองให้ดีก่อนว่าสิ่งที่จะทำนั้นถูกต้องหรือไม่
ขิม ณินทิรา จงสุขไว หมายเลข 15
การที่เราจะอยู่กับสื่อโซเชียลฯ ได้มันก็มีทั้งบวกและลบ เรื่องบวกก็คือช่วยโปรโมทตัวเรา ช่วยทำอะไรให้เราก้าวไกลมากขึ้น แต่ในข้อลบของมันคือเราก็ต้องใช้มันอย่างมีสติมากๆ เลย การที่จะโพสต์จะแชร์อะไร
กรณีที่ถูกขุดสเตตัสเก่าๆ มันแฟร์ไหม ตอบยากมาก แต่ขิมมองว่า ถ้ามันเกิดขึ้นไปแล้ว เราก็ต้องยอมรับแล้วก็พยายามเปลี่ยนแปลงอะไรให้มันดีขึ้น ใช้สติในการเล่นโซเชียลมีเดียให้มากขึ้น ไม่ว่าเราจะดังไม่ดัง แต่เพราะว่าเราต้องมีหน้าที่การงาน เราต้องออกไปพบเจอผู้คนในสังคม เราต้องเจอผู้คนอีกมาก เราอาจจะไปเจอคนทำงานที่เราไม่คาดคิดมาก่อนก็ได้
มานิต้า มานิตา ฟาร์เมอร์ หมายเลข 11
สิ่งที่อยากจะให้โฟกัสคือ เรื่อง Cyberbullying เพราะว่าคนที่พิมพ์อะไรไปเขาไม่คิดอะไรหรอก แต่เราอ่ะคิด เราเก็บไปคิดเยอะมาก คนที่คิดมากคือคนที่ถูก Bullying บางคนอาจจะคิดว่ามันตลก แต่เราไม่ได้ตลกไปกับเขาด้วย
ต้าเองก็โดน Bully มาเหมือนกัน เพราะว่าเมื่อก่อนก็เป็นเด็กอ้วน ซึ่งเราก็จะโตมากับคำพูดที่ว่า “ถ้าหนูผอมหนูจะสวยมากเลยนะ” คือเราโตมากับคำพูดแบบนี้ ซึ่งยอมรับว่าก็ยังนอยด์อยู่บ้างกับคำพูดแบบนี้ สิ่งที่ทำได้ก็คือไม่อ่าน คือปิดไปเลย ไม่ฟังคำพูดนั้น แล้วทำให้มันกลายเป็นแรงผลักดันทำให้คนที่เคยว่าเรา เห็นว่าเราทำได้
ให้คำแนะนำเด็กที่เจออย่างไร? คือร้องให้สุดไปเลย อย่าไปเก็บ เพราะการเก็บคือการรอวันระเบิด คือถ้าโดนล้อมา อยากร้องร้องเลย อยากตะโกนก็ตะโกนเลย อยากกรี๊ดทำเลย อยากทำไรทำ แล้วบอกกับตัวเองว่า เราร้องไปแล้ว เรากรี๊ดไปแล้ว ต่อไปนี้ชั้นจะเดินไปข้างหน้าได้แล้ว เราต้องเข้มแข็งขึ้น เราต้องทำให้ดีขึ้นให้ได้
มิ่ง ธิดารัตน์ อ่อนเส็ง หมายเลข 2
โซเชียลมีเดีย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เราสามารถแชร์ประสบการณ์ได้ง่ายมาก แต่ก่อนแชร์ก็ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีว่า สิ่งที่โพสต์ไปมีผลกระทบต่อจิตใจคนอื่นหรือไม่ แปลได้สองความหมายหรือเปล่า ดังนั้น จะต้องมีสติ และต้องโพสต์เนื้อหาที่เป็นความจริง มีความถูกต้อง ต้องเช็คก่อนแชร์ก่อน
กรณีที่บางคนถูกขุดสเตตัสเก่าๆ ขึ้นมา ส่วนตัวก็คิดว่าไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่ ณ ตอนนั้นจุดนั้นมันเป็นความจริงไหม ถ้าเราไม่พอใจกับสิ่งที่เขาแชร์ออกมาหรือขุดออกมา เราก็ต้องทำใจแล้วก็ยอมรับ ตอนนั้นเราอาจจะด้วยอายุยังน้อยหรือวุฒิภาวะไม่พอ มันก็เหมือนเป็นบทเรียนหนึ่งของเรา ที่เราต้องกลับไปนึกย้อนและคิดทบทวนแนวทางใหม่ในอนาคต
พลอยใส ณรินทร์ภัทร์ สุทธิโภชน์ หมายเลข 1
