หลังจากที่ Apple ได้จัดกิจกรรมเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่เมื่อช่วงวันอังคารที่ผ่านมา งานนี้นับว่าสร้างความแปลกใจให้แก่ใครหลาย ๆ คนกับการพัฒนาของ Apple แบบก้าวกระโดดในเรื่องของ MacBook ที่ปล่อยรุ่นใหม่ออกมาตามคอนเซ็ปต์ที่ทาง Apple วางไว้ว่า “พลังสุดแรงเพื่อมือโปร” ซึ่งนอกจาก MacBook รุ่นใหม่ที่ปล่อยออกมาแล้ว ภายในอีเวนต์ยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ทาง Apple ปล่อยออกมาให้คนได้ชมกัน สำหรับใครที่พลาดงานเปิดตัวไม่ต้องเสียใจไปนะคะ วันนี้ BSITE รวบรวมมาให้ทุกท่านอ่านอย่างจุใจเลยค่ะ

การกลับมาของ MacBook Pro ที่ทรงพลังยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ด้วยการดีไซน์แบบปรับใหม่ทั้งหมด
ไฮไลท์ในอีเวนต์ของ Apple ช่วงเดือนตุลาคมปี 2564 นี้คงหนีไม่พ้นการเปิดตัวโน้ตบุ๊กของ Apple อย่าง MacBook Pro ที่เปิดตัวมา 2 รุ่นได้แก่รุ่นหน้าจอ 14 นิ้ว และรุ่นหน้าจอ 16 นิ้ว โดย MacBook Pro รุ่นนี้ได้มีการออกแบบตัวเครื่องใหม่เช่น การตัดทัชบาร์ออกแล้วแทนที่ด้วยปุ่มฟังก์ชั่นแบบเต็มขนาด รวมถึงใส่ปุ่ม Touch ID ที่เป็นทรงกลมคล้าย Magic keyboard มาให้อีกด้วย นอกจากนี้ทาง Apple ยังนำพอร์ตเชื่อมต่อทั้งหลายที่เคยตัดไปในรุ่นก่อน ๆ เช่น Thunderbolt 4, ช่องเสียบการ์ด SDXC, พอร์ต HDMI และ ช่องชาร์จแบบ MagSafe กลับมาใส่ใน MacBook Pro นี้ซึ่งราคาเปิดตัวทั้ง 2 รุ่นได้แก่รุ่นหน้าจอ 14 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 73,900 บาท และรุ่นหน้าจอ 16 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 89,900 บาทค่ะ ทำให้สาวกแบรนด์นี้มองว่าราคาสูงมากเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น แต่บางส่วนก็มองว่าราคาคุ้มค่าต่อการใช้งานมาก ๆ เนื่องจากความเร็วของระบบและฮาร์ดแวร์ที่ติดกับเครื่องมานั้นดีจนไม่รู้สึกเสียดายถ้าจะซื้อมาใช้งาน

หน้าจอ MacBook Pro รอบนี้มีรอยบากแบบ iPhone
เรียกว่าทำเอาสาวก Apple ที่ใช้ MacBook อึ้งไปตาม ๆ กันกับการนำรอยบากที่ปรากฏใน iPhone มาใส่ในหน้าจอของ MacBook Pro รุ่นล่าสุดซึ่งทำให้สาวกบางคนเกิดอาการงงและอยากทราบถึงเหตุผลของการใส่รอยบากมาใน MacBook Pro แต่อย่างไรก็ตาม แม้มีรอยบากก็ไม่เป็นปัญหาต่อการใช้กล้องหน้าสำหรับ Video Call หรือ Webinar เพราะทาง Apple ได้ใส่กล้องหน้าหรือกล้อง FaceTime HD ความละเอียด 1080p พร้อมกับลำโพง 6 ตัวและชุดไมโครโฟนแบบสตูดิโอเพื่อให้ภาพและเสียงของผู้ใช้คมชัดมากยิ่งขึ้น

