- Tech
ครั้งแรก! ของวงการ CJ WORX x WHAT THE DUCK ดึงโมเดล Relationship Economy โปรโมตซิงเกิ้ลใหม่ วันที่เรานับหนึ่ง สิงโต นำโชค
By ทีมงาน bsite • on Jun 28, 2019 • 1,461 Views
โลโก้ของ CJ WORX บนการโปรโมตซิงเกิ้ลล่าสุด วันที่เรานับหนึ่ง ของสิงโต นำโชค ไม่ใช่สัญลักษณ์ของการร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ หลังจากที่เปิดตัว BED (Branded Entertainment Data) เท่านั้น แต่มันเป็นสัญลักษณ์ของการยกระดับการสร้างสรรค์ผลงานเพลงและโฆษณาไปพร้อมกัน โดยใช้โมเดล Relationship Economy คือ การสร้างสัมพันธ์ที่มีความหมายในเชิงเศรษฐศาสตร์ เชื่อมโยงกันของทั้งแฟนคลับ ศิลปิน และค่าย นำมาซึ่ง Entertainment Data ที่มีประโยชน์ กลายเป็นโมเดลสำหรับสร้างสรรค์ผลงานต่อไป”คุณชวนา กีรติยุตอมรกุล General Manager / Strategic Planning Director บริษัท CJ WORX กล่าว
คุณชวนา อธิบายว่า BED เป็นการนำข้อมูลของผู้ชื่นชอบความบันเทิงต่างๆบนโซเชียล เพื่อนำมาวิเคราะห์และหาอินไซต์ ต่อยอดด้วยความคิดสร้างสรรค์ ให้ออกมาเป็นผลงานใหม่ สร้างโอกาสให้แบรนด์ในการเข้าไปสื่อสารด้วยอินไซต์ของผู้บริโภคแบบรู้สึกไม่ยัดเยียด และยิ่งผสมผสานแนวคิดเรื่อง Relationship Economy คือ การสร้างสัมพันธ์ที่มีความหมายในเชิงเศรษฐศาสตร์ เพราะความสัมพันธ์เหล่านี้เป็นสิ่งล้ำค่าที่สุด ให้ระหว่างวงจรแฟนคลับ ศิลปิน ค่ายเพลงให้เชื่อมต่อกัน
“สมัยนี้การสร้างความสัมพันธ์ที่ต่อกันมีค่ามาก ยิ่งมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับจำนวนคนยิ่งมาก ก็ทำให้ยิ่งรู้จักแฟนคลับของเรามากขึ้น ข้อมูลเหล่านี้ยิ่งเป็นผลดีกับธุรกิจ เพราะความสัมพันธ์แบบ Relationship Economy ไม่ใช่แค่มิติเชิงอารมณ์เท่านั้น แต่สามารถต่อยอดออกมาเป็น Data ได้ เมื่ออารมณ์เหล่านั้นถูกถ่ายทอดออกมาบนโซเชียลมีเดียในหลากหลายรูปแบบอาทิ การกดไลค์ คอมเมนต์ แชร์”
คุณชวนา เล่าถึงที่มาการคิดแคมเปญนี้ว่า ทีมงานครีเอทีฟของซีเจ เวิร์คสร้างสรรค์การเปิดตัวเพลงนี้ เหมือนกับการครีเอทแคมเปญโฆษณาที่จะเปิดตัวสินค้า บนแนวคิดตามชื่อเพลงคือ วันที่เรานับหนึ่ง จึงมีทั้งคอนเทนต์ในแฟนเพจ WHAT THE DUCK ที่ศิลปินทั้งค่ายปล่อยมิวสิควิดีโอแรกของตัวเองแบบถอยหลัง และมาขยี้ต่อในเพจของสิงโต นำโชคเอง รวมถึงมี Conversation ที่กระตุ้นความอยากรู้ของแฟนคลับ และสร้างอารมณ์ร่วม สร้างRelationship Economy เชื่อมโยงกันระหว่างแฟนคลับกับศิลปินและทางค่าย เพื่อให้ได้ BED ที่มีประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์ผลงานในอนาคตต่อไปนั่นเอง