คิดว่าโลกโซเชียลมีเดียตอนนี้เหมือนดาบสองคม คือมีทั้งข้อดีและข้อเสีย มันอยู่ที่ว่าเราจะจัดการมันให้พอดีได้อย่าง ทุกๆ เรื่องถ้ามันอยู่ในความพอดีไม่มากเกินไปไม่น้อยเกินไป การจะโพสต์อะไรต้องคำนึงถึงผลตอบรับที่จะฟีดแบ็คกลับมาว่า มันจะมีผลต่อกระทบต่อสังคม ต่อตัวเรา ต่อคนรอบข้างมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าเราใช้มันไปในทางที่ดี ใช้ในการช่วยเหลือสังคม เช่น เป็นสื่อกลางในการรับบริจาคต่างๆ เผยแพร่ข่าวสาร เช่น ตามหาคน ตามหาสุนัขหาย ขอรับบริจาคเลือด เป็นต้น ก็เป็นสิ่งดีๆ สื่อโซเชียลฯ ช่วยกันได้ ดังนั้น ต้องใช้ให้ดีอยู่ที่วิจารณญาณของเราว่าจะใช้อย่างไรให้มันดี
แต่ถ้าวันหนึ่งต้องโดนขุดคุ้ยเรื่องเก่าที่เคยทำไม่ดีเอาไว้ ถ้าสมมุติว่าเป็นพลอย คงต้องออกมาขอโทษก่อน คือตอนนั้นเราอาจจะเด็กวุฒิภาวะเราอาจจะไม่มากพอที่จะเล่นโซเชียลฯ เราต้องยอมรับในการกระทำของเราก่อน แก้ไขมัน แล้วก็ไม่ปฏิบัติมันอีก นั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง เราจะไม่ควรมานั่งวอรี่กับอดีตที่มันแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ก็อยากจะเตือนน้องๆ ว่าสิ่งที่พี่ทำมันผิด อย่าไปทำตาม เพราะว่ามันจะส่งผลกระทบกลับมาหาเรา คงจะเป็นอุทธาหรณ์ให้คนอื่นได้ว่า เมื่อเกิดเรื่องไม่ดีอย่างนี้เกิดขึ้นอย่าไปทำตาม
แพรววา ภัทรภร สนธิภักดิ์ หมายเลข 3
โซเชียลมีเดีย ในแง่หนึ่งคือการหาความรู้ในระดับหนึ่งที่เราสามารถหาได้ตัวต่อตัว นอกเหนือจากที่เราจะไปเรียนในชั้นเรียน แต่อีกด้านคือการเล่นโซเชียลฯ ทั่วไปซึ่งต้องมีสติอย่างมากในการเล่น ไม่หัวร้อนง่าย การจะโพสต์หรือแชร์อะไรควรคิดให้ดีก่อน เพราะดูเหมือนว่าสังคมสมัยนี้ดูจะใจร้อนง่ายกันทุกคน ดังนั้น การเล่นโซเชียลฯ ก็ไม่อยากให้ใจร้อนกัน ถ้าเราเกิดทำไม่ดีตรงนั้น ถ้ารู้ตัวก็ควรจะลบออกหรือขอโทษในสิ่งที่ไม่ดีที่ทำลงไป ก็ต้องมีสติ
ถ้าถามว่าหากวันหนึ่งถูกขุดสเตตัสไม่ดีขึ้นมาจะทำอย่างไร ก็คิดว่าเราต้องยอมรับผิด แต่เราไม่สามารถย้อนเวลาได้เพราะทำไปแล้ว ตอนนั้นอาจจะเป็นช่วงที่อารมณ์ร้อนอยู่ อาจต้องขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป แล้วก็ตั้งใจที่จะทำปัจจุบันให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเราไม่ได้เป็นอย่างนั้นแล้วว่าเรามีบทเรียนแล้ว
ไข่มุก อนุสรา ปัญญา หมายเลข 22
โดยส่วนตัวของมุกมองว่าตอนนี้สถานการณ์โซเชียลมีเดีย ก็มีทั้งแบบที่ดีและไม่ดี โดยทั่วไปเราก็มักจะเล่นกันว่าโซเชียลฯ มีเดียคือสิ่งที่เราจะถ่ายทอดว่า วันนี้เราทำอะไรบ้าง เพื่อนเราทำอะไรบ้าง แต่ที่ไม่ดีก็มี อย่างบางคนชอบโพสต์ว่าคนอื่น หรือโพสต์ทะเลาะกับคนอื่น ซึ่งถ้าเด็กๆ มาเห็นมันก็จะกลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี
มองเรื่องการถูกขุดสเตตัสขึ้นมาย้อนทำร้ายตัวเองว่า สำหรับคนที่เอาข้อมูลเก่าๆ ของเรามาโพสต์ เขาอาจจะแค่สนใจในตัวเราก็เลยไปค้นหาข้อมูลของเรา ซึ่งตรงนี้อาจจะผิดที่ตัวเราเองเพราะว่าเราโพสต์เรื่องไม่ดีลงไปเอง ถ้าเค้ามาค้นหาก็ไม่ใช่เรื่องผิด ดังนั้น สิ่งที่เราควรทำคือการทำตัวใหม่ ถ้าเรามีชื่อเสียงขึ้นแล้วก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้เยาวชน เราต้องปรับปรุงตัว ให้โพสต์แต่เรื่องดีๆ เริ่มต้นใหม่ดีกว่า ยอมรับในสิ่งที่เราเคยทำผิดพลาดมาดีกว่า
