Dior แบรนด์ไอโคนิค ลักซ์ชูรี่ ที่มีสตอรี่ตำนานเก่าแก่มากมาย ซึ่งแม้ว่าคนไทยจะคุ้นเคยแบรนด์นี้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่คนไทยยังไม่รู้จัก ดังเช่นที่มาของการกำเนิดกระเป๋า Lady Dior

 

ตำนาน Lady Dior

กระเป๋าที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 1995 โดยสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของฝรั่งเศสได้ถวายเป็นของกำนัลให้ “เจ้าหญิงไดอาน่า แห่งเวลส์” ซึ่งพระองค์เป็นที่รักและเคารพของประชาชนชาวฝรั่งเศสเป็นยิ่งนัก โดยเมื่อครั้งที่เสด็จมาเปิดนิทรรศการเซซานน์ (The Cezanne Exibition) ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ซึ่งพระองค์ทรงใช้กระเป๋าใบนั้นคู่พระวรกายไปด้วยทุกที่และทรงสั่งแบบละหนึ่งใบ

 

นอกจากนี้ ซิกเนเจอร์สำคัญคือ ลวดลายการเย็บแบบเดินเส้นโชว์ตะเข็บด้วยลายคานนาจ (Canaage) ห่วงโซ่ทองเชื่อมตัวกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าให้เข้ากับหูจับทรงโค้งมน และตัวอักษรสีทองที่ห้องประดับอยู่นั้น ล้วนเป็นการรำลึกถึงความรักในสิ่งนำโชคของคริสเตียน ดิออร์ สิ่งเหล่านี้ได้รับการสร้างสรรค์ให้เป็นแอคเซสเซอรี่ที่เป็นดั่งสัญลักษณ์มากกว่า 20 ปี วัสดุหนังและหนักเอ็กโซติก ความสง่างามอันเป็นที่สุดและสไตล์งานแบบกูตูร์ของกระเป๋า Lady Dior ทำให้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

 

มากไปกว่านั้น กระเป๋า Lady Dior เป็นตำนานที่มีความทันสมัย สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินที่มีชื่อเสียงทั่วโลกได้ ไม่ว่าจะเป็นศิลปินผู้ถ่ายภาพ ศิลปินทัศนศิลป์ ศิลปินผู้สร้างงานวิดีทัศน์ แม้แต่ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังได้นำเอาเรื่องราวอันลึกลับของ Lady Dior ไปยังเมืองหลวงต่างๆ ทั่วโลก ดังนั้น กระเป๋ารุ่นนี้จึงเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของแฟชั่นเฮาส์ดิออร์ เพราะก่อนที่คริสเตียน ดิออร์ จะผันตัวมาเป็นกูตูริเยร์หรือช่างตัดเสื้อ เขาเป็นเจ้าของแกลเลอรี่ผู้ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจและเปี่ยมด้วยความรู้ ที่กรุงปารีส คริสเตียน ดิออร์ เป็นคนแรกที่เสนอผลงานของคาลเดอร์ (Caldeer) ดาลี (Dali) มีโร (Miro) และเจียโคเมตตี (Giacometti) รวมถึงปิกัสโซ่ (Picasso) ดูฟี่ (Dufy) เอิร์นส์ (Ernst) เคล (Klee) ซึ่งหนึ่งในลูกค้าคนสำคัญของเขาคือเกอร์ทรูด สไตน์ (Gertrude Stein) ชายหนุ่มผู้ใฝ่ฝันที่จะได้เข้าเรียนในโรงเรียนศิลปะและสนิทกับบรรดาศิลปินตลอดชั่วชีวิตของเขา ความรักอันเปี่ยมล้นในศิลปะประจักษ์อยู่ในหัวใจของงานดีไซน์จากฝีมือของเมอซิเออร์ ดิออร์ (Monsieur Dior) และเหล่าผู้สืบทอด

 

