- Entertainment
David Bowie | ผู้ทำนายธุรกิจเพลงในอนาคตเมื่อ 16 ปีก่อน แม่นอย่างน่าอัศจรรย์
By Walrus • on Sep 18, 2018 • 1,643 Views
ในปัจจุบันการฟังเพลงผ่านการ Streaming เป็นเรื่องธรรมดาสามัญชนไปเสียแล้ว จนถึงระดับตลาดล่าง เราสามารถพบเห็นพ่อค้า-แม่ค้าอาหารแผงลอยข้างถนนฟังเพลงผ่านโทรศัพท์มือถือกับ YouTube แทนวิทยุทรานซิสเตอร์ FM/AM กันมากขึ้นกว่าเดิม
หากย้อนกลับไปสัก 7-8 ปีก่อน จะเห็นเรื่องแบบนี้ไม่ธรรมดาเลยนะ ต้องเป็นคนที่ไฮเอ็นด์ ไฮเทคโนโลยีพอประมาณเลยหล่ะ
แล้วถ้าย้อนไปไกลกว่านั้นอีกสัก 16 ปีก่อนหล่ะ ? จะมีใครมองเห็นอนาคตเรื่องนี้บ้าง ? แน่นอนมีอยู่คนนึงหล่ะ คนนั้นชื่อว่า
“เดวิด โบวี่”
ในปี ค.ศ.2002 (พ.ศ.2545) เดวิด โบวี่ ให้สัมภาษณ์กับ “The New York Times” เกี่ยวกับธุรกิจเพลงในอนาคตข้างหน้าว่า
“การฟังเพลงในอนาคตจะเหมือนกับเราใช้น้ำประปาหรือใช้ไฟจากการไฟฟ้าหล่ะครับ” เดวิด โบวี่กล่าว
นี่คือสิ่งที่เค้ามองเห็นว่าอนาคตในอีก 10 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ซึ่งปัจจุบันก็ฟ้องให้เห็นว่ามันเป็นอย่างที่เค้าคิดจริงๆ เรากลับมาสู่การฟังเพลงกันอย่างถูกลิขสิทธิ์กันมากขึ้น แม้จะยังไม่ 100% ก็ตาม แต่ดีขึ้นกว่า“ยุคมืด”ของธุรกิจเพลงที่ผ่านมาแน่นนอน
“ยุคมืดของธุรกิจเพลง”
ในต่างประเทศ การอุบัติขึ้นของโปรแกรม Napster ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงปี 2000 – 2001 ผู้ใช้งานกว่า 80ล้านคนทั่วโลกค้นหาเพลงและดาวน์โหลดได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเริ่มส่งผลต่อธุรกิจเพลงตามมา
ศิลปิน เริ่มออกมาต่อต้านและฟ้องร้องกันมากขึ้น เช่น วง Metallica เนื่องจากเพลง “I Disappear” (เพลงประกอบภาพยนต์ Mission: Impossible 2) ได้ถูกปล่อยหลุดออกมาผ่านโปรแกรม Napter ก่อนที่วางจำหน่ายเสียอีก น่าจะทำให้วงถึงกับหัวร้อนเป็นอย่างมาก
[wonderplugin_video iframe=”https://www.youtube.com/watch?v=nYSDC3cHoZs” videowidth=600 videoheight=400 keepaspectratio=1 videocss=”position:relative;display:block;background-color:#000;overflow:hidden;max-width:100%;margin:0 auto;” playbutton=”https://bsite.in/wp-content/plugins/wonderplugin-video-embed/engine/playvideo-64-64-0.png”]
แอบเม้าท์ต่อนิดนึง เรื่องเท่านี้คงทำให้วงหัวร้อนไม่พอ ในเมื่อวงรุ่นน้องและไม่กินเส้นกันอย่าง Limp Bizkit ที่มีเพลงประกอบภาพยนต์ในเรื่องเดียวกัน อย่างเพลง “Take a Look Around” ดันมาดังมากกว่าเสียอีก
[wonderplugin_video iframe=”https://www.youtube.com/watch?v=bPD6YiBFG1Q” videowidth=600 videoheight=400 keepaspectratio=1 videocss=”position:relative;display:block;background-color:#000;overflow:hidden;max-width:100%;margin:0 auto;” playbutton=”https://bsite.in/wp-content/plugins/wonderplugin-video-embed/engine/playvideo-64-64-0.png”]
ศิลปินเค้าก็ฟ้องร้องต่อต้านกันไป ส่วนเดวิด โบวี่ ก็ได้แต่ยักไหล่ เพราะมองเห็นแล้วว่ายังไงก็หยุดเทคโนโลยีนี้ไม่อยู่แน่ๆ และเค้ายังมองเห็นอีกว่าในอนาคตค่ายเพลงและช่องทางการจัดจำหน่ายธุรกิจเพลงจะไม่เหมืือนเดิมอีกต่อไป รวมถึงลิขสิทธิ์เพลง ทรัพย์สินทางปัญญาของผู้ประพันธ์เพลง จะหยุดชะงักไปพักใหญ่ๆ เลยหล่ะ — เดวิด โบวี่มองเห็นอนาคต “ยุคมืดของวงการเพลง” เป็นอย่างนี้ ก่อนที่บริการ Streaming ที่จ่ายค่าบริการแบบ “subscription” ฟังเพลงเป็นรายเดือนจะนิยม หรือ แม้แต่บน YouTube ก็ยังสร้างรายได้ให้กลับมาบ้างหล่ะ ก็แทบไม่ต่างจากการจ่ายค่า”สาธารณูปโภค” ที่เฮียแกบอกไว้เมื่อปี 2002 สักนิด
นี่ก็นับว่าเป็นวิสัยทัศน์อันกว้างไกลอีกเรื่องหนึ่ง ของชายผู้มากความสามารถ บุรุษผู้มาก่อนกาลที่หล่นมาอยู่โลกใบนี้ สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ศิลปินหลายๆคนบนโลกนี้ ทั้งเรื่องแฟชั่นและดนตรี ก่อนที่จะกลับสู่ดวงดาวอันไกลโพ้นเมื่อปี 2016 เมื่ออายุ 69 ปี
สุขสวัสดิ์จงมีแด่ท่าน
Copyright© Bsite.In
ABOUT THE AUTHOR
Walrus