- Lifestyle
5 ทีม สุด “เอนเตอร์เทน” แห่งพรีเมียร์ ลีก ที่คอบอลต้องล็อคช่องทีวีไว้ดูทุกสัปดาห์!
By Sweeper Keeper • on Aug 30, 2018 • 1,727 Views
แน่นอนว่า การเพิ่งเริ่มต้นซีซั่นแบบนี้ ยังคงเร็วเกินไปที่จะ “ฟันธง” ว่าทีมไหนจะคว้าแชมป์ไปครองได้ในที่สุด
แต่สิ่งหนึ่งที่เราน่าจะได้เห็นเป็นประจักษ์แก่สายตา หลังจาก พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาลใหม่ผ่านพ้นไปแล้วหลายสัปดาห์ นั่นก็คือ “รูปแบบการเล่น” หรือ “ทรงบอล” ของทั้ง 20 ทีม ที่แต่ละทีมก็มีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกันออกไป
เชื่อเหลือเกินว่า สำหรับ “คอบอล” ทุกคน คงอยากจะดูเกมที่สนุก ตื่นเต้น เร้าใจ กันอยู่แล้ว เพราะไม่น่าจะมีใคร อยากเปิดทีวีมาดูฟุตบอลแล้วต้องเจอกับเกมที่ น่าเบื่อ ชวนง่วง จนต้องหลับคาหน้าจอหรอกจริงมั้ย?
และเพื่อให้คุ้มกับเงินที่คุณต้องจ่ายเป็น ค่าเคเบิลทีวี ค่าอินเตอร์เน็ต หรือค่าอะไรก็ตามแต่ ที่ต้องเสียไปเพื่อแลกกับการได้ดูฟุตบอล มันส์ๆ ซักคู่
เราขอแนะนำ ทีม พรีเมียร์ ที่เล่นฟุตบอลได้ “เอนเตอร์เทน” คนดูมากที่สุด 5 ทีม ซึ่งรับประกันได้เลยว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้ชมเกมที่พวกเขาลงเตะ คุณจะรู้สึกราวกับว่า กำลังได้ดูหนังแอ็คชั่นเดือดๆ ซักเรื่อง ที่อุดมไปด้วยฉาก สาดกระสุน ระเบิดภูเขา เผากระท่อม กันเลยทีเดียว!
5. ฟูแล่ม
ด้วยสไตล์การเล่นที่เน้นเกมรุกและการครองบอล นีล วอร์น็อค กุนซือ คาร์ดิฟฟ์ ทีมน้องใหม่ที่เลื่อนชั้นมาเล่น พรีเมียร์ ลีก พร้อมกันในฤดูกาลนี้ ถึงขนาดเคยให้คำจำกัดความ ฟูแล่ม ทีมนี้ว่าเป็น “แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แห่ง เดอะ แชมเปี้ยนชิพ”
เมื่อกลับขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดของอังกฤษได้สำเร็จอีกครั้ง ทีมเจ้าสัวน้อย ก็ยังคงสไตล์การเล่นนี้ไว้ แม้ในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับเหล่าบรรดาทีมใน พรีเมียร์ ลีก ที่ชื่อชั้นเหนือกว่า
แม้พวกเขาจะประเดิมสนามนัดแรกด้วยการพ่ายคาบ้านให้กับ คริสตัล พาเลซ 0-2 แต่หลังจบเกมกลับได้รับเสียงชื่นชมจากเหล่ากูรูลูกหนังซะอย่างงั้น ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่า ในเกมนี้ ฟูแล่ม เป็นฝ่ายเปิดเกมรุกเข้าใส่ทีมเยือนเสียส่วนใหญ่ เพียงแต่ต้องมาเสีย 2 ประตูจากลูกโต้กลับ จนทำให้เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป
นัดต่อมา พวกเขาบุกไปแพ้ให้กับทีมเต็งแชมป์อย่าง สเปอร์ส 3-1 แต่เกมดังกล่าวก็เป็นอีกเกมที่พิสูจน์ให้เห็นถึงปรัชญาการทำทีมของกุนซืออย่าง สลาวิซ่า โยคาโนวิช ว่าเขาไม่นิยมให้ลูกทีมของตัวเองไปจอดรถบัสในยามที่ต้องออกไปเยือนทีมที่เหนือกว่าทุกด้าน
และในที่สุด ฟูแล่ม ก็มาแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่า “บอลบุก” ของพวกเขาดูสนุกขนาดไหน ในเกมที่พวกเขาเก็บสามแต้มแรกของฤดูกาลได้สำเร็จด้วยการเปิดบ้านเอาชนะ เบิร์นลี่ย์ ไปได้ 4-2
4. เชลซี
แม้ดูเหมือนว่าอะไรๆ จะยังไม่ค่อยลงตัวในช่วงแรก แต่สิ่งหนึ่งที่ค่อยๆ ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ เมาริซิโอ ซาร์รี่ เข้ามารับหน้าที่ผู้จัดการทีมคนใหม่ของ เชลซี ก็คือ “ทรงบอล” ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
จากเดิมที่ อันโตนิโอ คอนเต้ เคยทำให้ เชลซี เป็นทีมที่เน้นแท็คติค เน้นความรัดกุม เล่นด้วยความแน่นอนไว้ก่อน จนถูกแฟนบอลบ่นอยู่บ่อยๆ ว่า บอลของ คอนเต้ ดูแล้วชวน ง่วงหงาว หาวนอน ชะมัด!