เปิดตัวชิปใหม่ที่ทรงพลังเหนือกว่ารุ่นอื่น ๆ
ทาง Apple ไม่เพียงแต่จะเปิดตัว MacBook Pro เท่านั้นแต่ยังเปิดตัวชิปประมวลผลรุ่นใหม่อย่าง “M1 Pro และ M1 Max” ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพเครื่อง MacBook Pro ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งทางด้านกราฟิก โปรดักชั่นสำหรับงานวีดีโอ การประมวลผลข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงการจัดการไฟล์เอกสารที่มีขนาดใหญ่มหึมา ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย ไม่มีติดขัด ซึ่งหลังจากเปิดตัวชิปรุ่นนี้แล้ว สาวกทั้งหลายต่างคาดว่าโน้ตบุ๊กรุ่นอื่น ๆ ในอนาคตต้องมาพร้อมกับชิปตัวนี้แน่ ๆ

นำเทคโนโลยีจาก iPad สู่ MacBook Pro ด้วยหน้าจอแบบ Mini-LED
นอกจากตัวชิป M1 Pro และ M1 Max ที่ทรงพลังแล้ว Apple ก็ยังพัฒนา MacBook Pro ให้ทรงพลังไปพร้อมกับชิปตัวเก่งด้วยการนำเทคโนโลยีจอแสดงผลแบบ Mini-LED ใน iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้วมาใช้ในเครื่อง MacBook Pro รุ่นล่าสุดนี้ด้วย โดยทาง Apple เคลมเทคโนโลยีจอที่นำมาใส่นี้ว่าเป็นจอภาพที่ดีที่สุดสำหรับโน้ตบุ๊กในยุคนี้ เนื่องจากจอ Mini-LED มีอัตราส่วนคอนทราสต์หนึ่งล้านต่อหนึ่ง ทำให้ภาพสวยเนียนตา สีคมชัดจัดเต็ม และหน้าจอ Mini-LED ยังมีความสว่างต่อเนื่องที่ 1,000 นิต ปรับสูงสุดได้ 1,600 นิต อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Pro-Motion ที่มีอัตรารีเฟรชเรตสูงสุด 120 Hz ซึ่งตัว Pro-Motion นี้จะทำให้ภาพบนหน้าจอขนาดเคลื่อนไหวนั้นเป็นไปอย่างไหลลื่นและตอบสนองต่อการใช้งานตั้งแต่ท่องเว็บไซต์ เล่นเกม ไปจนถึงตัดต่อวีดีโอ แถมยังลดการใช้พลังงาน เรียกได้ว่าจอสว่าง คมชัด ไม่ต้องกลัวแบตเตอรี่หมดเลยค่ะ

การกลับมาของช่องชาร์จไวอย่าง MagSafe
การกลับมาของช่องชาร์จไวอย่าง MagSafe ใน MacBook Pro รุ่นใหม่ล่าสุด ต้องไม่กลับมาธรรมดาแน่ ๆ เพราะทาง Apple พัฒนา MagSafe แบบใหม่ให้รองรับการจ่ายไฟแบบเป็นระบบและเชื่อมต่อระหว่างสายกับตัวเครื่องได้ง่ายขึ้นพร้อมทั้งปกป้องตัวเครื่อง MacBook Pro จากอันตรายที่เกิดจากการชาร์จไฟอีกด้วย นอกจากนี้การชาร์จแบบ Magsafe ยังรองรับ Fast Charge ที่สามารถชาร์จ 50% ได้ ภายในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น เรียกได้ว่า MacBook Pro กลับมาครั้งนี้ ทรงพลังไม่เหมือนใครจริง ๆ ค่ะ

