จบลงไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางความสุขสมหวังของเหล่าสาวกเดอะ ค็อป ที่คราวนี้ได้เป็นฝ่ายเฮกันสมใจอยาก เมื่อสามารถเปิดบ้านเอาชนะทีมปีศาจแดงไปได้ 2-0…

ซึ่งถ้ามองในรูปเกม ต้องบอกว่าเกมแดงเดือดยกนี้ถือเป็นเกมที่สู้กันได้อย่างสนุกเลยทีเดียว เพราะแม้ว่าจะเป็นทางฝั่ง ลิเวอร์พูล ที่เล่นได้เหนือกว่า แต่ในเมื่อพวกเขาไม่ได้ประตู 2-0 เพื่อตอกฝาโลง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็พยายามฮึดสู้จนเกือบได้ลูกตีเสมออยู่หลายครั้ง

อย่างไรก็ตาม ด้วยคุณภาพของทีมที่เหนือกว่า จนแล้วจนรอด แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่เด็ดขาดพอที่จะทำประตูตีเสมอได้ และสุดท้ายก็มาโดนประตูเช็คบิลจาก โม ซาล่าห์ ในช่วงทดเจ็บ ทำให้ ลิเวอร์พูล คว้าชัยชนะในเกมนี้ไปได้สำเร็จ

เช่นเคยครับ ตราบใดที่ ลิเวอร์พูล ยังคงเดินหน้าเก็บชัยชนะต่อเนื่องชนิดที่ใครหน้าไหนก็ไม่สามารถมาหยุดพวกเขาได้ สถิติใหม่ต่างๆ ก็ยังคงเกิดขึ้นตามมาอีกมากมายหลังจากที่เกมจบลง

และต่อไปนี้ คือ 20 ประเด็นที่น่าสนใจซึ่งเกิดขึ้นหลังเกมแดงเดือด ที่เราคัดสรรมาฝากให้ได้อ่านกันแบบ เต็มอิ่ม จุใจ เช่นเคย…

1. พรีเมียร์ ลีก เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีทีมที่อยู่อันดับครึ่งบนของตารางเพียงสองทีมเท่านั้นที่เก็บสามแต้มได้นั่นคือ ลิเวอร์พูล ที่ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-0 และ วูล์ฟส์ ที่บุกไปเอาชนะ เซาธ์แฮมตัน 2-3

2. ลิเวอร์พูล ยังคงเดินหน้าทำสถิติไร้พ่ายที่แอนฟิลด์ต่อไปเป็นนัดที่ 52 ติดต่อกันในพรีเมียร์ ลีก โดยเป็นการชนะ 42 เสมอ 10 แพ้ 0 ยิงไป 131 ประตู

3. นอกจากนั้น ชัยชนะที่มีต่อ แมนฯ ยูไนเต็ด นัดนี้ยังทำให้ ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ใครในพรีเมียร์ ลีกที่แอนฟิลด์ครบ 1,001 วันพอดี โดยเกมสุดท้ายที่แพ้ในแอนฟิลด์ต้องย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษายน 2017 เป็นเกมที่ คริสตัล พาเลซ บุกเอามาชนะ ลิเวอร์พูล ไป 1-2

4. ลิเวอร์พูล ชนะเกมในบ้านติดต่อกันเป็นนัดที่ 19 โดยที่ผ่านมา แมนฯ ซิตี้ เคยทำสถิติชนะเกมในบ้านติดต่อกัน 20 นัด (มี.ค. 2011 – มี.ค. 2012) และ ลิเวอร์พูล เคยทำสถิติชนะเกมในบ้านติดต่อกัน 21 นัด (ม.ค. – ธ.ค. 1972)

5. เท่านั้นยังไม่พอ ลิเวอร์พูล เดินหน้าสร้างสถิติไม่แพ้ใครในเกมลีกติดต่อกันเป็นนัดที่ 39 โดยเป็นการชนะ 34 เสมอ 5 แพ้ 0 ยิง 92 เสีย 26

6. ชัยชนะเหนือทีมปีศาจแดง เป็นการคุมทีมเก็บชัยชนะนัดที่ 150 จากการลงเตะทุกรายการของเจอร์เก้น คล็อปป์

