- Lifestyle
ไม่ใช่ ปาฏิหาริย์ แต่มันคือ ความเชื่อ และ ฟุตบอลที่เล่นด้วยหัวใจ!
By Sweeper Keeper • on May 08, 2019 • 1,454 Views
มีแฟนๆ ลิเวอร์พูล จำนวนไม่น้อยที่ถอดใจไปแล้ว หลังจากบุกไปแพ้ บาร์เซโลน่า 3-0 ในเกมรอบรองฯ แชมเปี้ยส์ ลีก นัดแรก
ถามว่า ผิดไหม ที่คิดแบบนั้น ไม่แน่นอน เพราะการตามหลังหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในโลก ที่มีนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกอยู่ในทีม ด้วยสกอร์ที่ห่างขนาดนั้น โอกาสที่จะ พลิกนรก กลับมาเข้ารอบต้องบอกว่า ริบหรี่
แม้ก่อนเกมนัดที่สองกับ บาร์ซ่า จะมีนักเตะ ลิเวอร์พูล หลายๆ คนออกมาให้สัมภาษณ์ไปในทำนองเดียวกันว่า พวกเขายังมี “ความเชื่อ” ว่า ทุกอย่างยังเป็นไปได้ โดยเฉพาะการลงเล่นในแอนฟิลด์
หรือแม้แต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เอง ก็เปิดเผยว่า ก่อนเกมเขาบอกกับลูกทีมไปว่า มันยังเป็นไปได้ มันยังมีโอกาส…
แต่มันจะเป็นไปได้จริงๆ หรือ? เพราะ ลิเวอร์พูล ต้องลงเล่นเกมนี้โดยที่ไม่นักเตะตัวความหวังทั้ง โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ แล้วต้องยิงประตูให้ได้ถึง 4 ลูก แถมมีเงื่อนไขด้วยว่าห้ามเสียประตู หากคิดจะผ่านเข้าชิง
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา คงทำให้ทุกคนประจักษ์แจ้งแก่สายตาแล้วว่า พวกเขาทำได้!
ขณะที่ใครต่อใครอาจจะบอกว่า การที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ บาร์เซโลน่า ได้ถึง 4-0 มันคือ ปาฏิหาริย์
แต่ส่วนตัวมองว่า ปาฏิหาริย์ คงเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้านักเตะ ลิเวอร์พูล ไม่มีความเชื่อมั่นว่าตัวเองจะทำได้
เมื่อนักเตะมี ความเชื่อ บวกกับปัจจัยอื่นๆ ที่ช่วยกันเสริมเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น เสียงเชียร์ ของแฟนบอลในแอนฟิลด์ที่ดังกระหึ่มปลุกเร้าทีมรักตลอด 90 นาที แท็คทิค ของ คล็อปป์ ที่สั่งให้ลูกทีมบดขยี้ ด้วยการบีบสูงตั้งแต่เริ่มเกม จนทำให้ได้ประตูขึ้นนำเร็ว
ความโชคร้าย ที่กลายเป็น ความโชคดี เมื่อ โรเบิร์ตสัน เจ็บ จนต้องเปลี่ยน ไวจ์นัลดุม ลงมาแทนในครึ่งหลัง แล้วเป็นคนยิงประตูที่ 2 กับ 3 ไปจนถึง ไหวพริบ ของ เทรนท์ ที่หลอกเตะมุมเร็วซึ่งเป็นที่มาของประตูที่ 4
ทั้งหมดทั้งมวลเหมือนส่งผลต่อกันเป็นทอดๆ จนทำให้ ลิเวอร์พูล ทำสิ่งที่ ไม่น่าจะเป็นไปได้ ให้ เป็นไปได้ อีกครั้ง
เพราะไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ลิเวอร์พูล ที่เกมนี้ต้องใช้ โอริกี้ และ ชากิรี่ ลงมาเล่นแทน ซาล่าห์ กับ ฟีร์มิโน่ จะเอาชนะ บาร์เซโลน่า ที่ตัวผู้เล่นพร้อมและเหนือกว่า ได้แบบ หมดจด งดงาม
แน่นอนว่า นักเตะ ลิเวอร์พูล ทุกคนสมควรได้รับเครดิตที่ได้ร่วมกันทำให้ค่ำคืนอันยิ่งใหญ่ในแอนฟิลด์เกิดขึ้นมาอีกครั้ง
แต่คนที่สมควรได้รับการยกย่องที่สุด ส่วนตัวคิดว่าคือ เจอร์เก้น คล็อปป์ เพราะเขาเป็นคนที่ฝังไมโครชิพ ทัศนคติการเล่นฟุตบอลด้วยหัวใจ ลงไปในนักเตะ ลิเวอร์พูล ชุดนี้
แม้แต่ โจเซ่ มูรินโญ่ ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน โดย เดอะ สเปเชียล วัน ซึ่งตอนนี้ทำหน้าที่เป็นผู้สันทัดกรณีให้กับช่อง beIN Sports แสดงความเห็นหลังเกมว่า
“การคัมแบ็คกลับมาได้ในเกมนี้ เป็นเพราะคนๆ เดียวที่ชื่อ เจอร์เก้น ผมคิดว่านี่ไม่เกี่ยวกับ แท็คติก แต่มันเป็นเรื่องของ หัวใจ, จิตวิญญาณ และการหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเขาเป็นคนทำให้เกิดขึ้นในนักเตะกลุ่มนี้”
“ผมคิดว่า เจอร์เก้น สมควรได้รับสิ่งนี้ เพราะสิ่งที่เขาทำให้กับ ลิเวอร์พูล นั้น สุดยอดมากๆ ผมคิดว่า นี่คือทีมที่สะท้อนตัวตนของเขาออกมาว่า มีนิสัยไม่ยอมแพ้, สู้ด้วยจิตวิญญาณ และพร้อมที่จะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง”
หากจำกันได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ คล็อปป์ สามารถปลุกทีมที่อยู่ในอาการร่อแร่ให้ฟื้นคืนชีพกลับมาได้
ในถ้วยยุโรป มีเกมที่พลิกแซง ดอร์ทมุนด์ 4-3 อยู่ในความทรงจำของเดอะ ค็อปทุกคน
ในพรีเมียร์ ลีก เราก็ได้เห็นกันไปหลายต่อหลายครั้งแล้วว่า พวกเขาพร้อมที่จะ สู้ยิบตา เพื่อคว้าผลการแข่งขันที่ต้องการให้ได้
และที่สำคัญก็คือ หากหัวใจไม่แกร่งพอ ลิเวอร์พูล คงไม่สามารถก้าวขึ้นมาเบียดลุ้นแชมป์กับโคตรทีมแห่งยุคอย่าง แมนฯ ซิตี้ จนถึงเกมนัดสุดท้ายได้อย่างแน่นอน
เครดิตภาพ : www.standard.co.uk
Copyright© Bsite.In
ABOUT THE AUTHOR
Sweeper Keeper
แม้ก่อนหน้านี้จะเคยผ่านงานเขียนบทความเกี่ยวกับ หนัง และ เพลง มาพอสมควร แต่ด้วยความที่ชอบดูฟุตบอลลีกอังกฤษ และมี ลิเวอร์พูล เป็นทีมโปรดในดวงใจ เขาจึงขอโอกาสมาแบ่งปันมุมมองด้านลูกหนังให้ได้อ่านกันบ้าง