มาทริชา Matrisha Plienvitee หมายเลข 30
โซเชียลมีเดีย คือการสะท้อนตัวตนของคนๆ นั้นในโลกหนึ่ง ข้อดี คือช่วยในการติดต่อสื่อสารให้ง่ายขึ้นกับเพื่อนฝูงและครอบครัว แต่เรื่องการ Bullying ในโซเชียลมีเดีย ก็เป็นเรื่องไม่สมควรที่เราจะไปทำกับใคร ยิ่งตั้งแต่ได้เริ่มเข้ามาประกวด Miss Thailand World ก็เจอด้วยตัวเองเลย อาจจะมีคนมาคอมเมนท์ใส่เรา ว่าเราว่าไม่เห็นสวยเลยมาประกวดได้ยังไง เขาว่าเราไม่ดีเลย ทั้งๆ ที่เขาไม่รู้จักเรา อันนี้ก็ไม่เคยโดนมาก่อน แล้วมาโดนกับคนที่ไม่รู้จักเราความรู้สึกมันก็แปลกๆ แรกๆ ก็งงว่าทำไมเขาถึงมาวิจารณ์เราได้ขนาดนี้ แต่ตอนนี้เข้าใจเลยว่าเวลาที่คนดังเขาโดนคำวิจารณ์แล้วเป็นอย่างไร เขาคงหนักกว่าเรามาก
ถ้าต้องรับมือกับการ Bullying คือไม่ต้องไปสนใจ เพราะเขาไม่ได้รู้จักเรา เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ต้องแคร์คำพูดของเขา เขาไม่รู้จักตัวตนจริงๆ ของเรา แต่ทั้งหมดทุกคำวิจารณ์ก็มีทั้งดีและไม่ดี ส่วนที่ดีเราก็ขอบคุณแล้วฟังเพื่อมาปรับปรุงตัวเองด้วย แต่สำคัญคือต้องพิจารณาตัวเองให้ดีที่สุดก่อน เพราะไม่มีใครรู้จักตัวเราดีที่สุดเท่าตัวเอง ดังนั้น ถ้าเขาวิจารณ์ไม่ดีก็ต้องดูว่าเราเป็นจริงอย่างที่เขาว่าไหม ถ้าจริงเราก็ปรับปรุงตัว
โคโดะโมะ สุธิดา อัครเจริญสุข หมายเลข 4
เรื่องของการวางตัวในโซเชียลคิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ สำคัญมากกว่าในชีวิตจริงเสียอีก เพราะว่าบนโซเชียลฯ มันสามารถกระจายได้อย่างทั่วถึง เพราะว่ามันไม่ได้กระจายแค่คนที่รู้จักเรา แต่มันยังไปถึงคนที่เคยรู้จักเราด้วย แล้วมันยังไปเร็วมากๆ ด้วย อยากให้ทุกคนระมัดระวังในเรื่องนี้ แชร์แต่สิ่งดีๆ มากกว่า แล้วก็อย่าไปเชื่อในเรื่องของโซเชียลฯ มากจนเกินไป การแชร์เรื่องที่เรายังไม่รู้ข้อมูลแท้จริง มันเป็นเรื่องเซนซิทีฟมากๆ
ในมุมคนดังที่โดนขุดอดีตไม่ดีออกมาเผยแพร่ ส่วนตัวคิดว่า คงอยู่เฉยๆ ดีกว่า คือเรื่องแบบนี้มันห้ามไม่ได้ ตัวตนในอดีตเราเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว อดีตมันคืออดีตนะ แต่ถ้าโดนกับตัวเองเราก็คงไม่ โอเค.เหมือนกันที่เขามาพูดถึงอดีตของเราซึ่งตอนนั้นเราอาจจะไม่ได้คิด พูดกับเพื่อนเล่นๆ หรือเปล่า มันคืออดีตไปแล้ว แต่ปัจจุบันเราได้ก้าวผ่านตรงนี้มาแล้ว ก็อยากให้คนมองที่ปัจจุบันมากกว่าอย่าไปมองอดีตเลย ถ้าจะแก้ไข ขอเลือกวิธีการเงียบดีกว่า ไม่ต้องไปตอบโต้เขาดีที่สุด
มิน มินตรา ศัพท์เสวี หมายเลข 5
ตอนนี้โซเชียลมีเดีย มันครอบคลุมไปทั่วอยู่แล้ว แล้วก็มีข้อดีข้อเสีย ข้อดีก็คือมันไปได้เร็วในการช่วยกระจายข่าวสาร แล้วก็ทำให้เรารับรู้ข่าวสารได้ไว แต่ข้อเสียก็มีเช่นข้อมูลที่ไม่ดี มีการอนาจาร หรือมีการหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ต ความจริงมันมีประโยชน์มากมายถ้าเราเลือกศึกษามันดีๆ ใช้ประโยชน์ให้เป็นก็จะมีประโยชน์ต่อตัวเราและสังคม
