- Lifestyle
เมื่อ อาร์เซน่อล ยังเป็นได้แค่ “ผู้ท้าชิง” อันดับท๊อปโฟร์
By Sweeper Keeper • on Oct 12, 2018 • 1,573 Views
ในขณะที่ใครต่อใครมัวแต่จับจ้องไปที่ทีมกลุ่มหัวตารางอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี และ ลิเวอร์พูล ซึ่งกำลังขับเคี่ยวกันอย่างสนุกสูสี
มีทีมหนึ่ง (ซึ่งใครหลายคนอาจจะลืมนึกถึงไปแล้ว) กำลังทำผลงานดีวันดีคืน ค่อยๆ เก็บชัยชนะไปทีละนัดสองนัด จนล่าสุดพวกเขาถีบตัวเองขึ้นมาอยู่อันดับสี่ของตารางแล้วเป็นที่เรียบร้อย
ใช่แล้วครับ ทีมที่เราหมายถึงก็คือ…
อาร์เซน่อล
หลังจากเปิดฤดูกาลด้วยการพ่ายแพ้ให้กับทีมเต็งแชมป์อย่าง แมนฯซิตี้ และ เชลซี จนต้องจมลงไปอยู่ท้ายตาราง อาร์เซน่อล จัดการ “พลิกนรก” ด้วยการกวาดชัยชนะ 6 นัดรวดในพรีเมียร์ลีก ไล่ไปตั้งแต่ เวสต์แฮม, คาร์ดิฟฟ์, นิวคาสเซิล, เอฟเวอร์ตัน, วัตฟอร์ด และ ฟูแล่ม
เท่านั้นยังไม่พอ ในฟุตบอลถ้วยทั้ง คาราบาว คัพ และ ยูโรป้า คัพ ที่มีโปรแกรมลงเตะอีก 3 นัด พวกเขาก็เก็บชัยชนะได้ทั้งหมด
พูดง่ายๆ ว่า หลังจากแพ้สองนัดแรกของฤดูกาล อาร์เซน่อล เดินหน้าคว้าชัยชนะในอีก 9 นัดต่อมา
แบบ “เรียบวุธ!”
โดยเฉพาะเกมในพรีเมียร์ลีกที่บอกไปข้างต้นแล้วว่า 6 นัดล่าสุด พวกเขาชนะรวดเก็บ 18 คะแนนเต็ม ซึ่งทำให้ตอนนี้ อาร์เซน่อล กระโดดขึ้นมาอยู่ที่สี่ มีคะแนนตามหลังสามทีมหัวตารางเพียงแค่ 2 แต้มเท่านั้น
ถามว่า เพราะอะไร อาร์เซน่อล ถึงยกระดับตัวเองก้าวขึ้นมาจนถึงจุดนี้ได้ ทั้งๆ ที่พวกเขาออกสตาร์ทด้วยฟอร์มการเล่นที่หลายคนดูแล้วพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “น่าเป็นห่วง”
คำตอบก็คือ อูไน เอเมรี่ กุนซือทีมปืนใหญ่ น่าจะรู้จักทีมของเขาดีขึ้นแล้วตอนนี้ อธิบายให้ง่ายกว่านั้นก็คือ เอเมรี่ เริ่มรู้แล้วว่าจะใช้งานนักเตะที่เขามีให้เกิดประโยชน์กับทีมมากที่สุดได้ยังไง
ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนที่สุดเลยก็คือ กรณีของ ลากาแซตต์ และ โอบาเมยอง ที่เปิดซีซั่นมาดูเหมือนว่า เอเมรี่ ต้องการเลือกใช้แค่คนใดคนหนึ่งเป็นตัวจริงลงสนามเท่านั้น
จนกระทั่งหลังเกมที่พวกเขาแพ้คาบ้านให้กับแชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบหมดรูป โอบาเมยอง ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากให้ เอเมรี่ ส่ง ลากาแซตต์ ลงมาเล่นคู่กับเขาในแดนหน้า แทนที่จะเลือกส่งแค่คนใดคนหนึ่งลงสนาม
