- Lifestyle
เก็บตก 10 ประเด็น หลัง ‘ลิเวอร์พูล’ ทะยานขึ้น “จ่าฝูง”
By Sweeper Keeper • on Dec 10, 2018 • 1,868 Views
แม้อากาศเดือนธันวาคมในบ้านเรายังร้อนอบอ้าว แต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เหล่า เดอะค็อป ในเมืองไทย กลับบ่นว่า อากาศข้างบน หนาวมาก!
ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่า ล่าสุด ลิเวอร์พูล ทำคะแนนแซง แชมป์เก่า แมนฯซิตี้ ขึ้นไปเป็น จ่าฝูง พรีเมียร์ ลีก ได้สำเร็จแล้วเป็นที่เรียบร้อย
โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่แฟนบอล ลิเวอร์พูล ลุ้นกันเป็นพิเศษ เพราะถือเป็นสัปดาห์ที่ทีมรักของตัวเองมีสิทธิ์จะกลับขึ้นไปเป็นผู้นำได้อีกครั้ง
เงื่อนไขมีอยู่ว่า หาก ลิเวอร์พูล สามารถบุกไปเอาชนะ บอร์นมัธ ได้ในช่วงหัวค่ำของวันเสาร์ แล้ว แมนฯซิตี้ ไม่สามารถเก็บแต้มจากการบุกไปเยือน เชลซี ที่ แสตมฟอร์ด บริดจ์ ในช่วงดึกของคืนเดียวกัน
นั่นหมายความว่า จ่าฝูง พรีเมียร์ ลีก จะเปลี่ยนมือมาเป็นของยอดทีมแห่งเมอร์ซีย์ ไซด์ ทันที!
และทุกอย่างก็เป็นไปตามอย่างที่แฟนหงส์แดงหวังเอาไว้ เมื่อ ลิเวอร์พูล บุกไปถล่ม บอร์นมัธ ได้แบบสบายๆ 4-0 โดย โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ กลับมาโชว์ฟอร์มสุดยอด เหมายิงคนเดียวสามประตูในเกมนี้ และขึ้นไปนำเป็นดาวซัลโวร่วมกับ เอเมอริค โอบาเมยอง ของ อาร์เซน่อล ที่ยิงไปแล้ว 10 ประตูเท่ากัน
ขณะที่ แมนฯซิตี้ ต้องหยุดสถิติไร้พ่ายในเกมลีกฤดูกาลนี้ไว้ที่ 15 นัด เมื่อพวกเขาถูก สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี บดเอาชนะไปได้ 2-0
ซึ่งนี่คือความพ่ายแพ้ในเกมลีกเป็นนัดแรกในรอบ 22 นัด หลังจากที่ ทีมเรือใบสีฟ้า ปราชัยให้กับ แมนฯยูไนเต็ด 2-3 ในซีซั่นก่อนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
และจากผลการแข่งขันดังกล่าว ทำให้ ลิเวอร์พูล แซงกลับขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูง พร้อมกับส่งสัญญาณว่า หลังจากนี้ไป การขับเคี่ยวเพื่อแย่งแชมป์พรีเมียร์ ลีกระหว่าง ลิเวอร์พูล และ แมนฯซิตี้ จะเข้มข้นชนิดต้องลุ้นกันแบบสัปดาห์ต่อสัปดาห์อย่างแน่นอน!
และต่อไปนี้ คือ 10 ประเด็น ที่เกิดขึ้นหลังจาก ลิเวอร์พูล ถล่ม บอร์นมัธ 4-0 แซง แมนฯซิตี้ ขึ้นจ่าฝูง…
1. ลิเวอร์พูล กลับไปเป็น จ่าฝูง อีกครั้งในรอบ 3 เดือน โดยตอนนี้พวกเขาเป็นทีมเดียวในพรีเมียร์ ลีกที่ยังไม่แพ้ใคร!