อดีตกุนซือ นาโปลี เข้ามาเนรมิตให้ ทีมสิงโตน้ำเงินคราม กลายเป็นทีมที่เน้นการครองบอล จ่ายบอลเท้าสู่เท้าด้วยความแม่นยำ เดินเกมรุกเข้าใส่คู่แข่งตลอดเวลา และเมื่อเสียบอลก็จะไล่บีบคู่ต่อสู้ทันทีเพื่อแย่งบอลกลับมาเล่นให้เร็วที่สุด
ซึ่งหลักฐานมาปรากฎชัดเจนในนัดที่ เชลซี บุกไปเอาชนะ นิวคาสเซิล ถึงถิ่น 1-2 แม้ผลการแข่งแข่งที่ออกมาจะเป็นสกอร์ที่สูสี แต่ถ้าหากมองรูปเกมในภาพรวมแล้ว ต้องบอกว่า นิวคาสเซิล แพ้เกมนี้แบบสู้ไม่ได้เลย
โดยในเกมดังกล่าว เชลซี ครองบอลไปเกือบ 82 เปอร์เซ็นต์ แถมมิดฟิลด์ตัวใหม่ของทีมอย่าง จอร์จินโญ่ ยังทำสถิติผ่านบอลสำเร็จคนเดียวในเกมนี้ถึง 158 ครั้ง ซึ่งมากกว่านักเตะ นิวคาสเซิล ทั้งทีมที่ผ่านบอลสำเร็จรวมกันในเกมนี้แค่ 131 ครั้ง เท่านั้น
3. สเปอร์ส
ถึงจะไม่ได้นักเตะใหม่เข้ามาเสริมช่วงก่อนเปิดฤดูกาลเลยแม้แต่คนเดียว แต่ดูเหมือนว่านั่นจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับทีมที่มีโครงสร้างแข็งแรงอยู่แล้วอย่าง สเปอร์ส
พิสูจน์ได้จากผลงานชิ้นโบว์แดงที่พวกเขาสามารถบุกไปเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทั้งที่ตลอดเกม ทีมไก่เดือยทอง สร้างสรรค์โอกาสได้ไม่มาก แต่กลับเอาชนะได้ถึง 3-0
โดยในเกมนี้ สเปอร์ส แสดงให้เห็นถึงคุณภาพในเกมสวนกลับที่อันตรายสุดๆ เรียกได้ว่า หากคู่ต่อสู้เปิดพื้นที่ให้พวกเขาได้ทำเกมรุกใส่เมื่อไหร่ โอกาสที่พวกเขาจะได้ประตูก็มาเมื่อนั้น
อย่างที่เราทราบกันดีว่า แนวรุกของ สเปอร์ส ไม่ได้มีแค่ แฮร์รี่ เคน (ดาวยิงอันดับหนึ่งของทีมที่ยิงทะลุ 25 ประตูมาสามฤดูกาลติดต่อกัน) ยืนเป็นหัวหอกในแดนหน้าเท่านั้น แต่ยังมี เดเล่ อัลลี่ และ คริสเตียน อีริคเซ่น ที่คอยสร้างสรรค์เกมอยู่เบื้องหลังอีกด้วย
เท่านั้นยังไม่พอ นักเตะที่ฟอร์มกำลังดีวันดีคืนอย่าง ลูคัส มูร่า น่าจะก้าวขึ้นมาเป็นอาวุธชิ้นใหม่ของทีม และทำให้คู่ต่อสู้ต้องหวาดหวั่นกับเกมรุกของ สเปอร์ส ที่มีความหลากหลายมากขึ้นในฤดูกาลนี้
2. แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ด้วยปรัชญาการทำทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กับการเดินหน้าบุกใส่คู่แข่งตั้งแต่นาทีแรกจนนาทีสุดท้าย ทำให้ ทีมเรือใบสีฟ้า ยังเป็นทีมที่เล่นได้ น่าดู น่าชม สำหรับแฟนบอลเสมอ
แม้จะเสียนักเตะคนสำคัญอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ ไปจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าตั้งแต่ต้นฤดูกาล แต่ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบอะไรมากมายต่อแนวทางการเล่นที่กล่าวไว้ข้างต้นของ แมนฯซิตี้