และวันนี้เป็นเรื่องน่ายินดีมากที่ Dior ได้มาเปิดบูติคแห่งใหม่ที่ Iconsiam แต่ที่พิเศษกว่านั้น ยังได้จัดนิทรรศการศิลปะ อยู่ที่ชั้น 1 โซน Iconluxe เป็นการนำเสนอผลงานศิลปะที่ผ่านการเลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นงานภาพถ่ายและงานปะติมากรรม หลายผลงานสร้างสรรค์โดยศิลปินผู้มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เช่น โอลิมเปีย สแกร์รีย์ (Olympia Scarry) โคเฮอิ นะวะ (Kohoei Nawa) รัน ฮวัง (Ren Hwang) โซฟี เซนอน (Sophie Zenon) และประติมากรไทย ผู้มีชื่อเสียงคือ คุณรัตนา สาลี และช่างภาพ กรกฤช เจียรพินิจนันท์ ร่วมกันตีความโปรเจ็คต์ Lady Dior As seen By ด้วยการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะขึ้นมาเป็นครั้งแรก ผลงานศิลปะอันดีเยี่ยมเหล่านี้ล้วนเป็นการสร้างเสริญต่อความเป็นเอกลักษณ์อันมีสไตล์ของดิออร์

 

ทั้งนี้ Bsite.In จะพาคุณชมนิทรรศการทางศิลปะที่มีกระเป๋าไอโคนิค อย่าง Lady Dior เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นต่างๆ ภายใต้ชื่องานนิทรรศการว่า Lady Dior As Seen By

 

กระเป๋า Lady Dior ที่มีการนำผงแม่เหล็กมาผสมผสานเป็นงานศิลปะ ที่ต้องการสื่อถึงความสวยงามและตวามแข็งแกร่งของเหล็กไปพร้อมกัน

 

กระเป๋า Lady Dior ที่มีแนวคิดนำหลอดไฟนีออนที่เป็นเครื่องดักยุงมาผสมผสานใส่ในกระเป๋าสุดหรู สื่อถึงการใช้ชีวิตเรียบง่ายที่มียุงมีแมลง แต่มีความหรูหราของกระเป๋ามาผสมผสานได้อย่างลงตัว ชื่อผลงานว่า Iron, Neon Light

 

กระเป๋า Lady Dior สีเขียวที่ศิลปินต้องการสื่อถึงธรรมชาติและพันธุ์ไม้ โดยที่มีการใช้พวงกุญแจเป็นรูปเมล็ดพันธุ์ เพื่อสื่อถึงการเติบโตไม่มีที่สุดสุดของแบรนด์

 

ผงอิฐ ที่ถูกนำมาปั้นเป็นรูปทรงกระเป๋า Lady Dior เน้นลาย Cannage อันเป็นสัญลักษณ์โดดเด่นสำคัญของกระเป๋ารุ่นนี้

 

กระเป๋าสีดำทอง ที่สื่อถึงความเก่าแก่แต่ทรงคุณค่า ทำจากชาโคลและกระดาษสีทอง ศิลปินสื่อถึงตำนานที่เก่าแก่ของแบรนด์และสีทองที่เป็นความลักซ์ชัวรี่และทรงพลัง ดั่งแบรนด์ Dior ที่ไม่มีวันตาย

 

กระเป๋า Lady Dior ที่มีปีกเหมือนบินได้ใบนี้ เป็นไอเดียของศิลปินจากฮ่องกง ที่นำเอากรงนกไม้ไผ่แบบโบราณของฮ่องกงมาสร้างสรรค์ผสมกับรูปแบบของกระเป๋า

 

