ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับศึก วันแดงเดือด แม็ตช์แห่งศักดิ์ศรีที่คอบอลทั่วโลกตั้งตารอคอย…

โดยเฉพาะทางฝั่งกองเชียร์ ปีศาจแดง ที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะล้างแค้นให้ได้ในนัดนี้ หลังจากที่ เกมแดงเดือด ที่แอนฟิลด์พวกเขาตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปก่อน

อย่างที่เราทราบว่า นอกจากเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีที่ไม่มีทางยอมกันง่ายๆ แล้ว แดงเดือด นัดนี้ ยังเป็นเกมที่มีความหมายอย่างมากของทั้งคู่ โดยเฉพาะทีมที่กำลังลุ้นแชมป์อยู่อย่าง ลิเวอร์พูล ที่จำเป็นต้องมีแต้ม หากหวังจะกลับขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูง

ในขณะที่ฝั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นอกจากจะใช้แม็ตช์นี้เป็นเกมล้างตาแล้ว พวกเขายังจำเป็นต้องเก็บสามแต้มให้ได้ หากไม่ต้องการโดน อาร์เซน่อล แซงขึ้นไปอยู่อันดับที่สี่

นั่นคือสาเหตุว่าทำไม เหล่าบรรดาคอบอลทั้งหลายถึงพากันคาดหวังว่า เกมนี้จะต้องเป็นเกม แดงเดือด ขนานแท้ ที่เราจะได้เห็นนักเตะทั้งสองทีมหวดกันแบบไฟแล่บ!

แต่ทำไปทำมา จากเกม แดงเดือด กลับกลายเป็น แดงเดี้ยง! ไปซะอย่างงั้น เพราะแค่ครึ่งแรกก็มีนักเตะบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามกันทั้งสองทีมไปถึง 4 คนด้วยกัน

ทางฝั่ง ลิเวอร์พูล เป็น โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ที่ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าจนเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องส่ง แดเนี่ยล สเตอริดจ์ ลงสนามมาแทน

ส่วนทาง แมนฯ ยูไนเต็ด นี่อาการหนักหน่อย เพราะพวกเขาใช้โควต้าเปลี่ยนตัวในครึ่งแรกครบทีเดียวเลย 3 ตัว!

โดยเป็น อันเดร์ เอร์เรร่า ที่บาดเจ็บจนต้องส่ง อันเดรียส เปเรยร่า ลงมาแทน จากนั้นไม่นานนัก ฆวน มาต้า ก็เจ็บไปอีกคน โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เลยต้องส่ง เจสซี่ ลินการ์ด ลงมาแทน

แต่ ลินการ์ด ที่น่าจะเพิ่งผ่านการทดสอบความฟิตกลับมามีชื่อเป็นตัวสำรอง ก็ดันมาเจ็บซ้ำซะอย่างนั้นทั้งๆ ที่ลงสนามไปได้แป๊บเดียว

มิหนำซ้ำ มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็มีอาการบาดเจ็บรบกวนตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรก แต่ต้องฝืนเล่นจนครบ 90 นาที เพราะ แมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนตัวไม่ได้แล้ว

ซึ่งแน่นอนว่า อาการบาดเจ็บของนักเตะทั้งสองฝ่ายส่งผลต่อแผนการเล่นอย่างชัดเจน ทำให้รูปเกมที่ออกมาไม่ค่อยเร้าใจเท่าที่ควร เพราะทั้งคู่เล่นกันแบบกล้าๆ กลัวๆ จนแทบไม่มีโอกาสลุ้นทำประตูกันเลย

ภายหลังจบเกม ทั้ง โซลชา และ คล็อปป์ ต่างออกมาให้สัมภาษณ์ในทำนองเดียวกันว่า การบาดเจ็บของนักเตะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้รูปเกมออกมาอย่างที่เห็น จนสุดท้ายต้องแบ่งแต้มกันไป

โดย โซลชา กล่าวว่า “ครึ่งแรกทุกอย่างมันดูผิดพลาดไปหมด เรามีผู้เล่นบาดเจ็บถึง 4 คน แต่เราต้องให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด อยู่ในสนามต่อไป มันดูเหมือนจะเป็นเกมที่ยากลำบาก แต่ผมก็จำไม่ได้เหมือนกันนะว่า ลิเวอร์พูล มีโอกาสทำประตูสักครั้งมั้ย ถึงแม้พวกเขาจะเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่า แต่ผมจำไม่ได้เลยว่า ดาบิด เด เคอา ได้เซฟซักครั้งหรือเปล่า”

