ชีวิตกับปัญหามันเป็นของคู่กัน ถ้าจะพูดว่าการใช้ชีวิตคือการแก้ปัญหาก็คงไม่ผิดนัก

                อ่ะ…อย่าเพิ่งคิดว่าเข้ามาอ่านผิดบทความนะคะ เห็นปลงแบบนี้ทางเราก็ได้มาจาก The Face Men Thailand Season 2 ในตอนที่ 7 กับ แคมเปญที่ 6 ทั้งนั้นล่ะค่ะ เพราะในตอนนี้มาพร้อมกับความเวอร์วังด้วยการแปลงฉากจากละครเพลิงพระนาง ให้กลายเป็นรันเวย์ พร้อมขนพร็อบเป็นน้องม้า, น้องควาย, และน้องช้างมาด้วย เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มสมกับการเป็น Pre-Final Walk

แน่นอนว่าความดุเดือดต้องมาพร้อมกับบทเรียนสุดคูล

สัปดาห์นี้จะเป็นอะไรไปดูกันค่ะ!

 

---

การฉายแสงของวิลเลียม มาพร้อมกับการขายของที่ดูมีคลาส

                แต่ไหนแต่ไรมา The Face ขึ้นชื่อเรื่องการขายของมานานนม แต่สังเกตไหมคะว่าใน The Face Men Thailand Season 2 นี้กระแสคำวิจารณ์เรื่องการขายของดูเหมือนจะสร่างซาไปแล้ว ในความเห็นของเรานั้น การขายของในมาสเตอร์คลาสยังเต็มเปี่ยมอัดแน่นเหมือนเดิม แต่มันดูมีอะไรมากกว่าการให้ผู้เข้าแข่งขันมาขายของกันแบบโต้ง ๆ มันดูมีความคิดสร้างสรรค์ในการเป็นโจทย์ Master Class มากขึ้นกว่าซีซั่นก่อน ๆ เลยทำให้กระแสวิจารณ์เรื่องนี้เบาลงไป หรือไม่คนดูเราอาจจะชินกันจนทำเป็นมองข้ามไปเสียก็ได้ Oops!!

                ความแนบเนียนในการขายของที่เหมือนจะสร้างสรรค์ขึ้นจนน่าชื่นชมก็ยังไม่เท่ากับ วิลเลี่ยม จากทีม #MasterLukkade ในระหว่างที่เขาคนนี้ยังคงอยู่ในการแข่งขัน ความโดดเด่นอาจจะไม่สามารถสู้คนอื่น ๆ ได้ แต่พอถูกคัดออกแล้วย้ายทีมมาอยู่ในการดูแลของมาสเตอร์ลูกเกด อื้อหืม…ดูมีเสน่ห์มากขึ้นเป็นกอง แถมในวีคนี้ยังเก็บเกี่ยวชัยชนะมาครอง คว้าสิทธิพิเศษให้ #TeamToni ไปได้แบบเก๋ ๆ เป็นการฉายแสงเจิดจรัสจนเราอยากลุ้นให้กับมาแข่งอีกรอบจริง ๆ

 

---

Pre-Final Walk ที่วัดทั้งความสามารถของเมนเทอร์และผู้เข้าแข่งขัน

                ถ้าคุณคิดว่าแคมเปญถ่ายภาพใต้น้ำเมื่อแอพิโสดที่แล้วเล่นใหญ่ ขอบอกเลยว่าการเดินแบบที่ยกเอาฉากจากละครเรื่องเพลิงพระนางมารียูสเก๋ ๆ นี้เล่นใหญ่กว่ามาก! เมื่อแค่เดินแบบอย่างเดียวมันไม่พอ รายการเลยจัดเอาพร็อบสุดเวอร์วังมาเสริม ไม่ว่าจะเป็น ม้า, ควาย หรือ ช้าง พร้อมกติกาการเดินคู่กับพร็อบ, การเดินแบบ Battle หรือการเดิน Finale ที่ทั้ง 3 เมนเทอร์ต้องระดมสมองครีเอทกันออกมาเอง

คุณพระคุณเจ้า! นี่เล่นใหญ่เหมือนเป็นแคมเปญสุดท้ายเลยนะคะคุณ!