เพราะพวกเขายังมีขุมกำลังชั้นดีที่สามารถทดแทนกันได้อย่าง อิลคาย กุนโดกัน, ลีรอย ซาเน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักเตะที่เซ็นเข้ามาใหม่อย่าง ริยาด มาห์เรซ ที่กำลังปรับตัวเข้ากับทีมได้มากขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่า การคว้าแชมป์ที่ว่ายากแล้ว การป้องกันแชมป์ให้ได้เป็นเรื่องที่ยากกว่า
ซึ่งนั่นหมายความว่า ในซีซั่นนี้ ทีมแชมป์เก่า คงจะต้องพบกับงานที่หินกว่าฤดูกาลก่อนเป็นแน่
และนั่นอาจจะทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่น่าจะไล่ถล่มประตูคู่แข่งได้มากถึง 106 ลูก เหมือนฤดูกาลที่แล้ว
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น “คอบอล” ทั้งหลายก็ยังสามารถคาดหวังได้ว่า จะมีประตูไหลมาเทมาในยามที่เราเปิดทีวี มาชมแม็ตช์ที่ ทีมเรือใบสีฟ้า ลงเตะอยู่ดี
1. ลิเวอร์พูล
นับตั้งแต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก้าวเข้ามาเป็นผู้จัดการทีม เขาค่อยๆ ทำให้ ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมที่เล่นได้อย่าง น่าตื่นตาตื่นใจ มากขึ้นเรื่อยๆ
ผลลัพธ์มาปรากฎชัดเจนเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เมื่อเขาพา ทีมหงส์แดง ทะลุเข้าชิงถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก
และถึงแม้จะอกหักไม่สามารถคว้าแชมป์รายการนี้มาครองได้ แต่แฟนบอลทั่วโลกคงได้เห็นถึงความอันตรายของสามประสานในแนวรุกอย่าง ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ กันถ้วนหน้าแล้วเป็นที่เรียบร้อย
มาในฤดูกาลนี้ การที่พวกเขาได้นักเตะคุณภาพอย่าง นาบี้ เกอิต้า และ เซอร์ดาน ชากิรี่ มาเสริมเข้าไปอีกในแนวรุก ก็ยิ่งทำให้ ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่น่าติดตามชมมากขึ้นไปอีก
ยังไม่หมดแค่นั้น ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล จะมี เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ยืนบัญชาการเกมรับให้กับทีมแบบเต็มซีซั่น แถมยังได้ ผู้รักษาประตูระดับเวิลด์คลาสอย่าง อลิสซอน เบ็คเกอร์ เข้ามาแก้ปัญหาในตำแหน่งที่เคยเป็นจุดอ่อนของทีมมานาน
ทั้งหลายทั้งปวงข้างต้น เท่ากับว่า นี่จะเป็นฤดูกาลที่ ลิเวอร์พูล มีขุมกำลังชนิดที่เรียกได้ว่า “แกร่งทั่วแผ่น” ไล่ตั้งแต่ ผู้รักษาประตู ไปจนถึง กองหน้า
เพราะฉะนั้น จะไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไรเลย หากเราเห็น ลิเวอร์พูล ไล่ถล่มคู่แข่งนัดละ 4-5 ลูก อยู่บ่อยๆ ในฤดูกาลนี้!
เครดิตภาพ : www.premierleague.com
ABOUT THE AUTHOR
Sweeper Keeper
แม้ก่อนหน้านี้จะเคยผ่านงานเขียนบทความเกี่ยวกับ หนัง และ เพลง มาพอสมควร แต่ด้วยความที่ชอบดูฟุตบอลลีกอังกฤษ และมี ลิเวอร์พูล เป็นทีมโปรดในดวงใจ เขาจึงขอโอกาสมาแบ่งปันมุมมองด้านลูกหนังให้ได้อ่านกันบ้าง