ส่วน คล็อปป์ บอกว่า “มันเป็นเกมที่ประหลาด เราเริ่มต้นได้ค่อนข้างดี แต่อาการบาดเจ็บทำให้จังหวะเกมของพวกเราเสียไป มันเกิดขึ้นกับ บ็อบบี้ ซึ่งมันทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด ยูไนเต็ดเปลี่ยนมิดฟิลด์ลงมาใหม่ รวมถึง แนวรุกสามตัวบนด้วย ในวันที่เราควรจะเก็บชัยชนะจากยูไนเต็ดได้ แต่เรากลับทำไม่ได้ จังหวะเกมของเราเสียไป และไม่สามารถดึงมันกลับมา เราได้เพิ่มมาหนึ่งคะแนน และจะสู้ต่อไปในเกมวันพุธนี้”

ทั้งหลายทั้งปวง เกม แดงเดือด นัดนี้ ก็เลยไม่เดือดสมใจแฟนบอลเท่าไหร่ เพราะจบลงด้วยการเสมอกันไปแบบไร้สกอร์ 0-0

ทำให้สถานการณ์ทั้งการลุ้นอันดับท็อปโฟร์ยังคงเปิดกว้างต่อไปสำหรับ เชลซี, แมนฯ ยูไนเต็ด และอาร์เซน่อล

รวมถึงการลุ้นแชมป์ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ซิตี้ ก็ยังคงเบียดกันอย่างสนุกสูสีต่อไปเช่นกัน

เครดิตภาพ : www.standard.co.uk

Copyright© Bsite.In

ณ ตอนนี้ สถานการณ์ของทีม 6 อันดับแรกของพรีเมียร์ ลีก เริ่มจะดูชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งในส่วนของการลุ้นแชมป์ และการลุ้นท็อปโฟร์

แน่นอนว่า สำหรับการลุ้นแชมป์ในปีนี้ หลายๆ คนเริ่มกาชื่อของทีมอื่นออกไป เพราะเชื่อว่าคงเหลือแค่ ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ซิตี้ เพียงสองทีมเท่านั้นที่จะเบียดกันไปจนถึงนัดสุดท้าย

ขณะที่อันดับท็อปโฟร์ ซึ่งครึ่งฤดูกาลแรกดูเหมือนว่าจะมีเพียง สเปอร์ส, เชลซี และ อาร์เซน่อล ที่เข้ามามีเอี่ยว

แต่หลังจากที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด และพาทีมกลับมาโชว์ฟอร์มสุดยอดด้วยการเดินหน้าเก็บชัยชนะอย่างต่อเนื่อง ไปๆ มาๆ ทำให้ตอนนี้มีทีมที่ลุ้นท็อปโฟร์ถึงสี่ทีมด้วยกัน

เพราะฉะนั้น เราจะมาลองวิเคราะห์กันดูว่า จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในเวลานี้ ผี, ปืน, สิงห์ หรือ ไก่ ทีมไหนจะหลุดท็อปโฟร์?

สเปอร์ส

จริงๆ แล้ว เมื่อดูจากคะแนนบนตาราง ตามทฤษฎี สเปอร์ส ยังมีโอกาสในการลุ้นแชมป์อยู่เหมือนกัน เพียงแต่ว่า ก่อนที่จะมองไปถึงการ ลุ้นแชมป์ ตอนนี้พวกเขาควรจะมองแค่การรักษาตำแหน่งในท็อปโฟร์ให้ได้ก่อนมากกว่า

เพราะจากแต้มที่นำอยู่ไม่ห่างนัก หาก สเปอร์ส พลาดท่าแพ้ไปสักนัดนึง สถานการณ์ในท็อปโฟร์ที่พวกเขาถือไพ่เหนือกว่าทีมอื่นอยู่ ก็มีสิทธิ์พลิกผันไปเลยทันที

สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับ สเปอร์ส ก็คือ ปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะตัวหลักทั้ง เดเล่ อัลลี่ รวมถึง ดาวยิงอันดับหนึ่งของทีมอย่าง แฮร์รี่ เคน ซึ่งตามข่าวบอกว่าทั้งคู่ต้องพักยาวจนถึงเดือนมีนาคมโน่นเลย

ยังดีที่พวกเขากำลังจะได้ ซน ฮึง-มิน กลับมาร่วมทีมอีกครั้ง หลังเสร็จจากภารกิจในการเล่นให้กับทีมชาติเกาหลีใต้ ซึ่งน่าจะทำให้แนวรุกของ สเปอร์ส มีทางเลือกเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ด้วยคะแนนที่นำอยู่ในตอนนี้ ยังถือว่า ไก่เดือยทอง เป็นทีมที่มีภาษีที่จะติดท็อปโฟร์มากกว่าเพื่อน

โปรแกรม 5 นัด ถัดไปของ สเปอร์ส : วัตฟอร์ด (เหย้า), นิวคาสเซิล (เหย้า), เลสเตอร์ (เหย้า), เบิร์นลี่ย์ (เยือน), เชลซี (เยือน)

เชลซี

พักหลังๆ ดูเหมือนว่า เมาริซิโอ ซาร์รี่ กุนซือ ทีมสิงโตน้ำเงินคราม จะมีปัญหาในการเลือกศูนย์หน้าที่เหมาะกับการเล่นในระบบของเขา

