เป็นงานนิทรรศการใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่หลายคนรอคอย กับงาน CES หรือ Consumer Electronics Show ซึ่งปีนี้มีหลายอย่างน่าสนใจมากมายไม่แพ้กับปีที่ผ่านมาเลย
บนพื้นที่กว่า 2.7 ล้านตารางฟุต คอนเวนชั่น จัดที่ลาสเวกัสเป็นประจำ โดยมีบริษัทที่นำเทคโนโลยีต่างๆ มากมายมาแสดงมากกว่า 1 พันเจ้า พร้อมด้วยนวัตกรรใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนก็นำมาจัดแสดงที่นี่ ลองมาดูสิว่า หลักใหญ่ๆ ของการแสดงเทคโนโลยีในปีนี้ มีอะไรน่าจับตาบ้าง ตามมาจ้า
หุ่นยนต์สารพัดประโยชน์ Useful Robots
เทคโนโลยีหุ่นยังคงเป็นเมนหลักในงานแสดงที่ CES แต่มีลูกเล่นแปลกใหม่ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละปี แต่ส่วนใหญ่ก็จะเน้นการสร้างเทคโนโลยีที่จำเป็นในอนาคตในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยในปีนี้หุ่นยนตร์ส่วนใหญ่ที่จัดแสดงจะเน้นงานช่วยเหลืองานต่างๆ ภายในบ้าน
อย่างเช่น Samsung’s Air Bot เดินไปรอบๆ บ้านและคอยทำความสะอาดแอร์ตามห้องต่างๆ ภายในบ้าน คอยตรวจสอบประสิทธิภาพแอร์ว่ายังทำงานได้ดีอยู่หรือไม่ หรืออีกตัวที่น่าสนใจได้แก่ Ubtech Walker หุ่นยนต์ตัวน้อยที่มีความสูงเพียงแค่ 4.5 ฟุต และสามารถช่วยเหลือเราในการหยิบข้าวของต่างๆ ภายในบ้านได้ นอกจากนี้ ยังมีหุ่นยนต์อื่นๆ อีก อาทิ Temi ที่แม้จะไม่ได้ช่วยหยิบจับสิ่งใด แต่สามารถได้ว่าคุณต้องการสิ่งใด แล้วยังช่วยเปิดวิดีโอคอล หรือเปิดกู้เกิ้ลค้นหาสิ่งที่ต้องการได้
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายบริษัทที่มาแนะนำหุ่นยนต์เพื่อนคู่หู อย่างเช่นตัวต้นแบบของ Samsung’s Bot Care ที่ช่วยในการดูแลคนป่วยหรือผู้สูงอายุในบ้าน ด้วยความสามารถที่เก่งมากขึ้น เช่น เช็คความดันโลหิต เช็คอัตราการเต้นของหัวใจ เป็นต้น หรือ Elli-Q หุ่นยนต์ที่พัฒนาโดย Intuition Robotics ที่ออกแบบมาช่วยผู้สูงอายุ เช่นเตือนเรื่องการานยา พัฒนาศักยภาพในการพูดคุยร่วมกับสมาชิกในครอบครัว เป็นต้น
หรือแม้แต่ร้านค้าอย่าง Amazon Go ก็ยังมีการพัฒนาด้านหุ่นยนต์เช่นกัน โดยหุ่นยนต์ของที่นี่สามารถทำงานเป็นทีมได้ และจัดการดูแลด้านงานบริการให้ลูกค้าได้ด้วย หรือแม้แต่จัดการสต๊อกสินค้าบนเชลฟ์ ทั้งนี้ Softbank’s Pepper คือตัวอย่างคลาสสิคของหุ่นยนต์ช่วยเหลือ
โดยปีนี้ยังมีการแนะนำ Samsung’s Bot Retail ตัวต้นแบบที่มีจอทัชสกรีนใบหน้าได้ สามารถโปรแกรมคำสั่งและข้อมูล ของร้านค้าหรือร้านอาหารต่างๆ ลงไปได้ เพื่อนำส่งลูกค้าถึงโต๊ะ รวมทั้งสามารถเช็คบิลได้อีกด้วย
ภาพ
ทุกอย่างคอนโทรลได้ด้วยเสียง แม้แต่ในห้องส้วม
การสั่งงานด้วยเสียง กำลังเข้ามาเป็นทุกอย่างในชีวิต ตั้งแต่ตู้เย็นไปจนถึงห้องส้วม ทั้งนี้ บริษัท Countless ประกาศว่าพวกเขาได้เพิ่ม Google Assistant และ Alexa ใส่ลงไปในเครื่องสุขภัณฑ์ด้วย เช่นเดียวกับ Kohler ที่แนะนำว่าสามารถใช้งานร่วมกับ Alexa ได้ในสุขภัณฑ์รุ่นใหม่ Numi ที่คุณสามารถควบคุมหลายสิ่งได้ด้วยเสียงเช่น การอุ่นร้อนโถนั่ง, แสงไฟ, สร้างเสียงกลบ ที่สามารถโปรแกรมได้เอง
นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่คุณใช้เสียงสั่งงานสิ่งต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น อุณหภูมิน้ำ, ล็อคประตู, สปีกเกอร์, เครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนตร์, เตาอบ หรือแม้แต่เครื่องซักผ้า
ความ Google ที่อยู่ในทุกอณู
ในช่วง 2 ปีมานี้ แผนมาร์เก็ตติ้งของ Google ก็เข้าสู่ CES มากขึ้น ทั้งนี้ที่ลาสเวกัส ซึ่งมีรถไฟรางและบิลบอรืดมากมายเต็มไปด้วยโฆษณา โดยเป็นโฆษณาของ Google Assistant โดยเป็นความพยายามสร้างความเด่นให้มากกว่า Alexa ของ Amazon
เรียกได้ว่าเป็นความพยายามอย่างที่สุดของการสร้าง Google Assistant ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้น โดยมีไปตั้งแต่โฆษณเอาท์ดอร์ไปจนถึงอินดอร์ โดยดิสเพลย์จะแสดงความสามารถต่างๆ นอกจากนี้ ยังเผยให้เห็นอีกหนึ่งความสามารถที่จำเป็น เช่น การเป็นผู้ช่วยในการสื่อสารผ่าน Google Home โดยเริ่มต้นทำการทดสอลที่โรงแรมก่อน โดยให้ผู้คนพูดต่างภาษากัน ผ่าน Google Assistant เมื่อต้องการเช็คอิน ซึ่งสามารถทำงานได้อย่างดีทีเดียว
นอกจากนี้ Google ยังประกาศความร่วมมือกับ Sonos, Dish Hopper และ Samsung ในเรื่องการเป็นผู้ช่วยด้วยเสียง ซึ่งคาดว่าจะนำเรื่องนี้ลงในดีไวซ์ต่างๆ ได้เพิ่มขึ้นเป็นล้านเลยทีเดียว
อินเตอร์เน็ตที่สามารถเชื่อมโยงกับการออกกำลังกายได้ทุกที่
หนึ่งในโปรดักส์ที่มาแรงของ CES เมื่อปีที่แล้วได้แก่ เทรดมิลล์ Peloton ราคา 4,000 ดอลลาร์ และทำหลายอย่างได้ตามต้องการ ตอนนี้เทรนด์ใหม่ที่แบรนด์ฟิตเนสหลายแห่งต้องการที่นำไฮเทคโนโลยีมาใช้กับเครื่องออกกำลังกายภายในบ้านได้
ทั้งนี้ มีเทรดมิลล์ที่สามารถช่วยช่างน้ำหนักเป็นอุปกรณ์การออกกำลังกายที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมการทำงาน เช่น เครื่องใหม่ของ BowFlex ที่ให้บริการคลาสออนดีมานด์ หรือ เครื่องออกกำลังกาย kettlebell ของ JaxJox ในราคา 349 ดอลลาร์ ที่ติดตามและเซ็ทการเพิ่มกล้ามเนื้อได้ หรือเครื่อง FightCamp อุปกรณ์การออกกำลงกายที่เซ็ทอัปและแทร็กกิ้งการชกผ่านเซ็นเซอร์ได้ หรือแม้แต่นวมไฮเทคที่ติดตั้งเซ็นเซอร์ ฯลฯ เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าเทรนด์การออกกำลังกายที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเริ่มมีความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ
AI ไปทุกที่ แม้แต่ในป่า
AI หรือ Artificial intelligence แทบจะเป็นคำที่เกลื่อนไปทั่ว CES 2019 ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ก็ยังพูดถึงการนำ AI มาผลิตคุณภาพของวิดีโอ หรือบริษัทพัฒนารถไร้คนขับก็ยังสร้าง AI เพื่อมาช่วยในการบอกทิศทางและดูแลด้านความปลอดภัยในการขับรถ แม้แต่ Intel และ Facebook ก็ยังประกาศว่ากำลังทำทีมที่นำ AI มาพัฒนา
แต่หนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจและช่วยแก้ปัญหาได้จริง ก็คือการเข้ามาช่วยปัญหาการรุกรานของสัตว์ป่า ทั้งนี้ Intel ได้เป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับ Resolve และ National Geographic Society กับนวัตกรรมกล้องใหม่ที่ชื่อว่า “TrailGuard AI” ซึ่ง AI จะช่วยในการตรวจจับการรุกรานของสัตว์ป่า เรียกได้ว่าเป็นตัวช่วยสำคัญในการเข้าป่าอย่างอัฟริกาได้เลย โดยเจ้ากล้องตัวนี้จะสามารถแยกแยะได้ถึงความแตกต่างระหว่างใบหน้าของคนกับใบหน้าของสัตว์ ระบบจะทำการแจ้งเตือนเมื่อมันตรวจจับได้ว่าอาจจะสัตว์คุกคามอยู่ ก็จะทำให้เราเตรียมตัวได้เร็วและเทคแอ็คชั่นได้ไว ซึ่งทำให้เราหลีกหนีอันตรายจากสัตว์ป่าได้