เรื่องการถูกขุดโพสต์โซเชียลฯ ในอดีต คิดว่าถ้าเราเซฟตัวเองดีตั้งแต่ต้น ก็ไม่มีข้อผิดพลาดหรือเสียหายอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าเกิดพลาด เราก็ต้องยอมรับให้ได้ แต่เราต้องอธิบาย และแก้ไขปัญหาให้ได้
การ์ตูน ณัฏฐณิชา บุญทอง หมายเลข 8
คิดว่าโซเชียลมีเดียก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้ไปทางไหน ส่วนตัวมองพื้นที่บนโซเชียลมีเดีย มันคือพื้นที่สาธารณะมากกว่าพื้นที่ส่วนตัว เพราะถ้ามันเป็นพื้นที่ส่วนตัวจริงก็ควรตั้งให้มันเป็น Only Me ไปเลยดีกว่ แต่ถ้าเราทำอะไรไม่ดีหรือทำอะไรไม่ถูกใจคนอื่น เขาก็จะมาว่าเราได้ แต่ทุกวันนี้คนเล่นโซเชียลมีเดียเยอะมาก คนที่เขาไม่ถูกใจเราเขาก็มาว่าเราแล้ว แล้วเราก็ไปทำอะไรเขาไม่ได้คือ
ส่วนมีวิธีรับมือกับประเด็นการถูกขุดอดีตในโซเชียลฯ คิดว่าเป็นอดีตที่ผ่านมาแล้ว แต่เราก็ต้องเดินหน้าแก้ไขปัจจุบันให้ดี ส่วนตัวก็ไม่มีเรื่องอะไรต้องถูกขุด ก็เป็นคนที่ค่อนข้างระวังอยู่แล้ว ถ้าคนที่ไม่ชอบเราเขาก็อาจจะเอาเรื่องนี้ออกมาแชร์ทำให้คนทั้งประเทศไม่ชอบเราไปอีก เขาอาจจะใส่ไข่ แล้วเขาก็ไม่ได้รู้จักตัวตนเราจริงๆ แล้วคนที่อ่านซึ่งไม่ได้รู้จักเราก็เชื่อตามนั้นไปแล้ว ดังนั้น เราควรทำอะไรที่เส้นกลางเอาไว้ ไม่ควรมากเกินไปหรือน้อยเกินไปเวลาเล่นโซเชียลมีเดีย
นิโคล Nicolene Pichapa Limsnukan หมายเลข 7
มันเป็นสิ่งที่ดีถ้าเกิดว่าเราใช้ในทางที่ถูกต้อง มันช่วยสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องราวต่างๆ ทางสังคมได้ แล้วมันยังช่วยติดต่อกับครอบครัวที่อยู่ต่างประเทศได้ อย่างตัวนิโคลเองก็ติดต่อกับครอบครัวที่เมืองนอกได้ง่ายขึ้นผ่านโซเชียลมีเดียเวลาที่คิดถึงที่บ้าน
ทางที่ไม่ดี คือบางที่เราเห็นคอมเมนต์กันไม่ดี Cyberbullying คือคนที่อยู่ใน Public eye จะโดนกันเยอะมาก ซึ่งไม่ดีเลย สำหรับคนที่เขาสร้างตัวเองจนประสบความสำเร็จแต่ก็มาถูกบางคนโจมตีในแง่ไม่ดี ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักตัวตนเขาเลย คิดว่ามันไม่แฟร์ และผิดมากเพราะเป็นการใช้โซเชียลมีเดียไม่ถูกต้อง อีกเรื่องที่ส่วนตัวรู้สึกแย่กับการใช้โซเชียลมีเดียที่ไม่ดี คือบางคนลงคลิปความรุนแรงของกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งบางทีในนั้นก็มีเยาวชนดูอยู่ ซึ่งมันน่ากลับมาก ตรงนี้ก็อยากให้คนที่ใช้มีความระมัดระวังมากขึ้น อยากให้ระวังเรื่องของความรุนแรงมาก เพราะเรามี Audience ที่ดูเราอยู่ด้วย
อย่างเตือนน้องๆ หรือเด็กๆ ว่า สิ่งที่คุณโพสต์วันนี้ ในอนาคตข้างหน้ามันอาจจะย้อนกลับมาหาคุณได้ ดังนั้น อย่าลงอะไรไม่ดี มันจะย้อนกับมาเมื่อไหร่ไม่รู้ เราจะไปโทษคนอื่นไม่ได้เพราะมันคือโซเชียลมีเดียของเราเอง สุดท้ายเราก็ต้องยอมรับ แล้วก็ Move on เดินหน้าต่อไปด้วย
เจเจ พัชธารา วัฒนิลไพศาล หมายเลข 10