กระเป๋า Lady Dior ที่นำเนื้อยางมาสร้างเป็นงานศิลปะ ซึ่งสามารถมองได้ถึง 2 แบบ นั่นคือ กระเป๋ากำลังละลายและกระเป๋ากำลังถูกชุบคืนขึ้นใหม่ เปรียบเป็นแบรนด์ Dior ที่อาจจะมียุคหนึ่งที่จางไปบ้าง แต่ไม่นานก็จะกลับฟื้นคืนมาได้อีกครั้ง อย่างไม่มีวันตาย เป็นแบรนด์ที่มีความเป็นอมตะ

 

ไม่น่าเชื่อว่ากระเป๋าที่ดูอ่อนนุ่มใบนี้แมททีเรียลคือ ซีเมนต์ แต่ก็ผสมผสานทั้งเหล็กและแก้วด้วย เป็นไอเดียที่ต้องการทำให้กระเป๋าดูเหมือนโครงสร้างตึก มีความคอนทราสต์ที่ศิลปินต้องการนำมาสื่อถึงกระเป๋า Lady Dior ที่มีทั้งความเปราะบางของกระจก สวยงามอ่อนหวาน และเข้มแข็งได้ไปพร้อมกัน

 

กระเป๋า Lady Dior สีน้ำเงินสด ที่อยู่ในกรอบเหล็กสแตนเลส ซึ่งทำให้เราสามารถมองกระเป๋าได้ในทุกมุมมองใหม่ ไม่ว่าจะอยู่ตรงซอกมุมไหน สื่อถึงการเปิดมิติใหม่ๆ ของการมองกระเป๋า

 

กระเป๋า Lady Dior ในรูปแบบภาพ 2 มิติ วางลงบนแผ่นเหล็กไวนีลที่ตัดออกมาเหมือนแผ่นน้ำไหล ศิลปินต้องการสื่อถงการพรางตาคนดูว่าจริงๆ แล้วคืออะไรกันแน่ของแข็งหรือของเหลว และมีมุมมองของกระเป๋าแบบผ่าครึ่ง

 

ไม่น่าเชื่อว่าอีพ็อกซี่ เรซิ่น ก็สามารถปั้นขึ้นเป็นกระเป๋าได้ และดูสวยไปอีกแบบ แต่ที่สร้างสรรค์ออกมาเป็นกระเป๋า Lady Dior ที่ดูเหมือนของเก่า เพราะศิลปินต้องการสื่อถึงความต่ำต้อยของตัวเอง เลยเน้นการทำให้กระเป๋าเหมือนขัดฟอกสีมา

 

อีกหนึ่งปฏิมากรรมที่สื่อถึงจิตวิญญาณอมตะของแบรดน์ Dior ที่ถูกเก็บเอาไวว้ในหิน ผสมผสานกับทัศนียภาพอันโหดร้าย นำมาเผารวมกัน สื่อถึงความโหดร้ายของโลกแต่ก็มีกระเป๋า Lady Dior เป็นความดีงามที่แฝงเอาไว้ แล้วความดีงามนี้ก็ถูกเก็บตลอดไปในโหลแก้ว ในชื่อผลงานว่า Lady Rock

 

กระเป๋า Lady Dior ที่สร้างจากเซรามิกเคลือบทองคำขาว บนลาย Cannage แบบ 3 มิติ โดยเซรามิกคือความแข็งแกร่ง แต่ก็สามารถแตกหักได้ สื่อถึง “ผู้หญิง” ที่แม้ภายนอกจะดูแข็งแกร่ง แต่จริงๆ แล้วก็ซ่อนความอ่อนแออยู่ภายใน

 

โดดเด่นสุดในห้องแสดงก็น่าจะเป็นใบนี้ กระเป๋า Lady Dior ที่นำกระดุมมาปักเป็นต้นผลัมกำลังผลิบาน ซึ่งศิลปินสื่อถึงชีวิตของมนุษย์ที่งดงามเปร่งปลั่งสวยงามดั่งต้นผลัม แต่ก็มีชีวิตที่แสนสั้นเช่นกัน ซึ่งในแต่ละครั้งที่ปักลงไปศิลปินต้องใช้สมาธิขั้นสูงมากกว่าจะได้ออกมาเป็นผลงาน โดยทำสมาธิอยู่ทั้งหมด 25 คั้ง

