- Lifestyle
สามแต้มแบบ Ugly Win พาหงส์บินคืนจ่าฝูง
By Sweeper Keeper • on Apr 02, 2019 • 1,657 Views
เป็นอีกหนึ่งเกมที่ทำให้เหล่าสาวก หงส์แดง หัวใจแทบวาย กับนัดล่าสุดที่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ สเปอร์ส ไปได้แบบมีโชค…
สำหรับเกมนี้ว่ากันจริงๆ แล้ว เปิดมาในครึ่งแรกดูเหมือนว่า ลิเวอร์พูล จะครองเกมได้เหนือกว่าเล็กน้อย จนได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วจากลูกโขกของ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ในนาทีที่ 16
แต่หลังจากนั้น ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยิ่งเล่นยิ่งกดดันตัวเองหรือเปล่า เพราะเกมชักเริ่มไม่ค่อยประติดประต่อ แถมนักเตะบางคนยังดูลนลานผิดปกติ
โดยเฉพาะจังหวะที่ เจมส์ มิลเลอร์ ปล่อยลูกที่ฝั่ง สเปอร์ส โยนยาวมา หล่นใส่หน้าของ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ทั้งๆ ที่ช็อตนี้ไม่มีอะไรอันตรายเลย
ยังดีที่ทีมไม่เสียประตูในจังหวะนี้ ไม่งั้นนี่จะเป็นลูกที่สองที่ ลิเวอร์พูล ต้องเสียจากการสื่อสารกันผิดพลาด หลังจากที่พวกเขาเพิ่งเสียประตูแบบนี้ให้กับ ฟูแล่ม ไปในเกมก่อนหน้า
เปิดมาครึ่งหลัง บอกกันตามตรงแบบไม่เกรงใจสาวกเดอะ ค็อป ว่า หงส์แดง เป็นรอง ไก่เดือยทอง อย่างชัดเจน
ส่วนหนึ่งต้องชื่นชม เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่แก้เกมมาได้ดีมาก อีกส่วนหนึ่ง ก็เป็นทางฝั่ง ลิเวอร์พูล ที่กลับลงมาเล่นแบบเกร็งๆ กล้าๆ กลัวๆ ทำได้ดีที่สุดแค่ตั้งรับแล้วรอสวนกลับ
โดยเกมของ สเปอร์ส มาเหนือกว่าเจ้าถิ่นอย่างชัดเจน หลังจาก โปเช็ตติโน่ เปิดหน้าแลกด้วยการ ส่ง ซน ฮึง-มิน ลงมาเล่นแทน ดาวินซอน ซานเชซ แล้วให้ทีมปรับระบบการเล่นจาก 3-5-2 มาเป็น 4-3-3
ให้หลังแค่นาทีเดียว สเปอร์ส ก็ได้ประตูตีเสมอจาก ลูคัส มูร่า ซึ่งเอาจริงๆ พวกเขาน่าจะได้ประตูตีเสมอก่อนหน้านี้แล้ว ถ้าลูกซ้ำของ คริสเตียน อิริคเซ่น ไม่ถูก แอนดี้ โรเบิร์ตสัน วิ่งตามมาบล็อคออกหลังไปได้แบบไม่น่าเชื่อ
เท่านั้นแหละ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็อยู่เฉยๆ ไม่ได้ ต้องตัดสินใจแก้เกมด้วยการเปลี่ยน ฟาบินโญ่ และ ดิว็อค โอริกี้ มาเล่นแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ เจมส์ มิลเนอร์
แต่กลายเป็นฝั่ง ลิเวอร์พูล ที่เกือบพังคาบ้าน จากลูกสวนกลับที่ มุสซ่า ซิสโซโก้ และ ซน ฮึง-มิน หลุดขึ้นมาถึงกรอบเขตโทษ โดยมี เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค วิ่งถอยมาประคองแค่คนเดียว
จังหวะนี้ต้องยกเครดิตให้ ฟาน ไดจ์ค ไปเต็มๆ ด้วยความนิ่งของกองหลังระดับเวิลด์คลาส เขาเลือกที่จะปิดช่องไม่ให้ ซิสโซโก้ ส่งบอลต่อให้ ซน ขณะเดียวกันก็บีบพื้นที่ให้ ซิสโซโก้ ต้องเลือกยิงเองด้วยเท้าซ้ายซึ่งไม่ใช่เท้าถนัด
และสุดท้าย ซิสโซโก้ ก็ยิงลูกนี้เหินข้ามคานไปออกไป ซึ่งนี่คือจุดชี้เป็นชี้ตายสำหรับ ลิเวอร์พูล ในเกมนี้อย่างแท้จริง เพราะพวกเขารอดพ้นจากการเสียประตูไปอย่างหวุดหวิดสุดๆ ทำให้สกอร์ตอนนั้นยังเสมอกัน 1-1 ความหวังที่จะเป็นผู้ชนะในเกมนี้ยังพอมี
แล้วความพยายามของ ลิเวอร์พูล ก็มาสัมฤทธิ์ผลจนได้ในนาทีสุดท้าย และแม้ประตูชัยที่ได้จะมาจากความผิดพลาดของ ฮูโก้ ยอริส นายประตู สเปอร์ส ที่ปัดลูกโหม่งของ โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ กระเด้งขา โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ เข้าประตูตัวเองไป
แต่นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ ลิเวอร์พูล พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า พวกเขาสามารถชนะในเกมที่เล่นไม่ดีได้อีกหนึ่งเกม
ซึ่งการเล่นไม่ดี แต่ชนะ นี่แหละ คือหนึ่งในคุณสมบัติที่ทีมจะเป็นแชมป์ ต้องมี!