คือถ้ามองในมุมข้อดี มันก็ทำให้เราเป็นที่รู้จักเรามากขึ้น คนอื่นอาจจะมาเห็นโลกของเรามากขึ้น หรือประโยชน์ในการค้นหาข้อมูลก็ง่ายขึ้น แต่เวลาที่เราโพสต์อะไรบนโลกออนไลน์ เราต้องยอมรับว่าทุกสิ่งที่เราโพสต์คือมีคนเห็น เราก็ต้องยอมรับว่าเขาอาจจะไม่เห็นด้วยกับเรา ฉะนั้น เราก็ต้องยอมรับด้วยว่าเราเป็นคนโพสต์มันก็ไม่ใช่เป็นส่วนตัวอีกต่อไป เราต้องยอมรับความคิดเห็นคนอื่นด้วย ก่อนที่เราจะพิมพ์อะไร ต้องคิดให้ดีก่อน มันอยู่ที่ปลายนิ้วของเราจริงๆ แต่จะให้คนมาคิดเหมือนกับเราทุกคนคงไม่ได้
ถ้าเราโดนขุดเอาเรื่องไม่ดีมาออกมา อย่างแรกคือตอนนั้นเราก็ต้องยอมรับก่อนว่าตอนนั้นเราอาจจะมีวุฒิภาวะที่ไม่ดีพอ ยังอายุน้อยอยู่ แต่เราก็ต้องยอมรับว่าเราทำอย่างนั้นไปจริงๆ แล้วขอโทษเพื่อทำให้ทุกอย่างมันสงบสุข ถ้าเราไปแรงกลับมันก็จะได้รับฟีดแบ็คที่ไม่ดีกลับมา
พลอย พีรชาดา ขุนรักษ์ หมายเลข 9
โซเชียลมีเดีย ก็เปรียบเสมือนเหรียญ 2 ด้าน คือมีทั้งด้านดีและไม่ดี ก็อยู่ที่ตัวเราที่จะเลือกใช้สื่อนั้น ในฐานะที่เราเป็นนางงามเราอาจจะใช้ตรงนี้เป็นพื้นที่ของการประชาสัมพันธ์เรื่องดีๆ อย่างเวทีนี้เกี่ยวกับนางงามที่งามอย่างมีคุณค่า เราก็ต้องใช้ตรงนี้เป็นสื่อเผยแพร่เรื่องดีๆ ได้ ส่งต่อออกไปให้รู้ว่า ความงามอย่างมีคุณค่าคืออะไร สื่อตรงนี้ก็จะช่วยทำให้กระจายได้เร็วที่ดีสุด
ส่วนเรื่องประเด็นการขุดสเตตัสออกมาแฉกันนั้น ส่วนตัวมองว่าจริงๆ มันก็ไม่แฟร์กับตัวเรา เพราะเราอาจจะโดนสังคมมองไม่ดีได้ เป็นเรื่องอดีตที่เราต้องยอมรับว่าเคยทำ เราก็ต้องขอโทษ เราก็รับรู้และเรียนรู้ว่าจะไม่ทำมันอีก ต่อแต่นี้เราก็ต้องทำอะไรให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็กๆ อดีตแก้ไขไม่ได้ เราต้องทำปัจจุบันให้มันดีที่สุดดีกว่า
อุ้ม อรสุฎา นาคเกษม หมายเลข 6
เวลาเราใช้โซเชียลมีเดีย ก็ต้องใช้วิจารณญาณเหมือนกัน ไม่ทำร้ายคนอื่น ถ้าเราจะระวังคือเรื่องคำพูด ที่ใช้มากกว่า ส่วนเรื่อง Bullying กันในโซเชียลมีเดีย ถ้าต้องรับมือกับเรื่องนี้ สิ่งที่คิดว่าจะทำก็ไม่ต้องไปแคร์มัน บางเรื่องก็ถ้าเป็นเรื่องที่ถูกก็อาจต้องรับเอาไว้เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาด
ส่วนถ้าถูกขุดสเตตัสเก่าๆ ขึ้นมา คิดว่าถ้าเป็นตัวเองจะไม่ไปต่อความด้วย เพราะมันจะไม่จบ เราคิดว่าก็อยู่นิ่งๆ ของเราไปดีกว่า ยิ่งไปตอบก็ไม่หยุด คือปล่อยไปดีกว่าไม่ตอบโต้ ถ้ามองว่าแฟร์ไหมเพราะมันเป็นอดีตที่ผ่านไปแล้ว ก็คิดว่าผ่านมาแล้วเราไปแก้ไขไม่ได้ เราต้องทำปัจจุบันให้ดีที่สุดดีกว่า
เทวี ฤๅชนก มีแสง หมายเลข 23
มองโซเชียลมีเดียมีประโยชน์มากกว่าโทษ เช่นในแง่เวทีนางงามเวลาที่มีไลฟ์หรือออกช่องทางโซเชียลฯ แล้วมีคนมาคอมเมนต์ มันช่วยให้เรารู้ฟีดแบ็คต่างๆ ได้ การที่มีคนดูเราให้แล้วบอกเราว่าตรงนั้นยังไม่ดี ตรงนี้ดีแล้ว มันคือการให้คำแนะนำแล้วทำให้เรากลับมามองตัวเอง ก็ทำให้เราพัฒนาตัวเองได้ แต่ในอีกแง่หนึ่ง การที่เรารู้จักตัวเองดี มันจะช่วยให้เราวิเคราห์ได้ว่าบางคำวิจารณ์อาจจะไม่จริง บางอันเราก็ต้องรู้ว่าอันนี้พูดเพื่อให้เราหมดกำลังใจ เราต้องสามารถเลือกที่จะรับฟังและมองข้ามในคำวิจารณ์ได้ แต่ส่วนตัวชอบเพราะเหมือนว่ามันได้สะท้อนภาพของเราให้เห็นได้ตลอดเวลา เปรียบเหมือนกระจกสะท้อนตัวเรา
