- Lifestyle
มิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ ลีก?
By Sweeper Keeper • on Sep 08, 2019 • 1,369 Views
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 จำได้ว่าขณะที่แฟนหงส์แดงทั่วโลกยังอยู่ในอารมณ์เสียดาย หลังจากที่ไปไม่ถึงฝั่งฝันในการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ให้หลังเพียงหนึ่งวันต่อการพ่ายแก่ รีล มาดริดไป 1-3 จู่ๆ ลิเวอร์พูล ก็ประกาศอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาได้คว้าตัว ฟาบินโญ่ จาก โมนาโก มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 43.7 ล้านปอนด์แล้วเรียบร้อย
แหล่งข่าววงในบางคน รวมไปถึงผู้สัดทัดกรณีบางท่าน ได้แสดงทัศนะถึงการเซ็นสัญญาคว้านักเตะใหม่มาเสริมทีมแบบสายฟ้าแลบครั้งนี้ว่า เป็นเพราะต้องการกลบข่าวและลดกระแสวิจารณ์ที่มีต่อ ลอริส คาริอุส ซึ่งเล่นผิดพลาดจนเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องเป็นฝ่ายปราชัยในนัดชิงคืนวันนั้นไป
ข้อสันนิษฐานข้างต้นจะเท็จจริงแค่ไหน? อันนี้ไม่มีใครทราบ แต่ที่แน่ๆ เลยก็คือ ดีลนี้คือดีลที่จะต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว เพราะนักเตะบราซิลเลี่ยนผู้นี้ ถูกเซ็นสัญญาเข้ามาเนื่องจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ เห็นปัญหาแล้วว่าผู้เล่นที่ใช้งานอยู่ในช่วงนั้นอย่าง เอ็มเร่ ชาน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ จีนี่ ไวจ์นัลดุม ไม่ใช่นักเตะตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับธรรมชาติ
ช่วงแรกๆ ที่มาร่วมทีม ชัดเจนเลยว่าจังหวะการเล่นของ ฟาบินโญ่ ยังดูยังช้าเกินไปสำหรับฟุตบอลลีกอังกฤษ ก็เลยยังหนักไปทางได้ลงเป็นตัวสำรองเสียส่วนใหญ่ โดย คล็อปป์ ยังคงไว้ใจให้ เฮนโด้ เล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับต่อไป ซึ่งกัปตันทีมลิเวอร์พูลก็ทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดี แม้จะมีแฟนบอลบางส่วนมอบฉายา ‘อาแปะ’ ให้กับเขาก็ตาม
ระหว่างนั้น ทั้งจากกระแสเรียกร้องของแฟนบอลส่วนหนึ่ง บวกกับที่สื่อเริ่มจะตั้งคำถามกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ บ่อยขึ้นว่า เมื่อไหร่ ฟาบินโญ่ จะได้ลงสนามแบบจริงๆ จังๆ ซักที
ซึ่ง คล็อปป์ ก็ได้ออกมาตอบคำถามดังกล่าวว่า ฟาบินโญ่ ยังคงต้องปรับตัวในหลายๆ เรื่องทั้งการยืนตำแหน่ง ความเข้าใจในการเล่นเกมรุก-เกมรับ รวมถึงปฎฺิกิริยาตอบสนองต่อเกมที่รวดรวดของฟุตบอลอังกฤษ ซึ่งทั้งหมดนี้อาจต้องใช้เวลานานถึง 6 เดือน!
