ในที่สุดช่วงเวลาที่เหล่าสายเขียวรอคอยก็มาถึง เพราะเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา กัญชาและกัญชงก็ได้รับการปลดล็อคจากการเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 ด้วยความตั้งใจที่จะทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ รวมไปถึงการนำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เป็นหลัก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ความตื่นตัวของภาคประชาชน ที่พากันเข้าไปลงทะเบียนเพื่อยื่นขอปลูกกัญชาอย่างล้นหลาม ในขณะที่ความมหัศจรรย์ก็คือ เมื่อกัญชาถูกปลดล็อคปุ๊ป ต้นของมันก็โตสูงขึ้นปั๊ป งานนี้คงไม่ต้องบอกกันให้มากความว่า ความตื่นเต้นมันมากขนาดไหน เพราะฉะนั้นก่อนที่จะไปหรรษากับมัน เรามาเตือนสติตัวเองกันหน่อยว่า กัญชามันยังมีโทษอยู่นะ…

เว็บไซต์ของ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ได้ระบุโทษของกัญชาเอาไว้อยู่ 7 ข้อด้วยกัน ได้แก่…

• กัญชามีฤทธิ์ในการลดประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ระบบดังกล่าวทำงานได้เสื่อมลง ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ และสามารถติดเชื้อได้ง่าย

• ในผู้เสพบางรายจะเกิดอาการสูญเสียความทรงจำ เกิดความสับสน วิตกกังวล เห็นภาพหลอน เลื่อนลอย จนบางครั้งไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า จะมีความเสี่ยงได้รับผลกระทบนี้มากกว่าคนปกติทั่วไป

• การเสพกัญชาในปริมาณมาก ในระยะเวลานาน จะทำให้ร่างกายเสื่อมโทรม โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้แรงงาน ความคิด และการตัดสินใจ

• กัญชามีโอกาสทำให้ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนลดลง ส่งผลต่อปริมาณอสุจิ และอาจมีผลกระทบต่อสมรรถภาพทางเพศได้

• หากผู้ใช้เป็นหญิงตั้งครรภ์จะมีผลเสียเกิดขึ้นกับทารกด้วย โดยอาจจะทำให้ทารกที่คลอดออกมามีภาวะพิการ หรือความผิดปกติทางร่างกายได้

• การสูบกัญชาเป็นระยะเวลานาน ผลเสียที่ได้รับนั้นแทบไม่ต่างจากการสูบบุหรี่ หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นจะทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดได้

อีกหนึ่งสิ่งที่เราอยากจะให้ทุกคนที่อยากจะกระโดดเข้าสู่แวดวงสายเขียวแบบถูกกฎหมายได้ตระหนักกันอยู่เสมอก็คือ แม้ว่า กัญชาจะถูกปลดล็อคแล้ว แต่มันก็ไม่ได้เสรีถึงขั้นที่จะสามารถทำอะไรก็ได้ เพราะยังคงมีกฎหมายเข้ามาควบคุมดูแลให้การใช้กัญชาไม่ก่อความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นอยู่เช่นกัน โดย…

• หากสูบกัญชาในที่สาธารณะ แล้วก่อให้เกิดความรำคาญจากกลิ่นหรือควัน หรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพแก่ผู้อื่นที่อยู่ใกล้เคียงบริเวณนั้น เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสามารถเข้าระงับและตรวจสอบได้ หากพบว่าผิดจริงและถูกจับกุม จะมีโทษตาม พ.ร.บ. การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 นั่นคือ โทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 25,000 บาท

• หากเสพกัญชาแล้วขับรถ ก็จะมีความผิดตามกฎหมายจราจรเช่นเดียวกัน

• ไม่สามารถสูบกัญชาแบบม้วนที่ไม่มีอากรแสตมป์ของกรมสรรพสามิตได้

• กฎหมายกำหนดการใช้กัญชาให้มีสาร THC ไม่เกิน 0.2% หากเกินจากนี้จะมีโทษตามกฎหมายยาเสพติด