ส่วนกรณีที่ถูกขุดสเตตัสไม่ดีออกมาทำร้ายตัวเองในอนาคต มองว่าเรื่องแบบนี้ควรนำไปสอนกันตั้งแต่เล็กๆ เลยดีกว่า เพราะว่าถ้าเด็กเห็นตัวอย่างของคนมีชื่อเสียงแล้วถูกทำลายด้วยอดีตแบบนั้น แล้วมันเกิดผลลบยังไง โตขึ้นมาเขาก็จะไม่กล้าทำ น่าจะเอาประเด็นตรงนี้ไปสอนเด็กว่าสักวันหนึ่งถ้าคุณเป็นใครสักคนหนึ่งในสังคม มันอาจจะกลับมาทำร้ายเราได้ในอนาคต เราไม่รู้ว่าโตขึ้นมาเราจะเป็นใคร เพลย์เซฟไว้ก่อนดีกว่า โซเชียลมีเดียเป็นอะไรก็ต้องคิด แม้กระทั่งคุยส่วนตัวก็ยังแค็ปได้ ดังนั้น จะส่งอะไรก็ต้องคิด ถ้าเราไม่อยากอะไรเป็นส่วนตัวออกไปก็อย่าส่งไปแต่แรกดีกว่า
ลูกวาส ว่าที่ร้อยตรีหญิง วาสนา อินโฉมงาม หมายเลข 14
เฟซบุ๊กกับตัวเรา ก็เปรียบเสมือน มาม่า กับซองมาม่า หน้าซองสวยหรูมาก แต่พอเราแกะซองแล้ว มันก็อยู่ที่เราว่าจะเติมแต่งมันอย่างไรให้ดูน่าทาน แต่บางคนก็แค่ไปต้มเฉยๆ ไม่ได้ใส่อะไรมันก็ดูไม่น่าทาน ดังนั้น โลกโซเชียลฯ มันก็มีทั้งข้อดีและไม่ดี ซึ่งตรงนี้ทุกคนรู้ดี จึงอยู่ในวิจารณญาณของแต่ละคนว่าจะเล่นกับมันอย่างไร
ถ้าโดนขุดเอาสเตตัสในอดีตไม่ดีออกมา อาจจะมีบ้างที่เราเคยโพสต์มีได้ เช่นโพสต์ระบายความรู้สึกตอนนั้น ขนาดเวลาที่มันแจ้งเตือนเราว่าเอ๊ะเราเคยโพสต์แบบนี้เหรอ เราเองยังรู้สึกไม่ดีเลย ดังนั้น คนอื่นก็คงเข้าใจในตัวเราผิดไปด้วย ส่วนตัวมีเด็กๆ กับแฟนๆ นางงามกดติดตามอยู่ เพราะฉะนั้นเวลาจะโพสต์อะไรก็คิดพิจารณาให้ดีก่อน
บีบี พรนภัส พลอยปาริชาต หมายเลข 19
คิดว่าโซเชียลมีเดียมันเหมือนดาบสองคม คือถ้าเราใช้ไปในทางที่ดี มันก็เป็นผลบวกกับเรา ถ้าเราใช้ในทางที่ไม่ดี เช่น บางคนรู้สึกอะไร ไม่พอใจใคร โพสต์ลงโซเชียลฯ อาจจะมีบางคนไปเห็นแล้วก็คิดไปว่า เอ..อันนี้ว่าเราหรือเปล่า ก็ไปโพสต์ตอบโต้ในโซเชียลฯ อีกกลายเป็นปัญหาที่ทะเลาะกันไปมาไม่จบสิ้น แล้วอาจจะลามกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตก็ได้ ถ้าเรื่องดีๆ ก็เช่นเวทีประกาศ Miss Thailand World ที่มีช่องทางในการโหวต sms ก็อาจจะเป็นช่องทางหนึ่งที่ช่วยให้เราประชาสัมพันธ์หรือโปรโมทในการโหวต sms ตรงนี้ก็ได้ ถ้าเรารู้จักใช้มันให้เป็น ก็ทำให้เรามีคะแนนมากขึ้น
เราจะโพสต์อะไรก็ต้องระวัง บางทีเราเล่นกับเพื่อนคนอื่นมาอ่านอาจจะเข้าใจผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาเราโพสต์หรือพิมพ์อะไร มันเป็นข้อความที่ไม่มีน้ำเสียง ดังนั้น เราจะไม่รู้เลยว่าในประโยคเดียวกันมันบ่งบอกอารมณ์แบบไหนกันแน่ ตรงนี้ก็ต้องระวังอย่างมากในการโพสต์
ส่วนที่ว่าถ้าโดนขุดเรื่องไม่ดีในเน็ตขึ้นมา ส่วนตัวก็มองว่ามันก็แฟร์นะ เพราะเราทำอะไรแม้จะเป็นอดีต แต่เป็นสิ่งที่เราทำจริง ถ้าเขาขุดขึ้นมา ก็คือเราทำไปแล้ว แต่สมมุติว่าถ้าเกิดขึ้นกับเราก็คงบอกว่า ขอบคุณที่ให้ความสนใจในตัวหนู แต่ต้องขอโทษกับอดีตที่หนูทำไม่ดีหรือผิดพลาดไป แต่ ณ วันนี้หนูตั้งใจจะทำให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้หนูคงไปแก้ไขอดีตอะไรไม่ได้แล้ว แต่ปัจจุบันและ ณ เวลานี้หนูจะทำมันให้ดีที่สุด