7. ลิเวอร์พูล สามารถทำประตูทุกเกมที่ลงเตะในพรีเมียร์ ลีกมาติดต่อกันเป็นนัดที่ 31

8. นอกจากนี้ ลิเวอร์พูล ยังเป็นทีมแรกที่เปิดพรีเมียร์ ลีกมา 22 นัดแรกแล้วยิงประตูได้ทุกนัด นับตั้งแต่ที่ อาร์เซน่อล เคยทำสถิติยิงประตูได้ทุกเกมตลอดทั้งซีซั่นและคว้าแชมป์ในฤดูกาล 2001/02

9. ลิเวอร์พูล เก็บได้ถึง 91 จาก 93 คะแนนเต็ม จากการลงเตะพรีเมียร์ ลีก 31 นัดล่าสุด โดยเป็นการชนะ 30 เสมอ 1 แพ้ 0

10. ลิเวอร์พูล เป็นทีมแรกในรอบ 10 ปีที่เก็บคลีทชีทในพรีเมียร์ ลีก 7 นัดติดต่อกัน โดยสถิติคลีทชีทที่ยาวนานที่สุดเป็นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ไม่เสียประตูติดต่อกันถึง 14 เกมซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเดือนพ.ย 2008 – ก.พ. 2009

11. โดย 7 เกมที่ ลิเวอร์พูล เก็บคลีทชีทได้ติดต่อกันไล่ไปตั้งแต่ ชนะ บอร์นมัธ 0-3, ชนะ วัตฟอร์ด 2-0, ชนะ เลสเตอร์ 0-4, ชนะ วูล์ฟส์ 1-0, ชนะ เชฟฯ ยูไนเต็ด 2-0, ชนะ สเปอร์ส 0-1 และชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-0

12. เท่ากับว่าตอนนี้ ลิเวอร์พูล ไม่เสียประตูในพรีเมียร์ ลีกมาแล้วเป็นเวลา 11 ชั่วโมง กับอีก 15 นาที โดยลูกสุดท้ายที่เสียเกิดขึ้นในเกมกับเอฟเวอร์ตันจากประตูของ ริชาร์ลิสัน ในนาทีที่ 45+3

13. นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล อลิสซอน เบ็คเกอร์ เก็บคลีทชีทไปแล้วทั้งหมด 28 นัด เสียไปแค่ 27 ประตู และล่าสุดเขาทำ 1 แอสซิสต์ด้วยในเกมเอาชนะแมนฯ ยูไนเต็ด

14. ซึ่งนั่นทำให้ อลิสซอน กลายเป็นผู้รักษาประตูลิเวอร์พูลคนที่สองที่ทำแอสซิสต์ให้เพื่อนยิงประตูได้เกมพรีเมียร์ ลีก โดยคนแรกคือ เปเป้ เรน่า ที่เคยเปิดบอลให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ยิงประตูในเกมพบกับซันเดอร์แลนด์ เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2010

15. นับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วเป็นต้นมา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ คือนักเตะที่ทำแอสซิสต์มากที่สุดในพรีเมียร์ ลีก โดยทำไปแล้ว 21 แอสซิสต์

16. หากนับเฉพาะในฤดูกาลนี้ เทรนท์ ทำไป 9 แอสซิสต์ เป็นรองเพียงเควิน เดอ บรอยน์ ที่ทำไปแล้ว 14 แอสซิสต์ (อย่าลืมนะว่า เทรนท์ เป็นแบ็คขวา)

17. และถ้านับแค่ 9 เกมล่าสุดในพรีเมียร์ ลีก เทรนท์ ทำไปแล้ว 6 แอสซิสต์ กับอีก 1 ประตู

18. ตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วเป็นต้นมา เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค คือกองหลังที่ทำประตูได้มากที่สุดในพรีเมียร์ ลีก โดยเขาทำประตูไปแล้วทั้งหมด 8 ลูก

19. ประตู 2-0 ของ โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ ในเกมนี้ทำให้เขายิงประตูใส่คู่แข่งที่เผชิญหน้ากับ ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ ลีกไปแล้ว 23 ทีมจากทั้งหมด 25 ทีม โดยสองทีมที่ ซาล่าห์ ยิงประตูไม่ได้คือ สวอนซี และ แอสตัน วิลล่า

20. นอกจากนั้น ซาล่าห์ ยังยิงประตูในพรีเมียร์ ลีกให้กับ ลิเวอร์พูล เท่ากับที่ เฟร์นานโด ตอร์เรส ทำได้แล้วเป็นที่เรียบร้อย โดย ซาล่าห์ ยิงไป 65 ประตู จากการลงสนาม 93 นัด ส่วนตอร์เรส ยิงไป 65 ประตู จากการลงสนาม 102 นัด