2. ลิเวอร์พูล ออกสตาร์ทด้วยผลงานที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร โดยตอนนี้พวกเขาเก็บไปแล้ว 42 แต้ม จากการลงเตะ 16 นัด
3. นอกจากนี้ ลิเวอร์พูล ยังเป็นทีมที่มีเกมรับดีที่สุดในลีกอีกด้วย โดยพวกเขาเพิ่งเสียประตูไปเพียง 6 ลูก เท่านั้น ซึ่งเป็นการเก็บคลีทชีทได้ถึง 10 นัด จากการลงเล่น 16 เกม
4. นักเตะที่ได้รับเสียงชื่นชมว่าเป็นผู้เข้ามาทำให้เกมรับของ หงส์แดง แข็งแกร่งขึ้นอย่างผิดหูผิดตา หนีไม่พ้น เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค โดยหลังจากที่เขาลงเล่นในเกมลีกให้ ลิเวอร์พูล ไป 30 นัด ทีมเก็บคลีทชีทได้ถึง 17 ครั้ง และเสียประตูให้คู่แข่งไปแค่ 16 ลูกเท่านั้น
5. นักเตะอีกคนที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้กลายเป็นทีมที่เสียประตูยากมากก็คือ อลิสซอน เบ็คเกอร์ โดยนายทวารมือหนึ่งทีมชาติบราซิลผู้นี้ ถือเป็นนักเตะคนแรกของ ลิเวอร์พูล ที่ลงเล่น 16 เกมแรกในพรีเมียร์ ลีก แล้วทีมยังไม่เคยแพ้เลย!
6. โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ ที่กดแฮทริคในเกมนี้ กลายเป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล ที่ยิงครบ 40 ประตู เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร โดยเขายิงประตูได้ 40 ลูก จากการลงสนามไปเพียง 52 เกม ซึ่งเร็วกว่าทั้ง เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่ยิง 40 ลูก จากการลงเล่นไป 60 เกม แดเนี่ยล สเตอริดจ์ ที่ยิง 40 ลูก จากการลงเล่นไป 64 เกม หรือแม้กระทั้ง หลุยส์ ซัวเรส ก็ยังต้องลงเล่นถึง 78 เกม กว่ายิงได้ 40 ประตู
7. ซึ่งนั่นส่งให้ ซาล่าห์ กลายเป็นนักเตะที่ยิงประตูครบ 40 ประตู เร็วที่สุดเป็นอันดับ 3 ของพรีเมียร์ ลีก โดยเป็นรองแค่ อลัน เชียร์เรอร์ และ แอนดี้ โคล ที่ยิงครบ 40 ลูก จากการลงเล่นไป 45 เกมเท่ากัน
8. หากนับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วเป็นต้นมา มีเพียง ลิโอเนล เมสซี่ คนเเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นนักเตะใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปที่ทำประตูได้มากกว่า ซาล่าห์ โดย เมสซี่ ทำประตูรวมในทุกรายการไปแล้ว 45 ลูก ส่วน ซาล่าห์ ยิงไป 42 ลูก
9. เจมส์ มิลเนอร์ ซึ่งถูกถอยลงไปยืนเป็นแบ็คขวาในเกมนี้ กลายเป็นนักเตะคนที่ 13 ที่ลงเล่นในพรีเมียร์ ลีกครบ 500 นัด โดย มิลเนอร์ เคยค้าแข้งมาแล้วกับ 5 สโมสร (แมนฯซิตี้ 147 นัด, ลิเวอร์พูล 111 นัด, แอสตัน วิลล่า 100 นัด, นิวคาสเซิล 94 นัด และ ลีดส์ 48 นัด) ยิงได้ทั้งหมด 51 ประตู และ 80 แอสซิสต์
10. หลังจบเกมที่ชนะบอร์นมัธ ซาล่าห์ ปฏิเสธที่จะรับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แม็ตช์ ในเกมนี้ โดยเขายกรางวัลดังกล่าวให้กับ เจมส์ มิลเนอร์ ที่ลงเล่นในพรีเมียร์ ลีก เป็นนัดที่ 500
เครดิตภาพ : www.newscabal.co.uk, www.standard.co.uk
Copyright© Bsite.In
ABOUT THE AUTHOR
Sweeper Keeper
แม้ก่อนหน้านี้จะเคยผ่านงานเขียนบทความเกี่ยวกับ หนัง และ เพลง มาพอสมควร แต่ด้วยความที่ชอบดูฟุตบอลลีกอังกฤษ และมี ลิเวอร์พูล เป็นทีมโปรดในดวงใจ เขาจึงขอโอกาสมาแบ่งปันมุมมองด้านลูกหนังให้ได้อ่านกันบ้าง