อย่างที่บอกไป แม้ว่าตอนนี้กัญชาและกัญชงจะได้รับการปลดล็อคแล้ว และทุกคนก็คงกำลังตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ ๆ นี้ แต่สิ่งที่เราเป็นห่วงก็คือ อย่าตื่นเต้นกันจนลืมผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้นกับร่างกาย หรือชีวิต ใช้การอย่างมีสติ เหล่าสายเขียวทุกคนจะได้แฮปปี้กันไปยาว ๆ

บรรดาสายเขียวเห็นข่าวนี้แล้วอาจจะเกิดความตื่นเต้นกันขึ้นมา เพราะล่าสุดได้มีผลการวิจัยออกมาสารสกัดจากพืชตระกูลกัญชามีความสามารถในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ แต่ต้องขอบอกก่อนเลยว่าการสูบกัญชายังไม่มีผลการวิจัยในทางการแพทย์ออกมายืนยันว่าช่วยได้ ดังนั้นใครที่เห็นพาดหัวข่าวนี้แล้วอยากจะลุกไปคว้ามาสูบเพื่อป้องกัน ขอบอกเลยว่าคงต้องผิดหวังไปก่อน

---

                โดยผลการวิจัยนี้ออกมาจาก มหาวิทยาลัยออริกอนสเตต และ Oregon Health & Sciences University ที่ได้เผยแพร่ผ่านวารสาร Journal of Natural Products ที่ได้ระบุว่า นักวิจัยได้ใช้เทคนิคในการประเมินสารประกอบจำนวนมากอย่างรวดเร็วในกัญชา จนได้สารประกอบออกมา 3 ชนิด ได้แก่ CBG-A, CBD-A และ THC-A แต่ตัวหลังนี้เป็นสารควบคุมจึงไม่สามารถนำมาใช้วิจัยต่อได้

                การค้นพบเจ้า CBG-A และ CBD-A นี้ พวกมันไม่สามารถถูกสร้างขึ้นมาได้จากกระบวนการสูบ หรือวิธีการทั่ว ๆ ไป แต่จะต้องเป็นการสกัดและสามารถค้นพบได้ในบริเวณลำต้นของกัญชงเท่านั้น โดยทีมงานได้ทำการฟักเจ้าไวรัสลงไปพร้อมกับสารสกัดดังกล่าว ทิ้งไว้เป็นเวลาประมาณ 24 ชั่วโมง ก่อนจะนำไปฉีดลงบนเซลล์เยื่อบุผิวของมนุษย์ นั่นทำให้พวกเขาค้นพบว่ามันสามารถขัดขวางการแพร่เชื่อของเจ้า SARS-COV-2 RNA หรือเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ นอกจากนี้แล้วพวกเขายังนำไปทดสอบกับไวรัสสายพันธุ์อื่น ๆ ทั้ง สายพันธุ์อัลฟ่า และเดลต้า ก็ค้นพบว่ามันได้ผลแบบเดียวกัน

                นอกจากนี้แล้วงานวิจัยยังเปิดเผยต่อไปอีกว่า การที่จะสามารถใช้สารสกัดจากกัญชาที่ว่าไปข้างต้นมาเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 ได้นั้นจะต้องใช้ในปริมาณสูง และมีความเข้มข้นสูงมาก ซึ่งอาจจะมาในรูปของยาเม็ด หรือของเหลว ซึ่งเจ้าสารสกัด CBG-A และ CBD-A จะเข้าไปหุ้มหนามโปรตีนของตัวไวรัส ทำให้พวกมันแพร่ต่อไปได้ยากมากขึ้น

อย่างไรก็ตามนี่ยังเป็นแค่การทดลองในช่วงแรกเท่านั้น ยังต้องใช้เวลาในการวิจัยมากกว่านี้ รวมไปถึงการสนับสนุนจากภาครัฐในการปลดล็อคเพื่อให้ทีมวิจัยสามารถพัฒนางานวิจัยของตัวเองต่อไปได้ มารอติดตามกันต่อไปดีกว่า ไม่แน่ว่าในอนาคต สายเขียว อาจจะเป็นทางออกในการเอาชนะเจ้าโควิด-19 นี้ก็ได้

ข้อมูลจาก: Scientists: Cannabis Can Prevent COVID-19 Infection (vice.com)

Marijuana compounds can block coronavirus from entering cells: study (nypost.com)