ซึ่ง เอเมรี่ ก็จัดให้ตามคำขอในอีกสองเกมถัดมาที่พวกเขาบุกไปเฉือน คาร์ดิฟฟ์ ถึงถิ่น 3-2 โดย โอบาเมยอง และ ลากาแซตต์ ประสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมนี้ แถมยังมีชื่อเป็นคนทำประตูคนละลูกอีกด้วย
จากนั้น อดีตกุนซือเปแอสเช ก็ชักติดใจ เขาส่งดูโอคู่นี้ลงสนามพร้อมกันในอีกสามนัดต่อมาที่พบกับ นิวคาสเซิล, เอฟเวอร์ตัน และวัตฟอร์ด ซึ่งทั้งคู่ก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ เดอะ กันเนอร์ส เก็บชัยชนะต่อเนื่องมาได้ทุกเกม
แม้ในนัดล่าสุดที่ อาร์เซน่อล บุกไปสอนบอล ฟูแล่ม 5-1 ในเกมลอนดอน ดาร์บี้แม็ตช์ ลากาแซตต์ และ โอบาเมยอง จะไม่ได้ลงสนามพร้อมกันก็ตาม (ลากาแซตต์ ลงเป็นตัวจริง ส่วน โอบาเมยอง ถูกเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองในครึ่งหลัง) แต่ทั้งคู่ก็ช่วยกันยิงให้ทีมคนละสองประตูในเกมนี้
ด้วยผลงานที่ดีขึ้นตามลำดับ แสดงให้เห็นว่า อูไน เอเมรี่ สามารถปรับจูนให้นักเตะในทีมเข้าใจถึงระบบการเล่นที่เขาวางไว้ได้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เกมรุก” ที่ตอนนี้พวกเขากระหน่ำไปถึง 19 ประตู จากการลงเล่น 8 นัด เป็นรองแค่ แมนฯซิตี้ จ่าฝูงที่ยิงไปแล้วทั้งหมด 21 ประตู
ถามต่อว่า ด้วยฟอร์มอันร้อนแรง ชนะในพรีเมียร์ ลีก 6 นัดรวด แถมยิงประตูคู่แข่งถล่มทลายแบบนี้
อาร์เซน่อล ดีพอจะลุ้นแชมป์ฤดูกาลนี้กับเขาได้มั้ย?
จริงอยู่ที่ว่า ตอนนี้ อาร์เซน่อล ยิ่งเล่นก็ยิ่งดู “ลงตัว” ขึ้นเรื่อยๆ แต่ปัญหาหนักที่พวกเขาต้องแก้ให้ได้โดยเร่งด่วนก่อนที่จะคิดไปลุ้นแชมป์ก็คือ “เกมรับ”
ในขณะที่ ทีมลุ้นแชมป์อย่าง เชลซี เสียไปเพียง 5 ประตู (เฉลี่ย 0.62 ลูกต่อเกม) ส่วน แมนฯซิตี้ และ ลิเวอร์พูล เพิ่งเสียไปแค่ทีมละ 3 ประตู (เฉลี่ย 0.37 ลูกต่อเกม)
แต่ อาร์เซน่อล กลับเสียประตูไปแล้วถึง 10 ลูก จากการลงเตะไป 8 เกม ซึ่งเท่ากับว่าเฉลี่ยแล้วพวกเขาจะเสียประตูถึง 1.25 ลูกต่อเกมเลยทีเดียว
นั่นหมายความว่า ต่อให้ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ อาร์เซน่อล ก็พร้อมที่จะเสียประตูให้คู่แข่งทุกเกมเช่นกัน
ยิ่งถ้าเกิดพวกเขาไปเจอทีมที่มีเกมรุกโหดๆ โดยเฉพาะทีมในท๊อป 6 ด้วยกัน แฟนๆ อาร์เซน่อล คิดว่ากองหลังที่ “ฝากผีฝากไข้” อะไรไม่ค่อยได้อย่าง ชโครดาน มุสตาฟี่, ร็อบ โฮลดิ้ง, โซคราติส หรือแม้กระทั่ง โลร็องต์ กอสเซียลนี่ จะเอาอยู่มั้ย?
