- Entertainment
Layla | ชายชู้ | Coda | รับซื้อของโจร และ โศกนาฏกรรมของมือกลอง
By กาย แพ็ทเทอร์สัน • on May 15, 2019 • 1,837 Views
Layla หนึ่งในเพลงสร้างชื่อของ Eric Clapton ที่ออกมาในนามของ Derek and the Dominos มีเรื่องเล่าโคตรพัลวัลพัลเกเลยขอรับ ถ้าเป็นหนังนี่ก็คงประมาณ Film noir นั่นแหละ
เริ่มตั้งแต่ Eric โดน George Harrison จับได้ว่าเป็นชู้กับ Pattie Boyd และ Pattie ตัดสินใจเลือกกลับไปครองชีวิตคู่ต่อกับ George พออกหักพี่ Eric แกก็เลยเขียนเพลง Layla ขึ้นมา โดยเอาตัวละครตัวนี้มาจากนิยายของอาหรับชื่อ The Story of Layla and Majnun
ตอนที่เขียนเสร็จ Eric ก็ยังตันๆไม่รู้จะทำยังไงกับเพลง ระหว่างที่ยังไม่มีอะไรคืบหน้านั้น Eric ดันเกิดอยากไปดูคอนเสิร์ทของ Duane Allman และนั่นคือมิตรภาพแรกเริ่มระหว่าง Eric กับ Duane สองยอดนักกีต้าร์
รู้จักกันได้ไม่ถึง 24 ชม. (ผม – กาย แพ็ทเทอร์สัน ค้นดูแล้วเห็นบาง source ว่าแค่ 18 ชม.เท่านั้น) Eric ก็ชวน Duane มาเมาเหล้าพี้เนื้อและ Jam กีต้าร์กันอย่างเมามันส์ ก่อนที่จะจีบ Duane ให้มาช่วยอัดเสียงในสตูดิโอให้หน่อย ซึ่ง Duane ก็ไม่ขัด (ข้าวแดงแกงร้อนเหล้าและกัญชาของ Eric มันมี “ยาง” ครับ 555)
ตอนอัดเสียงนั้นท่อนอินโทร Duane ลอกเพลง As The Years Go Passing By ของ Albert King มาแต่เปลี่ยนสปีดเป็นเล่นเร็วขึ้นครับ (โลกนี้แม่งลอกกันทั้งนั้นแหละครับ ฝรั่งลอกฝรั่ง ไทยลอกฝรั่ง ไทยลอกยุ่น ไทยลอกจีน ฯลฯ อย่าไปคิดมากเลย)
ตอนที่ทำเสร็จนั้น Layla เป็นเพลงที่เน้นลวดลายของกีต้าร์เป็นหลัก มันยังไม่มีเสียงเปียโนเจ้าปัญหาที่ว่านี้ครับ แต่ Eric ไปได้ยิน Jim Gordon มือกลองของเขานั่งดีดเปียโนแล้ว Eric รู้สึกว่ามันไพเราะมาก ก็เลยเอ่ยปากขอ Jim เอาท่อนเปียโนที่ว่านี้มาใส่เพิ่มใน Layla เป็นท่อน Coda
Coda เป็นศัพท์เฉพาะของดนตรี ผมอธิบายง่ายๆประมาณว่าเป็นท่อนจบของเพลง ที่บางทีมันอาจโผล่ขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยโดยไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับเพลงเลยก็ได้
พอได้ Coda จากเสียงเปียโนที่ Jim Gordon มอบให้ เพลง Layla ก็เลยกลมกล่อม และขึ้นชาร์ทได้ไม่ยากนัก
เรื่องมันก็คงไม่มีอะไรหรอกครับ หากว่า Rita Coolidge นักร้องอดีตแฟนสาวของ Jim Gordon ไม่ไปได้ยินเพลงนี้เข้า ขณะที่ Rita กำลังแต่งหน้าทำผมอยู่ในสตูดิโอเพื่อเตรียมถ่ายปกอัลบั้มใหม่ แล้วช่างแต่งหน้าดันเปิดเพลง Layla สร้างบรรยากาศ พอได้ยินท่อน Coda เท่านั้นแหละ Rita ปรี๊ดแตกทันทีเพราะเธอมั่นใจว่าเสียงเปียโนท่อนนั้นมันมาจากเพลง Time (Don’t Let the World Get In Our Way) ของเธอ ….ไอ้F#$^จิม! ไอ้ชาติชั่ว ไอ้ผู้ชายสารเลว ไอ้จอมหักหลัง !!!
