หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่สืบเชื้อสายจีนแน่นอนว่าสมัยยังเด็กต้องเคยตามอาม่า อากงเข้าศาลเจ้าและคุ้นเคยกับประเพณีแบบจีน วิ่งไปจองที่นั่งแถวหน้าของโรงงิ้ว หรืออุปรากรจีน ในมือหิ้วน้ำซาสี่ดูดพอให้ดับกระหายระหว่างชมการแสดง “กิมฮวย” ผู้เข้าแข่งขันจากรายการ Drag Race Thailand Season2 เองก็ผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาเช่นกัน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเป็น “กิมฮวย” ทุกวันนี้

“จริง ๆ หนูชื่อกิมไซ โตมาในครอบครัวคนจีนแท้ เหล่ากงนั่งเรือสำเภาแบกเสือผืนหมอนใบอพยพมาเมืองไทย ซึมซับวัฒนธรรมจีนมาตลอดอาม่าชอบหนังจีน โดยเฉพาะงิ้วนี่จะพาหนูไปดูตลอดซึ่งตัวเราเองชอบมาก เพราะชุดสวย เครื่องประดับอลังการ เราอินกับงิ้วมากขนาดที่ให้อี้(ป้า)ตัดชุดงิ้วให้เลยนะ ระหว่างดูจะรบเร้าให้อาม่าแปลให้ฟังตลอดเวลา อาม่าก็ไม่ค่อยอยากจะแปลตอนนั้นเพราะยังอินกับงิ้วอยู่ ฮ่า ๆ”

สำหรับโชว์ของเพศที่สาม ส่วนมากเราจะคุ้นชินไปกับนางโชว์ คาบาเร่ต์ หรือการทำโชว์ในบาร์แสงสลัว ซึ่งกิมฮวยก็เล่าให้เราฟังถึงบรรยากาศของโชว์เหล่านี้อย่างออกรสออกชาติ เพราะอยู่จังหวัดชลบุรี มีโอกาสได้ไปดูโชว์ที่พัทยา บ่อย ๆ จนวันหนึ่งก็ได้ก้าวขึ้นไปเป็นโลดแล่นอยู่บนเวทีเสียเอง แน่นอนว่ากิมฮวยหรือว่ากิมไซเลือกเป็นนางโชว์ที่แสดงความเป็นจีน ต้องยอมรับว่าการพรีเซนท์ความเป็นจีนของกิมฮวยแต่ละโชว์นั้นออกมาดีจนเราตะลึง รายละเอียดของวัฒนธรรมจีนถูกวาดผ่านชุด และโชว์ของกิมฮวย

“ต้องใช้คำว่าหลงใหลนะ หนูนั่งดูรายละเอียดของความเป็นจีนทุกจุด ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมจีน ภาพจิตรกรรม วัดจีน ศาลเจ้า หรือพิพิธภัณฑ์ การแห่มังกร อุปรากรจีน ชอบวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมที่ละเอียดอ่อน ลึกซึ้งและมีความหมายแบบจีน พอขึ้นมาเรียนที่กรุงเทพทำให้เรารู้จักคำว่าแดร็ก “เราตื่นเต้นกับมันมากเลยนะเพราะรู้เลยว่านี่คือทางที่แท้จริงของเรา วัฒนธรรมของแดร็กมันเข้ากับจริตของกิมฮวยมาก”

ต้องยอมรับว่าแม้รายการ Drag Race Thailand จะเดินทางมาสู่ซีซั่น 2 แล้ว แต่คำว่า “แดร็ก” ที่กิมฮวยพูดถึงก็ยังฟังดูใหม่สำหรับเราอยู่ดี ทว่าเมื่อได้ลองนั่งชมรายการนี้แบบตั้งใจกลับพบเสน่ห์ของผู้เข้าแข่งขันแต่ละท่านจนต้องติดตามชมแทบทุกตอนของรายการ เพราะทุกคนมีการเล่าเรื่องผ่านคอสตูมของตัวเอง แบ่งปันประสบการณ์ที่ได้พบกระตุกจิตใจให้คิดและทบทวนประเด็นของสังคมภายใต้เสื้อผ้าที่ผู้เข้าแข่งขันสวมใส่ โผเข้าโอบรัดประสาทสัมผัสของผู้ชมแบบเราอย่างเข้มข้น เมื่อเอ่ยถามกิมฮวยถึงการแข่งขันเธอก็ตบเข่าฉาด

“หนูเครียดมากค่ะพี่ พอเข้ามาเป็นผู้เข้าแข่งขันในรายการนี้สิ่งที่ต้องมีที่สุดคือสมอง และสติ เพราะการแข่งขันมันกดดันแล้วเวลาก็มีจำกัด ใน episode ที่หนึ่งและสองโชว์หนูพังมากเลยนะ กว่าจะจับทางรายการถูกก็อยู่เกือบอันดับท้ายๆ ของรายการ เราทำให้กรรมการเห็นในสิ่งที่ไม่คิดว่ากิมฮวยจะทำ ไม่คิดว่าเราจะมาเบอร์นี้ หนูตั้งเป้าว่ายังไงก็ตามผลงานหนูจะไม่อยู่แค่รอดจากการโดนตัดออก แต่จะต้องติดอยู่ในท็อปสามเท่านั้น ไม่ว่ารายการจะจบไปนานแล้วทุกคนจะต้องจดจำหนูได้ ถ้าพูดถึงแดร็กจีนต้องคิดถึงกิมฮวยนะคะ เรายืนหนึ่งในเรื่องนี้”

แน่ล่ะ คงไม่อาจปฏิเสธว่าเมื่อนึกถึงผู้เข้าแข่งขันรายการ Drag Race Thailand Season2 ชื่อของกิมฮวยจะเป็นอันดับต้น ๆ ที่โผล่เข้ามาในความคิด นั่นคงเป็นเพราะเอกลักษณ์ของเธอสร้างการจดจำที่ดีให้กับผู้ชม นับว่าเธอคืออีกหนึ่งผู้เข้าแข่งขันที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก