- Lifestyle
5 รอยตำหนิ (เล็กๆ) ในชัยชนะอันง่ายดาย
By Sweeper Keeper • on Aug 25, 2019 • 1,240 Views
เป็นไปตามความคาดหมายของหลายๆ คน เมื่อ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ อาร์เซน่อล ในเกมบิ๊กแม็ตช์เมื่อคืนวันเสาร์ไปได้ 3-1
จากชัยชนะในเกมนี้ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ นำทีมชนะในพรีเมียร์ ลีก 12 รวด ซึ่งกลายเป็นสถิติใหม่ของสโมสร รวมถึงยังพาทีมไม่แพ้ใครในแอนฟิลด์เป็นนัดที่ 42 ติดต่อกัน (ชนะ 32 เสมอ 10 แพ้ 0) อีกด้วย
เหนือสิ่งอื่นใด ตอนนี้ ลิเวอร์พูล เป็นทีมเดียวที่เก็บชัยชนะได้ 3 นัดรวด มี 9 คะแนนเต็ม ขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงแน่นอนแล้วในสัปดาห์นี้
อย่างไรตาม แม้จะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่ในชัยชนะที่ได้มาอย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่จากเกมนี้ ก็ยังมีรอยตำหนินิดๆ หน่อยๆ ที่ทำให้รู้สึกเสียอารมณ์ระหว่างรับชม
จะเป็นอะไรบ้างนั้นมาลองไล่เรียงกันดู…
1. อาเดรียน ยังมีข้อผิดพลาดจนทำให้ทีมเกือบเสียประตู จากจังหวะที่เข้าวิ่งพรวดพราดออกมาเตะบอลทิ้ง ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลยเพราะ ฟาน ไดจ์ค บังทางบอลไว้ให้หมดแล้ว เดชะบุญที่ โอบาเมยอง ซึ่งเก็บตกจังหวะนี้ได้ชิพบอลข้ามคานออกไป ไม่งั้น ลิเวอร์พูล คงโดนนำไปก่อนแล้ว
นอกจากนั้น ในจังหวะที่เขาต้องเล่นบอลด้วยเท้าหรือต้องเป็นคนออกบอลแรก แม้เริ่มจะดูมีความมั่นใจขึ้น แต่ก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ บอกตามตรงว่า ส่วนตัวแล้ว ลุ้นไม่ให้ อาเดรียน ออกบอลพลาด ยังเหนื่อยกว่าลุ้นให้ทีมยิงประตูได้ซะอีก
พูดแล้วก็คิดถึง อลิสซอน ขึ้นมาจับใจ!!!
2. เอาจริงๆ เกมโดยรวมในครึ่งแรกถือว่า อาร์เซน่อล วางแท็คติกมาค่อนข้างดี เลยทำให้ ลิเวอร์พูล เล่นได้ไม่ค่อยถนัดจนแทบจะเจาะตรงกลางไม่เข้าเลยก็ว่าได้ ทำให้ทั้ง มาเน่, ซาล่าห์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฟีร์มิโน่ ต้องถอยลงต่ำมาล้วงบอลเล่นเอง แต่ก็ไม่สามารถฝ่าแนวรับของทีมปืนใหญ่ที่ลงมาแพ็คกันหน้ากรอบเขตโทษอย่างแน่นหนา ขณะที่แบ็คสองฝั่งทั้ง เทรนท์ และ โรเบิร์ตสัน แม้จะได้เปิดจากริมเส้นเยอะมาก แต่บอลส่วนใหญ่ก็ไม่เข้าเป้า
ยังดีที่สุดท้าย ลิเวอร์พูล ก็มาได้ทีเด็ดจากลูกเตะมุมอีกแล้ว โดยเป็น โจเอล มาติป ที่โหม่งให้ทีมได้ประตูนำช่วงท้ายครึ่งแรก
แต่อย่างที่บอกไว้แล้วว่า ก่อนจะมาได้ประตูจากลูกเตะมุม เกมรุกของ ลิเวอร์พูล ดูเหมือนจะมีไอเดียในการเข้าทำน้อยเกินไป
อย่างในครึ่งแรกของเกมนี้ จริงๆ แล้ว อาร์เซน่อล ไม่ได้เปิดพื้นที่ให้สามประสานในแนวรุกได้เล่นซักเท่าไหร่ ซึ่งในรูปเกมแบบนี้ ทีมจำเป็นต้องมีนักเตะมิดฟิลด์ที่ถนัดในการสร้างสรรค์เกมลงมาช่วยตรงจุดนี้ แต่อย่างที่เราทราบๆ กันว่านักเตะอย่าง เฮนเดอร์สัน และ ไวจ์นัลดุม ไม่ใช่มิดฟิลด์ในลักษณะนั้นด้วยกันทั้งคู่ รูปเกมก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะได้ประตูขึ้นนำ ก็เลยอาจจะดูน่าอึดอัดเล็กน้อยอย่างที่เห็น
