- Lifestyle
ตำแหน่งที่ดีที่สุดของ ดิ อ็อกซ์ และ การเล่นบอลด้วยเท้าของ อาเดรียน
By Sweeper Keeper • on Aug 18, 2019 • 1,168 Views
ไม่เสียวไม่ใช่ หงส์แดง สโลแกนนี้ยังคงใช้ได้อีกครั้งจากเกมนัดล่าสุดที่พวกเขาบุกไปเฉือนชนะ เซาธ์แฮมตัน ได้ 1-2
ลิเวอร์พูล ลงเล่นเกมนี้โดยมีเวลาพักแค่สามวันหลังจากต้องฎีกาถึงช่วงดวลจุดโทษกว่าจะเอาชนะ เชลซี คว้าแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ไปครอง
อาเดรียน ที่มีข่าวว่าอาจลงสนามไม่ได้ ผ่านการทดสอบความฟิตลงมาเฝ้าเส้าให้กับทีมในเกมนี้ทันเวลาพอดี
แดนหน้ามีเซอร์ไพรส์เล็กๆ เพราะ ซาล่าห์ ที่เล่นครบ 120 นาทีในเกมนัดชิงเมื่อคืนวันพุธได้ลงเป็นตัวจริง พร้อมกับ มาเน่ และ ฟีร์มิโน่
แบ็คโฟร์กลับมาเป็นชุดที่เราคุ้นเคยกันดีไล่ไปตั้งแต่ เทรนท์, ร็อบโบ้, มาติป และ ฟาน ไดจ์ค
ที่น่าสนใจที่สุดคือแผงกองกลาง โดยเกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ เลือกใช้ ไวจ์นัลดุม, มิลเนอร์ และถอย อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ลงมาเป็นมิดฟิลด์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์อีกครั้ง หลังจากหลายๆ นัดก่อนหน้านี้พยายามดันเขาขึ้นไปเล่นแนวรุกตัวบนแล้วโชว์ฟอร์มได้ไม่ดีเลย
เกมในครึ่งแรก อาจเป็นเพราะทาง เซาธ์แฮมตัน คิดว่า ลิเวอร์พูล คงจะเหนื่อยล้าจากการเพิ่งกร่ำศึกหนักมา ก็เลยตัดสินใจลงมาไล่เพรส ไล่บีบ เล่นเกมหนักอัดใส่ผู้มาเยือนเลยทันที
ซึ่งต้องถือว่าแผนนี้ได้ผล เพราะทำให้ ลิเวอร์พูล เล่นได้ไม่ถนัด ทำอะไรได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักเท่าไหร่ แต่ก็พอจะมีโอกาสจะๆ อยู่ 2-3 ครั้ง จากจังหวะที่ ซาล่าห์ ตอกส้นให้ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ยิงผ่านหน้าประตูออกไป รวมถึงจังหวะถัดมาซึ่งก็เป็นการประสานงานกันของคู่เดิม เมื่อ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน เปิดบอลจากกลางสนามให้ ซาล่าห์ หลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษแต่บอลเหินข้ามคาน
แค่สองจังหวะนี้ ก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างการจับ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ไปเล่นแนวรุกด้านบน กับ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ในตำแหน่งมิดฟิลด์ ซึ่งชัดเจนว่า ณ ตอนนี้ ตำแหน่งมิดฟิลด์คือตำแหน่งที่เวิร์คที่สุดสำหรับเขา เพราะดูเหมือนว่าทีมจะได้ใช้ประโยชน์จากความสามารถของ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ในการเล่นตำแหน่งนี้มากกว่า
ไม่เฉพาะแค่ส่วนร่วมในเกมรุกที่เราได้เห็นเขาผ่านบอลสวยๆ ให้เพื่อน การหาจังหวะวิ่งสอดทะลุจากแถวสองเข้าไปในพื้นที่สุดท้าย หรือจังหวะที่เขาฉีกตัวเองออกไปด้านข้างเพื่อเล่นร่วมกับแบ็คทั้งสองข้าง