ใหญ่ สวยงาม และคุยได้ พบกับ “โทรทัศน์” ยุคใหม่
หลายๆ ครั้งที่งาน CES เป็นเวทีโชว์เคสของเทคโนโลยีโทรทัศน์ ทำให้เราเห็นว่ามีอะไรใหม่ๆ น่าสนใจบ้าง อย่างบูธของ LG เรียกได้ว่าปีนี้เป็นดาวเด่นของงาน โดยนำเสนอนวัตกรรมของหน้าจอที่โค้ง และมีโฆษณาตัวใหม่ให้เอาออกมาให้เห็นกันที่แรก นอกจากนี้ ก็ยังมีการโชว์หน้าจอใหญ่ขนาด 88 นิ้ว ความละเอียด 8K OLED ที่มีพิกเซลล์ที่มากขึ้น
ด้าน Samsung ก็ประกาศว่าได้เพิ่มแอปฯ iTunes ลงไปยังสมาร์ททีวีด้วย พร้อมกับมี HomeKit และ AirPlay 2 ซึ่งทำให้คุณเล่นคอนเทนต์ได้ทั้งดนตรีและภาพยนตร์จากดีไวซ์ของ Apple ได้ดีขึ้น เช่นเดียวกันคือ Vizio และ LG ก็มีฟีเจอร์ซัพพอร์ต AirPlay และ HomeKit เช่นกัน มากไปกว่านั้น Samsung ก็ยังโชว์หน้าจอขนาดใหญ่ม๊ากกกก 129 นิ้ว เวอร์ชั่น The Wall พร้อมกับความละเอียดแบบ MicroLED display โดยให้การแสดงภาพที่สดใสก่าเดิมในขณะที่กินไฟน้อยมาก เรียกได้ว่าปีนี้ในส่วนของทีวีนั้นเป็นการแสดงแสนยานุภาพของหน้าจอกันอย่างเต็มที่
เทคโนโลยีเพื่อผิวพรรณ
เหล่าบริษัทด้านความงามทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Procter & Gamble, L’Oreal และ Neutrogena จริงจังกับเทคโนโลยีความงาม โดยแบรนด์ต่างๆ ก็ออกมาโชว์ออฟแก็ดเจ็ต, แอปพลิเคชั่นความงาม เทคโนโลยีในอนาคตที่จะใช้กับในสโตร์มากมาย
Procter & Gamble ประกาศฟีเจอร์ใหม่ ได้แก่ ที่ปรึกษาทางความงามของ Olay Skin Advisor เป็นเครื่องมือที่จะช่วยบอกผู้ใช้ว่าผิวของคุณนั้นมีอายุเท่าไหร่แล้วและดูมีอายุเป็นเท่าไหร่ โดยเรียกว่า Olay Future You Simulation นอกจากนี้ ยังบอกด้วยว่าในอนาคตผิวของุณจะเป็นอย่างไรแตกต่างจากตอนนี้แค่ไหน ถ้าไม่ได้มีการบำรุงหรือป้องกันแสงแดด นอกจากนี้ Olay ยังนำเสนอ Smart Wand โดยใช้พลังงานไฟฟ้าในการทรีตเมนต์และทำงานร่วมกับแอปพลิเคชั่น ไม่เพียงแค่นั้น เทคโนโลยีนี้สามารถปรับแต่งได้ตามสภาพผิวของแต่ละคน พร้อมกับบอกปัญหาของสภาพผิวได้อย่างตรงจุดเพื่อให้ผู้ใช้ได้นำไปแก้ไขได้อย่างเข้าใจปัญหา
มาที่ Opté จาก P&G นำเสนอ อินคูเบเตอร์ เครื่องที่ช่วยสแกนผิวและกำจัดร่องรอยดำบนใบหน้าได้ ซึ่งมีขนาดเล็กแบบสามารถพกพาไปได้ โดยทำงานเช่นเดียวกับเครื่องใหญ่ๆ ของคลีนิคเสริมความงามเลย เป็นนวัตกรรมที่สามารถนำมาใช้ที่บ้านได้โดยไม่ต้องไปร้านใหญ่ๆ อีกแล้ว
ขณะที่ Neutrogena นำเสนอนวัตกรรม MaskiD ที่มีแอปพลิเคชั่นที่สามารถวัดขนาดได้ตามใบหน้าของผู้ใช้งานและยังสามารถสร้างตัดแต่งมาส์กให้เหมาะสมกับผิวพรรณและใบหน้าของผู้ใช้งานได้ด้วย ซึ่งมาส์กแต่ละชิ้นก็ยังมีรูปร่างและสีแตกต่างกันไปตามความต้องการของผิวพรรณอีกด้วย
และทั้งหมดนี้ทำให้เราได้เห็นและมองอนาคตผ่านงาน CES 2019 ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ อย่างจะเป็นจริงและเข้าสู่กระแสหลักในเร็ววัน.
Source : CNN