เปิดตัว AirPods รุ่นที่ 3 
หลังจากที่เปิดตัวโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่อย่าง MacBook Pro แล้ว ทาง Apple ยังขนผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างหูฟังบลูทูธ มาเปิดตัวในอีเวนต์นี้อีกด้วย โดย AirPods รุ่นใหม่มีชื่อว่า “Airpods รุ่นที่ 3” ด้วยคอนเซ็ปต์ “จังหวะใหม่แห่งความมหัศจรรย์” ซึ่ง AirPods รุ่นที่ 3 นี้ดีไซน์คล้าย Airpods Pro ที่ปล่อยออกมาก่อนหน้า แต่ทาง Apple นำนวัตกรรมใหม่ ๆ เกี่ยวกับหูฟังบลูทูธในเรื่องของเสียงและฟังก์ชั่นต่าง ๆ ใส่เข้าไปด้วยเช่น ในเรื่องของระบบเสียง Airpods รุ่นที่ 3 มีไดร์เวอร์ตัวใหม่ที่ให้เสียงเบสแบบทรงพลัง เสียงสูงแบบคมชัดและใส มาพร้อมกับระบบ EQ แบบปรับเองได้ที่จะปรับเสียงให้เข้ากับหูของเราแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังมีตัวไมค์ที่หันหาตัวผู้ใช้และหุ้มด้วยตาข่ายอะคูสติกเพื่อช่วยลดเสียงรบกวนจากลม ซึ่งรับรองได้เลยค่ะว่าเสียงคมชัดทั้งเสียงที่ออกมาจากหูฟังและเสียงที่เข้าไปในไมค์ของหูฟังแน่นอน ส่วนในเรื่องของตัวหูฟังและเคสชาร์จ Airpods รุ่นที่ 3 นี้ ผู้ใช้สามารถควบคุมระบบเสียงได้ง่าย ๆ เพียงแค่สัมผัสที่ก้านหูฟังแถมยังให้ผู้ใช้เพลิดเพลินกับเสียงอย่างยาวนานด้วยแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานถึง 6 ชั่วโมงและตัวเคสยังสามารถวางชาร์จไว้บนที่ชาร์จแบบ MagSafe ไร้สายได้อีกด้วย ส่วนใครที่เป็นสายลุยและสายออกกำลังกาย พูดได้เลยค่ะว่า Airpods รุ่นที่ 3 ทั้งตัวหูฟังบลูทูธและเคสชาร์จนี้มีความสามารถในการกันน้ำและเหงื่อที่ระดับ IPX4 ดังนั้นไม่ว่าจะลุยฝนหรือออกกำลังกายหนักแค่ไหนก็เอาอยู่ค่ะ

เปิดตัว HomePod mini
นอกจาก MacBook Pro และ Airpods รุ่นที่ 3 แล้ว ทาง Apple ยังเปิดตัว HomePod mini ในสีสันที่สดใส 3 สีใหม่ได้แก่ สีเหลือง สีส้มและสีน้ำเงิน โดยตัว HomePod mini นี้มีขนาดกะทัดรัดด้วยความสูงแค่ 3.3 นิ้วแต่เต็มไปด้วยฟังก์ชั่นมากมายที่เหมาะกับผู้ใช้ iPhone หรือผลิตภัณฑ์ Apple อย่างอื่นมากที่สุด นอกจากจะใช้ดูหนัง ฟังเพลง รับสายแล้ว HomePod mini นี้ยังทำงานร่วมกับ Siri ในการปรับเลือกเพลงและพ็อดคาสท์มาให้เหมาะกับความต้องการของผู้ใช้ พร้อมกับรับคำสั่งให้ Siri จัดการเกี่ยวกับการอ่านข้อความ การแจ้งเตือน โน้ต ปฏิทิน และยังให้สิริช่วยต่อสายหรือรับสายได้อีกด้วย แต่น่าเสียดายนะคะที่ HomePod mini นี้ยังไม่มีจำหน่ายทางการในประเทศไทยค่ะ

Apple Music Voice Plan  
Apple Music Voice เป็นการรวมความสามารถของ Siri เข้ากับแอปพลิเคชันฟังเพลงของ Apple อย่าง Apple Music ให้สามารถทำงานร่วมกันได้ โดยผู้ใช้บริการ Apple Music Voice Plan นี้สามารถฟังเพลงได้โดยไม่ต้องเข้าแอปพลิเคชันด้วยการออกคำสั่งเสียงให้ Siri จัดการหาเพลงให้เราฟังตามช่วงอารมณ์ของผู้ใช้ เรียกได้ว่าล้ำหน้าไปอีกก้าวหนึ่งค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ 8 สิ่งใหม่จากอีเวนต์ของทาง Apple ที่เรานำมาฝากกัน หากท่านใดสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือตัวนวัตกรรมจาก Apple ต่าง ๆ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ apple.com/th/newsroom ได้เลยค่ะ