หลังจบเกม คล็อปป์ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า มี 500 วิธีในการจะเอาชนะในเกมฟุตบอล และวันนี้มันเป็นการชนะที่น่าเกลียดนิดหน่อย (เขาใช้คำว่า slightly ugly)
แต่ถ้าสุดท้ายมันสามารถทำให้ทีมได้สามแต้ม ใครจะไปแคร์? ไม่มีใครสนใจหรอกว่าจะชนะด้วยวิธีไหน!
5 ประเด็นเก็บตก หลัง ลิเวอร์พูล เฉือน สเปอร์ส 2-1 กลับขึ้นจ่าฝูงแบบหวุดหวิด
1. ลิเวอร์พูล รักษาสถิติไม่แพ้ใครในบ้านต่อไปเป็นนัดที่ 37 (ชนะ 27 เสมอ 10) ซึ่งเป็นสถิติไม่แพ้ใครในบ้านนานเป็นอันดับสอง (ร่วมกับ แมนฯ ซิตี้) ของประวัติศาสตร์พรีเมียร์ ลีก
2. เจอร์เก้น คล็อปป์ พา ลิเวอร์พูล เก็บไปแล้วถึง 79 แต้ม จาก 32 นัด หากนับเฉพาะหลังจากพรีเมียร์ ลีกปรับระบบมาเป็นชนะได้ 3 คะแนน นี่ถึอเป็นแต้มที่พวกเขาทำได้มากที่สุดแซงหน้าฤดูกาล 1987-88 ที่เคยทำไว้ 76 แต้มเรียบร้อย นอกจากนี้ ลิเวอร์พูล ยังทำประตูรวมทุกรายการไปแล้วถึง 400 ลูก นับตั้งแต่ที่ คล็อปป์ เข้ามาคุมทีม
3. ลิเวอร์พูล ได้ประตูชัยในนาทีที่ 90 หรือหลังจากนั้นในเกมพรีเมียร์ ลีกฤดูกาลนี้มาแล้ว 3 ประตู ซึ่งทำให้ตอนนี้ ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมที่ได้ประตูชัยในนาทีที่ 90 หรือช่วงทดเจ็บ มากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ ลีก โดยทำได้ถึง 33 ประตู (อาร์เซน่อล 25, แมนฯ ยูไนเต็ด 22)
4. โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ยิงไปแล้ว 7 ประตู จาก 6 เกมล่าสุดในพรีเมียร์ ลีกซึ่งเล่นที่แอนฟิลด์
5. แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แมน ออฟ เดอะ แม็ตช์ ของเกมนี้ กลายเป็นกองหลัง ลิเวอร์พูล ที่ทำแอสซิสต์ให้กับทีมได้มากที่สุด โดยเขาทำแอสซิสต์ไปแล้ว 9 ลูกในพรีเมียร์ ลีกฤดูกาลนี้
เครดิตภาพ : www.standard.co.uk
Copyright© Bsite.In
ABOUT THE AUTHOR
Sweeper Keeper
แม้ก่อนหน้านี้จะเคยผ่านงานเขียนบทความเกี่ยวกับ หนัง และ เพลง มาพอสมควร แต่ด้วยความที่ชอบดูฟุตบอลลีกอังกฤษ และมี ลิเวอร์พูล เป็นทีมโปรดในดวงใจ เขาจึงขอโอกาสมาแบ่งปันมุมมองด้านลูกหนังให้ได้อ่านกันบ้าง