Rita กับ Jim เลิกกันในช่วงที่ Jim ออกทัวร์กับ Joe Cocker แล้ว Jim ลงมือลงไม้กับเธอในโรงแรมที่แวะพัก Rita เลยแยกทางมันซะเลย
หลังจากเลิกรากันไป Jim ไปตีกลองให้ Eric และเอา demo เพลง Time (Don’t Let the World Get In Our Way) ที่เคยทำกับ Rita ในปี 1970 แต่ยังทำไม่เสร็จติดตัวไปด้วย และเสียงเปียโนในเพลง Time นี่แหละที่ไปโผล่เป็นท่อน Coda ในเพลง Layla
ที่มันโคตรจะคั้ลท์ก็ตรงที่ Rita กับ Jim ยังไม่ได้เลิกกันนั้น ทั้งคู่เคยเจอ Eric Clapton ที่ Olympic Studios และเคยเล่นเพลงนี้ให้ Eric ฟังแล้วอีกต่างหาก แถมยังทิ้ง Demo ไว้ให้ Eric ด้วยเพราะแอบหวังว่าเผื่อ Eric จะเอาไป Cover ใหม่
หลังจากพบว่า Eric ไม่ได้ cover เพลง Time ของเธอแต่กลับลอกท่อนเปียโนของเธอไป Rita เองก็พยายามหาทางติดต่อ Eric เพื่อพูดคุยกัน แต่กลับได้รับคำแนะนำจาก Robert Stigwood ผจก.ของ Eric ว่าอย่าพยายามเลยเพราะค่ายเพลงมีทนายมือดีๆมากมาย ถ้าเป็นคดีความขึ้นมา Rita ไม่มีวันชนะหรอก
Rita แค้นชิบหายครับ และแฉเรื่องนี้ไว้ในหนังสือ Delta Lady ของเธอ เพราะในขณะที่เธอไม่ได้เครดิตอะไรเลยนั้น ไอ้ Jim อดีตแฟนจอมหักหลังดันได้ทั้งเครดิต และส่วนแบ่งจาก Layla อย่างอู้ฟู่ปรีดิ์เปรม
แต่ท้ายที่สุด Jim มันก็บุญมีแต่กรรมมาบัง เพราะในช่วงกลางยุค 80s เขาก็เกิดอาการจิตหลอนได้ยินเสียงอะไรต่อมิอะไรในหัวตลอดเวลา ทางการแพทย์เรียกอาการนี้ว่า schizophrenia ที่ทำให้นอนไม่หลับ หลอน เล่นดนตรีไม่ได้ ก่อนที่จะควบคุมสติไม่อยู่ใช้ค้อนทุบหัวแม่บังเกิดเกล้าของตัวเองจนตาย ไอ้ Jim เป็นฆาตกรฆ่าแม่ตัวเอง
Jim Gordon ติดคุกตลอดชีวิต ปัจจุบันก็ยังติดอยู่ พยายามทำเรื่องขอให้ปล่อยตัวแต่ไม่สำเร็จ ล่าสุดในปี 2018 ทางการย้ายไปขังไว้ที่ California Medical Facility อดใช้เงินมากมายมหาศาลจากส่วนแบ่งของ Layla
สรุปว่านักร้องสาวโดนขโมยท่อน coda , ชายชู้รับซื้อของโจรและได้เพลงดังที่กลายเป็นตำนาน , มือกลองโจรคาดว่าน่าจะติดคุกจนแก่ตาย (ปีนี้อายุ 73 แล้ว) ส่วนเราๆท่านๆก็ได้ฟังเพลง rock ที่มีท่อน coda ที่ “งาม” ที่สุดเพลงหนึ่งเท่าที่เคยมีมาในแวดวง rock
เชิญเสพเปียโน coda โดยพลัน เริ่มจากนาทีที่ 4.00 เป็นต้นไปครับ
[wonderplugin_video iframe=”https://youtu.be/fX5USg8_1gA” videowidth=600 videoheight=400 keepaspectratio=1 videocss=”position:relative;display:block;background-color:#000;overflow:hidden;max-width:100%;margin:0 auto;” playbutton=”https://bsite.in/wp-content/plugins/wonderplugin-video-embed/engine/playvideo-64-64-0.png”]
ที่มา
https://www.billboard.com/
https://en.m.wikipedia.org/
https://www.songfacts.com/
ABOUT THE AUTHOR
กาย แพ็ทเทอร์สัน