 

กระเป๋าใบนี้สื่อความหมายได้หนักสุด นั่นก็คือ สื่อถึงสงคราม ด้วยช่วงที่กำเนิดแบรดน์ Dior เป็นช่วงเวลาสงคราม ซึ่งศิลปินต้องการเปรียบเทียบสื่อถึงการปกปิดความจริง และสะท้อนถึงความจริงที่ถูกบิดเบือนเอาไว้ สื่อสารผ่านระเบิดทั้ง 2 ลูกที่อยู่ในกระเป๋า พร้อมกับชี้ชวนให้มองว่างสงครามเป็นเรื่องที่โหดร้ายเราไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงมันได้ แต่สามารถเรียนนรู้มันได้

 

กระเป๋าที่ผสมระหว่างวัสดุ 2 อย่างได้แก่ หนังและอีพ็อกซี่ ไอเดียศิลปินรายนี้แปลก เขาถ่ายทอดผ่านประสบการณ์เมื่อครั้งที่บ้านโดนเฮอร์ริเคนถล่มแล้วเผยให้เห็นข้างในของบ้าน ซึ่งมีความสวยงามในอีกแบบหนึ่ง เขาจึงหยิบไอเดียนี้มาใส่ในกระเป๋า Lady Dior

 

สวยโดดเด่นอีกใบของกระเป๋า Lady Dior ที่ทำจากแก้วทั้งใบ ซึ่งศิลปินนำไอเดียมาจากความคิดของ ศิลปินระดับโลก ปิกัสโซ ที่บอกว่า every act of destruction is an act of creation หมายถึง ทุกๆ การทำลายก็กลายเป็นงานสร้างสรรค์ได้เช่นกัน

 

ชิ้นสุดท้ายเป็นของ ศิลปินไทย “รัตนา สาลี” มาในคอนเซ็ปต์ Modern city, Modern Life นำเสนอความเติบโตทันสมัยของกรุงเทพฯ โดยมีแนวคิดว่าถ้าสร้างสเปซที่เปิดโล่งจะสามารถใส่ความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ที่น่าสนใจลงไปได้ เช่นเดียวกับกระเป๋า Lady Dior ที่สามารถใส่อะไรลงไปได้มากมาย

 

อีกหนึ่งผลงานของไทย แต่เป็นมุมมองจากศิลปินช่างภาพที่ถ่ายทอดผ่านภาพถ่าย 2 จังหวัดของไทย ได้แก่ ตราดและจันทบุรี ช่างภาพท่านนี้ ได้แก่ “กรกฤช เจียรพินิจนันท์” ตั้งชื่อผลงานว่า “นิราศ” โดยภาพดังกล่าวถ่ายจากกล้องฟิล์ม 114 ภาพ แต่ละภาพนั้นคือตัวแทนของอดีตและการหวนรำลึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยและฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศต้นกำเนิดแบรนด์ Dior ซึ่งทั้งสองจังหวัดนี้มีประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่กับฝรั่งเศสมานานตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคม สมัยรัชกาลที่ 5 หลายๆ สิ่งปลูกสร้างยังสะท้อนถึงศิลปะแบบยุโรปที่ผสมผสานกับความเป็นไทยอยู่ด้วย ซึ่งทำให้ทั้งสองจังหวัดน่าสนใจมาก

 

และทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของนิทรรศการ Lady Dior As Seen By ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 ธันวาคม ถึง 20 มกราคม 2562 ตั้งแต่เวลา 11.00 น. – 20.00 น. ที่ชั้น 1 โซน Iconluxe ณ Iconsiam ถ้าใครว่างก็แวะไปชมกันได้ รับรองจะได้แรงบันดาลใจใหม่ๆ กลับมา

Copyright© Bsite.In