แต่ ฟาบินโญ่ ก็ไม่ได้ปล่อยให้เราต้องรอนานขนาดนั้น เพราะหลังผ่านช่วงคริสต์มาสปีที่แล้วเป็นต้นมา เขาเริ่มได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ยึดตำแหน่ง 11 คนแรกได้สำเร็จ
มิหน่ำซ้ำ ฟาบินโญ่ ยังค่อยๆ ก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักในแดนกลางจนกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ทีมจะขาดไม่ได้ เพราะนับตั้งแต่ที่ ฟาบินโญ่ มาร่วมทีม เขาลงเป็นตัวจริงเฉพาะเกมลีก 24 นัด ชนะ 21 เสมอ 3 และไม่แพ้ใครเลย ช่วยให้ทีมเก็บได้ถึง 66 แต้ม ซึึ่งสถิติอันน่าทึ่งนี้น่าจะเป็นหลักฐานที่ยืนยันความยอดเยี่ยมของ ฟาบินโญ่ ได้เป็นอย่างดี
โดยหลังจากที่ ลิเวอร์พูล บุกไปเอาชนะ เบิร์นลี่ย์ 3-0 ในพรีเมียร์ ลีกเกมล่าสุดก่อนเบรคโปรแกรมทีมชาติ เจมี่ คาราเกอร์ ถึงขนาดออกมายกย่อง ฟาบินโญ่ ที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นมากในนัดนี้ว่าเป็น มิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดในเวลานี้ เหนือกว่าทั้ง แฟร์นานดินโญ่ และ โรดรี้ ของ แมนฯ ซิตี้
เช่นเดียวกับ ฟาน ไดจ์ค ที่กล่าวชื่นชม ฟาบินโญ่ ไม่ขาดปากเช่นเดียวกันว่า เกมที่เทิร์ฟ มัวร์ ฟาบินโญ่ เป็นเหมือนกับ ‘inspector gadget’ ความหมายก็คือ อยู่ไปทุกที่ทั่วสนาม ไม่ว่านักเตะ เบิร์นลี่ย์ จะได้บอลตรงไหนเขาก็จะตามไปอยู่ตรงนั้น แถมยังคอยปัดกวาดอยู่หน้าแผงแบ็คโฟร์จนทำให้เกมรับเล่นกันง่ายขึ้นอีกด้วย
“เรามีคนที่ทำหน้าที่ยิงประตูอยู่แล้วในแนวรุก ดังนั้นผมจะพยายามทำหน้าที่ในการเล่นเกมรับและคอยจ่ายบอลให้มากกว่า” ฟาบินโญ่ พูดถึงสิ่งที่เขาต้องทำเวลาอยู่ในสนาม
“ผมจะพยายามนิ่งเข้าไว้เวลาที่บอลอยู่กับเท้า แต่ก็จะไม่ให้ความนิ่งกลายเป็นความเชื่องช้า ผมจะพยายามเป็นคนคุมจังหวะเกม นั่นคือหน้าที่ที่ผมต้องทำ และผมก็มีความสุขกับมันมากๆ”
ด้วยผลงานอันโดดเด่นในสโมสร ส่งให้ ฟาบินโญ่ กลับมามีชื่อติดทีมชาติบราซิลอีกครั้ง (ในเกมกระชับมิตรกับ โคลอมเบีย และ เปรู) หลังจากที่หลุดออกจากทีมไปในศึกฟุุตบอลโคปา อเมริกา
‘มิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ ลีก’ บางทีอาจจะเร็วเกินไปสำหรับการเรียก ฟาบินโญ่ แบบนั้น และเขาคงต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองอีกสักระยะ
แต่ที่ชัดเจนแบบไร้ข้อสงสัยเลยก็คือ ณ ตอนนี้ ฟาบินโญ่ ก้าวขึ้นมาเป็นมิดฟิลด์ตัวตัดเกมเบอร์หนึ่งของ ลิเวอร์พูล แล้วเรียบร้อย!
เครดิตภาพ : Mirror, PA Images, Evening Standard
ABOUT THE AUTHOR
Sweeper Keeper
แม้ก่อนหน้านี้จะเคยผ่านงานเขียนบทความเกี่ยวกับ หนัง และ เพลง มาพอสมควร แต่ด้วยความที่ชอบดูฟุตบอลลีกอังกฤษ และมี ลิเวอร์พูล เป็นทีมโปรดในดวงใจ เขาจึงขอโอกาสมาแบ่งปันมุมมองด้านลูกหนังให้ได้อ่านกันบ้าง