เพราะฉะนั้น หากยังแก้ปัญหา “เกมรับ” ตรงนี้ไม่ได้ อาร์เซน่อล ก็ยังไม่ดีพอที่จะเป็นก้าวขึ้นไปเป็นทีมลุ้นแชมป์
เต็มที่น่าจะเป็นได้แค่ “ผู้ท้าชิง” ที่จะแย่งพื้นที่ท๊อป 4 เท่านั้น!
เก็บตก 7 ประเด็น หลังเกม อาร์เซน่อล บุกถล่ม ฟูแล่ม 5-1
1. อาร์เซน่อล เป็นทีมที่สามารถเก็บชัยชนะในเกมลอนดอน ดาร์บี้ได้มากที่สุด โดยพวกเขาสามารถคว้าชัยชนะได้ถึง 124 นัด จาก 241 เกม (คิดเป็น 51.5 เปอร์เซ็นต์) ขณะที่ ฟุแล่ม เป็นทีมที่เก็บชัยชนะในเกมลอนดอน ดาร์บี้ได้น้อยที่สุด โดยพวกเขาเอาชนะได้เพียง 25 นัด จาก 121 เกม (คิดเป็น 20.7 เปอร์เซ็นต์)
2. อาร์เซน่อล สามารถคว้าชัยชนะ 9 นัดติดต่อกันในการลงเตะทุกรายการได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2015 โดยชัยชนะ 4 จาก 9 นัด เป็นการคว้าชัยได้ในเกมที่เล่นนอกบ้านซะด้วย
3. ฟูแล่ม เก็บได้เพียง 5 แต้มจากการลงเล่นไปแล้ว 8 นัด ซึ่งถือเป็นการเก็บแต้มได้น้อยที่สุดของพวกเขา โดย ฟูแล่ม เคยเก็บได้แค่ 5 แต้ม จากการลงเตะ 8 นัดมาแล้วก่อนหน้านี้ในฤดูกาล 2005/06
4. ฟูแล่ม กลายเป็นทีมเดียวของพรีเมียร์ ลีกในตอนนี้ที่ยังเก็บคลีทชีทไม่ได้เลย แถมยังเสียประตูไปแล้วถึง 21 ลูก ซึ่งทำให้พวกเขากลายเป็นทีมที่เสียประตูมากที่สุดในลีกหลังจากผ่านการลงเตะไปแล้ว 8 นัด
5. อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ ศูนย์หน้า อาร์เซน่อล (ซึ่งยิงคนเดียว 2 ลูกในเกมนี้) มีส่วนร่วมโดยตรงกับการทำให้ทีมได้ประตูถึง 6 ลูก จากการลงสนาม 5 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ ลีก โดยเป็นการยิงเอง 4 ลูก และส่งให้เพื่อนยิงอีก 2 ลูก
6. ในขณะที่ ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมยอง (ซึ่งยิงคนเดียว 2 ลูกในเกมนี้เช่นกัน) กลายเป็นนักเตะที่มีส่วนร่วมในการทำประตูให้กับ อาร์เซน่อล มากที่สุดในปี 2018 โดยเขายิงไปแล้วทั้งหมด 16 ลูก และส่งให้เพื่อนยิงไปอีก 5 ประตู
7. อารอน แรมซี่ย์ ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาในครึ่งหลังและใช้เวลาเพียง 39 วินาทีในการทำประตูที่สามให้กับทีมในเกมนี้ กลายเป็นนักเตะตัวสำรองของ อาร์เซน่อล ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามมาแล้วทำประตูได้เร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2007
เครดิตภาพ : www.arsenaltruefans.com, www.arsenal.com
ABOUT THE AUTHOR
Sweeper Keeper
แม้ก่อนหน้านี้จะเคยผ่านงานเขียนบทความเกี่ยวกับ หนัง และ เพลง มาพอสมควร แต่ด้วยความที่ชอบดูฟุตบอลลีกอังกฤษ และมี ลิเวอร์พูล เป็นทีมโปรดในดวงใจ เขาจึงขอโอกาสมาแบ่งปันมุมมองด้านลูกหนังให้ได้อ่านกันบ้าง