ฉัตร ชลฉัตร เสงี่ยม หมายเลข 18
โซเชียลมีเดีย เป็นอะไรที่น่ากลัวนะ คือถ้าเล่นให้ดีก็ดี แต่ถ้าเล่นให้ไม่ดีก็พังเลย มีข้อดีและข้อเสียของจริง แต่ถ้าใช้ในทางที่ดีเช่นแชร์เรื่องการทำจิตอาสาของ Miss Thailand World ก็จะเป็นเรื่องที่ดี คนอื่นๆ ก็อาจจะได้รับรู้ว่าเออมีการทำความดีแบบนี้อยู่ด้วย ก็อาจจะช่วยกันแชร์ต่อๆ ไปได้อีก ทำให้เกิดสิ่งดีๆ ต่อยอดกันไปเรื่อยๆ แต่เรื่องของ Bullying มันคือการทำลายชีวิตคนๆ หนึ่ง ซึ่งการประกวดนางงามทำให้ความคิดฉัตรเปลี่ยนไปเหมือนกันนะ คนทุกคนมีดีหมด ทุกคนมีดีหมดเลย เราจะบอกว่าคนนี้สวยกว่าคนนี้ไม่ได้เลย เขาสวยในแบบของเขา บางทีก็มีคอนเซ็ปต์มีนิยามความสวยไม่เหมือนกัน เพราะแต่ละคนมีคุณค่าไม่เหมือนกัน ดังนั้น คำวิจารณ์ต่างในสื่อออนไลน์จะใช้อะไรก็ควรจะเป็นอย่างระมัดระวังไม่ว่าร้ายคนอื่นดีที่สุด
ส่วนเรื่องที่คนดังถูกขุดอดีตมาพูด ส่วนตัวมองว่ามันแก้ไขอะไรไม่ได้ คนที่โดนต้องอดทนและต้องยอมรับความเป็นจริงเพราะว่า สิ่งที่เราทำไปแล้วเราทำได้อย่างเดียวคือยอมรับกับมัน เราทำมันไปแล้วจริงๆ เราลบอดีตไม่ได้ ก็ต้องอดทนยอมรับและผ่านมันไปให้ได้สักวันหนึ่ง ต้องใช้ความอดทนให้มันผ่านไป
แนน กันยารัตน์ วัจรินทร์ หมายเลข 29
โซเชียลมีเดีย ทุกวันนี้เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันคือส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา ตื่นมาเราก็แชท แล้วก็ติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆ แต่สิ่งที่มันต้องมีคือการรู้เท่าทันโซเชียลเน็ตเวิร์ค การรู้เท่าทันประโยชน์ของโซเชียลฯ หรือว่า ในเรื่องข้อมูลข่าวสารที่เรารับมาเนี่ย มันต้องเกิดการกรอง และทำความเข้าใจกับมัน เช่นเราไปเห็นคอมเมนต์หรือทัศนคติที่แตกต่าง เราก็ต้องยอมรับและเข้าใจ ขณะเดียวกัน อะไรที่รกๆ ส่งผลต่อความรู้สึกเรา ไม่สบายใจเป็นทุกข์ เราก็ไม่ต้องให้มีอิทธิพลในความคิดเรามาก
ส่วนเรื่องคนดังที่ถูกอดีตขุดขึ้นมาบนออนไลน์ มองว่ามันช่วยสอนให้เราระวังเรื่องการใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้น เราก็ต้องพิจารณาว่าจะสื่ออะไรออกไป ตอนนี้สื่อโซเชียลฯ มันคือสาธารณะไปแล้ว เราต้องคิดให้มากขึ้น เราอยู่ในสังคมเราก็ต้องระวัง ต้องคิดถึงอนาคตของเรามากๆ หรือให้ไตร่ตรองมาแล้วว่าจะโพสต์อะไรกระทบใครหรือไม่
ชุ ธัญลักษณ์ อยู่เจริญ หมายเลข 17
คิดว่าโซเชียลฯ มีเดียก็ให้ทั้งโทษแล้วก็ประโยชน์ อย่างเรื่องของประโยชน์ก็คือเรานำมาใช้เป็นประโยชน์ในแง่การสื่อสารมากขึ้น เป็นสื่อการเรียนรู้มากขึ้น แต่เด็กเล็กๆ ควรเล่นให้เป็นเวลามากกว่า ถ้าผู้ใหญ่ก็น่าจะวางแผนได้ที่จะเล่น แบ่งเวลาเป็นได้ดีกว่า