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เฮนโด้ และ จีนี่ เล่นไม่ดีนะครับ เพียงแต่พยายามจะเท้าความเพื่อบอกว่าต่อไปว่า ถ้าเกิดครึ่งแรกเกมจบลงด้วยการเสมอกัน 0-0 แล้วลงมาครึ่งหลังรูปเกมยังเป็นเหมือนเดิม บางทีเราอาจจะเห็น คล็อปป์ ส่งนักเตะอย่าง ชากิรี้ ลงมาเพิ่มความหลากหลายในเกมรุก แต่เมื่อได้ประตูขึ้นนำที่ต้องการแล้ว แท็กติกต่างๆ ที่วางไว้ตั้งแต่ต้นก็เป็นอย่างเดิมไปก่อน
3. เกมนี้ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค จบสถิติที่ไม่โดนใครเลี้ยงผ่านไว้ที่ 50 นัด (539 วัน) ในจังหวะที่เขาถูก นิโคลัส เปเป้ (ที่เล่นเด่นมากในครึ่งแรก) พลิกบอลหลบตรงกลางสนาม รวมถึง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ก็โดน เปเป้ อาศัยความเร็วเล่นงานอยู่ 2-3 ครั้งเหมือนกัน แถมยังมีอีกจังหวะที่ ร็อบโบ้ ประกบห่างเกินไปจนทำให้ เปเป้ ได้โอกาสปั่นบอลโค้งๆ หลุดกรอบประตูออกไปนิดเดียว
สำหรับจุดนี้แสดงให้เห็นว่า แม้แต่กองหลังที่ได้รับการยกย่องว่าเก่งที่สุดในโลกอย่าง ฟาน ไดจ์ค รวมถึงหนึ่งในแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดของยุโรปอย่าง โรเบิร์ตสัน ก็ยังมีติดลูกประมาทจนทำให้ต้องเสียท่าแก่คู่ต่อสู้
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ลองหยั่งเชิงกันไปในครึ่งแรกแล้ว กลับมาเล่นในครึ่งหลัง เปเป้ ก็แทบไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้กับ ลิเวอร์พูล อีกเลย โดยเฉพาะการดวลเดี่ยวกับ ฟาน ไดจ์ค ที่พูดได้อย่างเต็มปากว่า เปเป้ จอดสนิท!
4. แม้จะชนะรวดมาทั้ง 3 นัด แต่ ลิเวอร์พูล ก็เสียประตูมาทุกนัดยังเก็บคลีทชีทไม่ได้เลย หลังจบเกมดูเหมือนว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ จะแอบไม่พอใจเล็กๆ ในจุดนี้ โดยเขาให้สัมภาษณ์มีใจความประมาณว่า ทีมของเขาไม่ใช่ ดิสนี่ย์แลนด์ ที่จะต้องสร้างความตื่นเต้นให้กับทุกคนตลอดเวลา ก็เลยเปลี่ยนวิธีการเล่นหลังจากเข้าสู่นาทีที่ 80 แต่ถ้าเกิดคิดจะบุกต่อก็ต้องรู้จักปิดเกมให้เป็นด้วย ซึ่งสุดท้ายก็ยังทำได้ไม่ดี นี่เป็นสิ่งที่ทีมต้องปรับปรุงกันต่อไป
5. ข้อนี้อาจจะไม่เกี่ยวกับฟอร์มการเล่น แต่น่าจะเป็นอะไรที่ทำให้แฟนๆ ที่รับชมการถ่ายทอดสดคู่นี้หัวเสียที่สุด นั่นก็คือ สัญญาณภาพที่ดันมาขัดข้องช่วงท้ายครึ่งแรกซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ ลิเวอร์พูล กำลังเดินเครื่องเต็มสูบหมายจะเอาประตูขึ้นนำให้ได้ แต่ภาพก็มาค้างๆ ดับๆ จนต้องสลับเอาภาพมุมกว้างมาให้ดูไปพลางๆ อยู่พักใหญ่
ยังดีที่หลังจากภาพกลับมาดูได้ตามปกติ ก็เป็นจังหวะที่ ลิเวอร์พูล ได้ลูกเตะมุมจนนำไปสู่ประตูขึ้นนำก่อนหมดครึ่งแรกพอดี
เครดิตภาพ : Evening Standard
ABOUT THE AUTHOR
Sweeper Keeper
แม้ก่อนหน้านี้จะเคยผ่านงานเขียนบทความเกี่ยวกับ หนัง และ เพลง มาพอสมควร แต่ด้วยความที่ชอบดูฟุตบอลลีกอังกฤษ และมี ลิเวอร์พูล เป็นทีมโปรดในดวงใจ เขาจึงขอโอกาสมาแบ่งปันมุมมองด้านลูกหนังให้ได้อ่านกันบ้าง