               

               เริ่มต้นที่สิทธิการจัดแบ่งทีมในแคมเปญนี้กันก่อน หมูหยองได้รับสิทธิจากวิลเลียมในการกำหนดชะตากรรมทุกคน เขาได้ใช้กลยุทธ์ปิดหัวปิดกลางปิดท้าย จัด 3 คนที่เหลือในทีม Toni ให้ผ่านสายตากรรมการในทุกช่วง เป็นกลยุทธ์ที่ดีค่ะ แต่ก็เสี่ยงไม่น้อย เพราะถ้าโชว์เปิดและปิดทำได้ดีก็ดีไป แต่ถ้าทำได้พัง หรือคนที่ตามมาทำได้ดีกว่าก็จมเอาได้ง่าย ๆ

                ต่อมาด้วยการเดินแบบคู่กับสัตว์ทั้ง 3 ชนิด แน่นอนว่า มงลง ไปที่ ป็อปปี้ จาก #TeamMoo แบบไม่ต้องสงสัย ที่แม้ว่าการเดินแบบอาจจะไม่ได้สมบูรณ์นัก แต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเมื่อ ‘พ่อใหญ่’ หยุดเดินกลางแคทวอล์ค กับการแสดงความรักความเชื่อใจออกมา พร้อมขึ้นไปนั่งบนงาช้าง(เป็นคนแรก) เท่านี้ก็เพียงพอแล้วค่ะที่จะสร้าง Wow Factor ให้ทั้งกรรมการและผู้ชมอย่างเรา ๆ เทใจให้เขาชนะได้อย่างไม่ค้านสายตา

                ผลแย่เลยไปตกกับหมูหยองที่วางแผนมาอย่างดี แต่ดั๊นได้โชว์คนท้าย ๆ การขึ้นไปนั่งบนงาช้างเลยไม่ใช่ Wow Factor อีกต่อไป สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนจากการทำแคมเปญนี้ก็คือ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าค่ะ การมีสติในการทำงานที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหา คือคุณสมบัติสำคัญที่จะทำให้คุณสามารถยืนหนึ่งเหนือใคร ๆ ได้จริง ๆ

 

---

การจับเมนเทอร์มาทำงานร่วมกัน คือก้าวใหม่ที่สวยงามของ The Face

                ขอปาดน้ำตาด้วยความซาบซึ้งก่อนเลยค่ะ จากที่เราติงด้วยความห่วงใยไปใน The Face Lessons EP.5 ว่า The Face Men Thailand ซีซั่นนี้มีครบหมดทั้งความยากของแคมเปญ และดราม่าของเมนเทอร์ แต่สิ่งที่ทำให้รายการไม่ว้าวเท่าเก่าในสายตาเราคือการขาดความแปลกใหม่ ซึ่งเหมือนว่าเราจะต้องขอคืนคำพูดนั้นแล้ว โดยในตอนล่าสุดนี้พวกเขาเลือกจะหยิบเอาเมนเทอร์ที่ควรจะต้องฆ่าฟันกันสุดฤทธิ์มาทำงานร่วมกัน ในการคิดโชว์ Finale ปิดแคมเปญ และผลมันออกมาดีมากจริง ๆ (ปาดน้ำตาอีกที)

                เราได้เห็นบทบาทที่ชัดเจนของเมนเทอร์ผ่านการทำโชว์ Finale นี้มากขึ้น #MentorMoo ก็สมแก่ประสบการณ์ที่โชกโชน ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับแฟชั่นโชว์ได้อย่างเก่งกาจ ส่วน #MentorToni ก็เป็นครีเอทีฟที่ออกแบบการเดินได้อย่างน่าสนใจ และ #MentorSonia ที่อาจจะดูเหมือนไม่ได้ช่วยอะไร (ใครคิดแบบนี้ตีปากด่วน!) ก็เป็นผู้คอยดูภาพรวมของโชว์ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ The Face เลยค่ะที่เราได้เห็น 3 เมนเทอร์ประจำซีซั่นร่วมงานกันแบบจริง ๆ จัง ๆ แม้จะเล็กน้อยแต่ก็เป็นภาพที่สวยงามทีเดียว