“แม้แต่ของที่ระลึกในงานเปิดตัวเพลงวันที่เรานับหนึ่งเมื่อไม่นานนี้ มีการแจกเทปคลาสเซตที่สามารถฟังเพลงวันที่เรานับหนึ่งเสียงร้องของสิงโตจริงๆ โดยเทปถือเป็นตัวแทนของศิลปินที่จะกลับบ้านไปพร้อมกับความทรงจำในการเปิดตัวครั้งนี้ด้วย จนเกิดกระแสแฟนคลับทางบ้านสอบถามมาในโซเชียลเน็ตเวิร์คว่า อยากได้ของที่ระลึกเหล่านี้ หรือแม้แต่การเชิญอินฟลูเอนเซอร์ที่มาร่วมงาน ก็ไม่ใช่แค่เพียงสื่อมวลชนสายบันเทิง แต่มีการลงลึกในพฤติกรรม ความชื่นชอบ ใกล้เคียงกับสไตล์ของศิลปินมากที่สุด”
คุณชวนา อธิบายว่า ทั้งหมดนี้ เพราะ CJ WORX ไม่คิดว่าตัวเองคือ ดิจิทัลเอเจนซี แต่เราเป็นทูเดย์ เอเจนซี คือเอเจนซีที่อยู่ ณ ปัจจุบัน เราจะเข้าถึงผู้บริโภคของวันนี้ด้วยวิธีการต่างๆ เท่าที่มี วันนี้อาจมีเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยูทูป อินสตราแกรม แต่หากในอนาคตเทรนด์เปลี่ยนแปลงไป ซีเจ เวิร์ค ก็พร้อมปรับตัวเปลี่ยนไปตามสิ่งที่ทรงประสิทธิภาพ ณ เวลานั้น เช่นเดียวกับโมเดล Relationship Economy ที่เป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่ล้ำค่า ซึ่งถือว่าเป็นแนวคิดที่เป็นหลักในการเชื่อมโยงข้อมูลที่สำคัญในขณะนี้
คุณมอย-สามขวัญ ตันสมพงษ์ Managing Director ค่ายเพลง What The Duck กล่าวว่า จากที่เราได้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ CJ WORX ทำ Entertainment Data ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่เพียงการสร้างการรับรู้ในแบรนด์เท่านั้น แต่ถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย เมื่อผลงานเพลงต้องผสานกับวิทยาศาสตร์ในยุค Insight Marketing
“ทาง WHAT THE DUCK ต้องนำ Data ต่างๆ ที่มีทั้งของทางค่ายเอง และ ของศิลปินมาศึกษา โดยนำมาวิเคราะห์และต่อยอดจากข้อมูลที่อยู่ เพื่อหารูปแบบใหม่ ๆ สำหรับวิธีการโปรโมตเพลงของศิลปิน และการนำโมเดล Relationship Economy มาเชื่อมต่อแฟนคลับ ศิลปิน และค่ายเพลง เพื่อผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ด้านความสัมพันธ์ และความรู้สึก”
คุณสามขวัญ อธิบายเพิ่มเติมว่า ทางศิลปินเองก็ตื่นเต้นและสนุกกับวิธีการใหม่ๆ และมีความสุขที่ได้เสียงตอบรับจากผลงานดีๆ ทางค่ายเพลงก็ได้เพิ่มโอกาสในการนำข้อมูล Big Data ที่มีอยู่มาใช้ได้อย่างมีศิลปะ วิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง บนพื้นฐานของการทำความเข้าใจอารมณ์และความรู้สึก ท่ามกลางพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ถือว่าเป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่สำคัญในวงการเพลงและโฆษณา
ABOUT THE AUTHOR
ทีมงาน bsite
Biographical Info