ส่วนเรื่องที่คนดังถูกขุดอดีตจากในอินเตอร์เน็ตขึ้นมา มันทำให้เราคิดได้ว่าจะโพสต์อะไรคงต้องคิดและพิจารณาก่อน เพราะว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่เราเห็นคนเดียว ทั้งเฟซบุ๊ก ไอจี ไม่ว่าทางไหนแต่เมื่อคุณโพสต์ไปปุ๊บมันใช่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไปแล้ว คือทุกคนสามารถมาเห็นและทุกคนสามารถเข้ามาดูได้หมด สิ่งสำคัญคือเราต้องตามโซเชียลมีเดียให้ทัน คิดและวิเคราะห์ให้ดีก่อน
ฟาร์ ณัฏฐ์ชนานันท์ จันทิม หมายเลข 20
การเล่นโซเชียลมีเดีย มันเหมือนเป็นดาบสองคม เราโพสต์อะไร เราก็ไม่ได้คิดก่อนอาจจะส่งผลกระทบให้กับคนอื่นด้วย ก็จะกลายเป็น Cyberbullying เวลาที่เขาโพสต์อาจจไม่ได้คิดก็อาจจะมีคนมาคอมเมนต์มาต่อว่าจนทำให้คนโพสต์เขาคิดมาก เก็บไปคิด อาจจะทำให้กลายเป็นโลกซึมเศร้าได้เลยอันนี้เราต้องระวัง
ถ้าเกิดว่ามีคนขุดอดีตของเราขึ้นมาต้องทำร้ายเรา เมื่อก่อนสมัยเด็กๆ เวลาโมโหหนูก็เคยโพสต์นะ แต่ตอนนี้เราต้องคิดนิดนึงถ้าเราดังขึ้นมาหรือเป็นเน็ตไอดอล แล้วเราไปโพสต์อะไรไม่ดี มันจะติดตามเรามันก็จะทำให้เราเครียดเองแล้วมันก็เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีด้วย ดังนั้น ควรเล่นโซเชียลฯ อย่างมีสติ เพราะมันเป็นได้ทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีควบคู่กัน ต้องมีสติในการเล่น ต้องคิดนิดหนึ่งว่าจะทำอะไร
เลน่า เฮเลน่า บุช หมายเลข 26
โซเชียลมีเดีย คิดว่าคนเดี๋ยวนี้อินกับโซเชียลมีเดียมากไป อาจจะได้รับอิทธิพลจากคนอื่นจนไม่เป็นตัวของตัวเอง และอีกอย่างที่รู้สึกคือการใช้เวลากับโซเชียลฯ มากไปจนลืมใช้เวลากับคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด แม้แต่เพื่อนฝูงที่อยู่ด้วยกันแทนที่จะคุยกันก็เอาแต่ก้มหน้าเล่นมือกัน ตรงนี้รู้สึกเสียดายมาก
กับกรณีที่คนดังโดยขุดอดีตขึ้นมาจนเป็นผลร้ายกับตัวเอง มองว่าทุกคนน่าจะมีสิ่งที่เคยทำไม่ดี ตอนสมัยเด็กๆ ได้ ตอนที่เด็กๆ ที่หลายคนอาจจะเคยผิดเคยพลาดมาก่อน แต่ไม่ได้หมายความด้วยความผิดพลาดในอดีตเราจะไปตัดสินได้ว่าคนๆ จะเป็นอย่างนั้น หรือเป็นอย่างนั้นไปตลอด เราไปตัดสินเขาด้วยโพสต์นั้นๆ ไม่ได้ คนเราเคยไม่ดีแต่แก้ตัวก็ยังไม่สาย ทั้งชีวิต เรามีช้อยส์ที่จะทำในทุกๆ อย่าง ไม่คิดว่าเพียงเรื่องเดียวจะมาบอกหรือตัดสินได้ทั้งหมดว่าเราเป็นคนยังไง Don’t Judge me by the cover because the book has many pages so don’t just it by the cover. Don’t just the book by the cover
และทั้งหมดนี้คือความเห็นของตัวแทนคนรุ่นใหม่ ที่มีมุมมองต่อการเล่นโซเชียลมีเดีย และปัญหาของการเล่นออนไลน์ในกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งแต่ละคนก็มีทั้งความคิดที่เหมือนกัน และแตกต่างกันไป ซึ่งเชื่อว่าความคิดของพวกเธอเหล่านี้น่าจะสามารถนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการเล่นโซเชียลฯ ของเราได้รวมทั้งนำไปให้คำแนะนำแก่เยาวชนได้อีกด้วย.
ABOUT THE AUTHOR
ทีมงาน bsite
Biographical Info