แต่ ความเร็ว และ ความขยัน ของ แชมเบอร์เลน ยังมีประโยชน์ต่อทีมในจังหวะที่ต้องเล่นเกมรับด้วย อย่างในครึ่งแรกมีอยู่จังหวะหนึ่งที่ เทรนท์ หนุนเกมรุกขึ้นสูงจนหลุดตำแหน่งไป ก็ได้ ดิ อ็อกกซ์ นี่แหละที่วิ่งลงมาช่วยคัฟเวอร์พื้นที่ตรงนี้เอาไว้ (ใครที่ได้ดูถ่ายทอดสดคงเห็น ฟาน ไดจ์ค หันมาปรบมือให้เขาในการเล่นจังหวะนี้)
อย่างไรก็ตาม ครึ่งแรกต้องถือว่าเป็นทางฝั่งทีมนักบุญที่เล่นได้ดีกว่า แถมยังมีโอกาสได้ประตูขึ้นนำไปก่อนด้วยซ้ำจากลูกโหม่งของ โยชิดะ ยังดีที่ อาเดรียน โชว์ซูเปอร์เซฟป้องกันเอาไว้ได้
แต่สุดท้ายแล้ว ด้วยคุณภาพของตัวผู้เล่นที่เหนือกว่า กลายเป็น ลิเวอร์พูล ที่ได้ประตูออกนำ 0-1 ในช่วงท้ายครึ่งแรกจากลูกยิงสุดสวยของ ซาดิโอ มาเน่
กลับมาในครึ่งหลัง เหมือนหนังคนละม้วน เพราะกลายเป็นทางฝั่ง ลิเวอร์พูล ที่คอนโทรลเกมไว้ได้เกือบหมด ซึ่งบางทีนั่นอาจเป็นเพราะ เซาธ์แฮมตัน ใช้พลังงานในการวิ่งบดบี้ไปเยอะแล้วในครึ่งแรก พอกลับลงมาความเข้มข้นในการเล่นจึงไม่ได้อยู่ในระดับเดิม
เกมนี้น่าจะจบแบบสบายๆ อยู่แล้ว หลังจากที่ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำเป็น 0-2 จาก บ็อบบี้ ฟีร์มิโน่ แถมฝั่งทีมเยือนยังครองเกมไว้ได้แบบเบ็ดเสร็จจนกระทั่งเข้าสู่นาทีที่ 80
แต่แฟนๆ ทางบ้านก็ต้องควักยาดมออกมาสูดไปพลางๆ ในช่วงเกือบ 10 นาทีที่เหลืออีกจนได้ เมื่ออยู่ดีๆ อาเดรียน ก็เตะบอลไปอัดใส่เท้าของ แดนนี่ อิงค์ส เข้าประตูไปให้เจ้าบ้านไล่มาเป็น 1-2
และถึงแม้ ลิเวอร์พูล จะเก็บสามแต้มได้สำเร็จด้วยการยันสกอร์นี้เอาไว้จนจบเกม แต่คำถามใหญ่ที่ตามมาก็คือ จะแก้ปัญหาจังหวะการเล่นบอลด้วยเท้าของ อาเดรียน กันอย่างไร?
จริงอยู่ครับว่า อาเดรียน ถือเป็นผู้รักษาประตูที่ฝีมือไว้ใจได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องการเซฟลูกยิง แต่เรื่องการเล่นบอลด้วยเท้า รวมถึงการออกบอลแรกเพื่อเซ็ตบอลจากหน้าประตูตัวเอง (ซึ่งเป็นสไตล์การเล่นของ ลิเวอร์พูล อยู่แล้ว) ดูเหมือนว่าจะเป็นจุดอ่อนสำหรับเขา
อย่างในเกมนี้ นอกจากจังหวะที่ทำพลาดเสียประตูแล้ว มีอีกจังหวะหนึ่งในครึ่งแรกที่ อาเดรียน เตะบอลไปอัดคู่ต่อสู้แถวหน้าประตูในลักษณะเดียวกัน เพียงแต่ว่าโชคดีที่ลูกนี้ไม่ตรงกรอบ ไม่งั้นเกมนี้อาจจะไม่จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งแล้วก็ได้
ยังไงก็ตาม ส่วนตัวคิดว่า เจอร์เก็น คล็อปป์ และทีมงาน น่าจะเห็นปัญหาตรงนี้กันแล้ว และคงไม่นิ่งดูดายนั่งอยู่เฉยๆ เพราะถ้าเกิดทำพลาดเหมือนเดิมอีกขึ้นมา ไม่เพียงแต่จะทำให้ อาเดรียน เสียความมั่นใจแค่คนเดียวเท่านั้น แต่อาจจะพาลเสียความมั่นใจกันไปทั้งทีมเลยก็เป็นได้
อย่าลืมนะครับว่า ในช่วงที่ อลิสซอน ยังเจ็บอยู่ ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องใช้งาน อาเดรียน อีกราวๆ 6-7 เกมเลยทีเดียว…
เครดิตภาพ : Evening Standard
ABOUT THE AUTHOR
Sweeper Keeper
แม้ก่อนหน้านี้จะเคยผ่านงานเขียนบทความเกี่ยวกับ หนัง และ เพลง มาพอสมควร แต่ด้วยความที่ชอบดูฟุตบอลลีกอังกฤษ และมี ลิเวอร์พูล เป็นทีมโปรดในดวงใจ เขาจึงขอโอกาสมาแบ่งปันมุมมองด้านลูกหนังให้ได้อ่านกันบ้าง