 

---

เรียวตะ ผู้ทลายแว่นบดบังความรู้สึกของเมนเทอร์หมูได้หมดสิ้น

                ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ กับ ห้องดำในสัปดาห์นี้ กับการที่ #MentorSonia เลือกส่ง คิม เข้าไปต่อสู้ด้วยเหตุผลว่าเขาได้รับโอกาสให้ทำแคมเปญมากกว่าคัทจัง แต่ก็ยังไม่สามารถแสดงความสามารถออกมาได้ดีพอ ส่วนทางฝั่ง #MentorToni ในที่สุดก็เลือกจะเล่นเกมบ้าง ด้วยการส่ง เรียวตะ ผู้เข้าแข่งขันที่เมนเทอร์หมูเอ็นดู และมองเห็นในความตั้งใจมาตลอด เป็นกลยุทธ์ที่ร้ายกาจจนเมนเทอร์หมูอยากจะลองใจโดยการออกมาจากห้องดำเพื่อยื่นข้อเสนอให้เมนเทอร์โทนีเปลี่ยนใจ

                สุดท้ายเมนเทอร์โทนียืนยันคำเดิม และเมนเทอร์หมูก็เลือกที่จะไม่เล่นเกม เขาตัดสินใจคัดคิมออกจากรายการ เก็บเรียวตะเอาไว้ เราได้เห็นกำแพงความเย็นชาที่ซ่อนความรู้สึกภายใต้แว่นสุดชิคของเมนเทอร์หมูถูกทำลาย ด้วยฝีมือของ เรียวตะ ผู้แสนจะรั่วและล้น แต่ถึงกระนั้นซีนที่ทำให้เราน้ำตาซึมพร้อมรอยยิ้มคือ จังหวะที่ประตูเปิดออกและเมนเทอร์โทนีโผเข้าไปกอดเรียวตะด้วยความดีใจ คนอ่อนไหวอย่างเราถึงกับน้ำตาคลอเลยล่ะค่ะ (ปาดน้ำตาครั้งที่ 3)

---

 

สรุปนะคะ

                เดินทางมาถึงช่วงท้ายของซีซั่นแล้วกับ The Face Men Thailand Season 2 แม้ว่าก่อนหน้านี้เราจะไม่เห็นความแปลกใหม่มากนัก แต่ดูเหมือนว่าในซีซั่นนี้ทางรายการตั้งใจจะ Reboot และค่อย ๆ แสดงให้เราเห็นถึงคุณภาพมากขึ้น แม้จะแอบมีความคลิเช่แบบเก่า ๆ ติดมาบ้างแต่ก็พออภัยให้ได้ และในแคมเปญนี้ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วค่ะว่า ถ้ารายการลงทุนและตีโจทย์ให้แตก เสน่ห์ของผู้เข้าแข่งขันทั้งที่ยังอยู่ในเกมและหลุดออกจากเกมต่างก็มีพร้อม สามารถที่จะเป็นวัตถุดิบปลุกกระแสได้ให้รายการได้แน่นอน…XOXO

 

สุดท้ายรายการก็ได้ทิ้งระเบิดไว้ในตัวอย่างก่อนจากไปกับคำถามว่า…

ใครในทีม #MasterLukkade จะได้กลับเข้าเกมอีกครั้ง??

---

อ่าน The Face Lessons ตอนอื่น ๆ

Master Mentor คืออะไร? หรือจะเป็นหมากตัวใหม่รีแบรนด์ The Face

The Face Lesson EP.1-2 : เพราะชีวิตจริงคือการแข่งขัน แค่ “แฟร์” อย่างเดียวมันไม่พอ!

The Face Lessons EP.3: ทำดีแล้ว ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำดีกว่าเราไม่ได้

The Face Lessons EP.4: ไม่ใช่ทุกครั้งที่เราจะข้ามขีดจำกัดได้ จงยอมรับและพัฒนา

The Face Lessons EP.5: เครื่องมือของความก้าวหน้าคือการเอาชนะความกลัว

---

ภาพจาก: Facebook Page The Face Thailand