แม้หลายนัดที่ผ่านมา เชลซี จะพยายามแก้ปัญหานี้ด้วยการเล่นระบบ “ฟอลส์ ไนน์” โดยดัน เอเด็น อาซาร์ ขึ้นไปเป็นกองหน้า แต่ก็ ไม่เวิร์ค เท่าที่ควร

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เชลซี จัดการคว้าตัว กอนซาโล่ อิกวาอิน อดีตศิษย์รักที่เคยร่วมงานกับ ซาร์รี่ สมัยอยู่ นาโปลี มาร่วมทีมแล้วเป็นที่เรียบร้อย

ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า อิกวาอิน จะปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลอังกฤษได้หรือเปล่า?

ถ้าปรับตัวได้ ด้วยทีมที่มีคุณภาพอยู่แล้ว อิกวาอิน น่าจะเป็น “จิ๊กซอว์”  ชิ้นสำคัญที่ช่วยให้ เชลซี มีลุ้นติดท็อปโฟร์ฤดูกาลนี้

โปรแกรม 5 นัด ถัดไปของ เชลซี : บอร์นมัธ (เยือน), ฮัดเดอร์ฟิลด์ (เหย้า), แมนฯ ซิตี้ (เยือน), สเปอร์ส (เหย้า), ฟูแล่ม (เยือน)

อาร์เซน่อล

ปัญหาที่ อูไน เอเมรี่ ยังแก้ไม่ตกก็คือ แนวรับ ที่อ่อนยวบยาบ ซึ่งทำให้ อาร์เซน่อล กลายเป็นทีมที่พร้อมจะเสียประตูให้คู่แข่งได้ทุกเมื่อ

แถมล่าสุด เอเมรี่ ต้องกุมขมับปวดหัวกับปัญหานี้ต่อไป เมื่อต้องมาเสียกองหลังตัวหลักอย่าง โซคราติส และ โลร็องต์ กอสเซียลนี่ ไปพร้อมๆ กันถึงสองคน ในเกมที่พ่ายคาบ้านให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในถ้วย เอฟ เอ คัพ

บวกกับผลงานในช่วงหลังของ ทีมปืนใหญ่ ที่แทบจะหาความคงเส้นคงวาไม่ได้ พูดง่ายๆ คือ ตอนนี้ไม่ว่า อาร์เซน่อล เจอกับทีมไหน ผลการแข่งขันออกได้ทุกหน้าไม่ว่า ชนะ, เสมอ, แพ้

ดังนั้น นอกจากปัญหาใน เกมรับ แล้ว สิ่งที่ เอเมรี่ จำเป็นต้องจัดการอย่างเร่งด่วนก็คือ เขาจะต้องทำให้ทีมกลับมาเล่นดีอย่างสม่ำเสมอ หากหวังจะพา อาร์เซน่อล ติดอันดับท็อปโฟร์

โปรแกรม 5 นัด ถัดไปของ อาร์เซน่อล : คาร์ดิฟฟ์ (เหย้า), แมนฯ ซิตี้ (เยือน), ฮัดเดอร์ฟิลด์ (เยือน), เซาธ์แฮมตัน (เหย้า), บอร์นมัธ (เหย้า)

แมนฯ ยูไนเต็ด

ถึงนาทีนี้ คงพูดได้เต็มปากแล้วว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา คือผู้ที่เข้ามาทำให้ ทีมปีศาจแดง กลับมาอยู่ในฟอร์มการเล่นที่ควรจะเป็นอีกครั้ง

ชัดเจนว่า การเข้ามาของ โซลชา ทำให้นักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาลงสนามอย่างมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะใน แนวรุก ที่กลับมาเล่นด้วยความมั่นใจทุกคน

อย่างล่าสุด อเล็กซิส ซานเชส ก็กลับมายิงประตูได้แล้วในเกมเอฟ เอ คัพที่พบกับทีมเก่า อาร์เซน่อล รวมถึง โรเมลู ลูกากู ก็โชว์ฟอร์มเทพด้วยการทำสองแอสซิสต์ในเกมนี้

ซึ่งชัยชนะเหนือ อาร์เซน่อล ในเกมนี้ ทำให้ โซลซา พาทีมเก็บชัยชนะแปดนัดติดต่อกันแล้วในการลงเตะทุกรายการ!

และถ้าหากลูกทีมของ โซลซา ยังโชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงแบบนี้ต่อไป โอกาสที่จะจบในอันดับท็อปโฟร์ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อม

โปรแกรม 5 นัด ถัดไปของ แมนฯ ยูไนเต็ด : เบิร์นลี่ย์ (เหย้า), เลสเตอร์ (เยือน), ฟูแล่ม (เยือน), ลิเวอร์พูล (เหย้า), คริสตัล พาเลซ (เยือน)

เครดิตภาพ : www.standard.co.uk