- Lifestyle
5 เหตุผล ทำไม แมนฯยูไนเต็ด จะไม่ติดท็อปโฟร์!
By Sweeper Keeper • on Nov 15, 2018 • 1,741 Views
ความพ่ายแพ้ในเกมดาร์บี้ แมตช์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่ออริร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เพิ่งผ่านพ้นไปนั้น
แน่นอนว่า มันไม่ได้เป็นแค่เรื่อง เสียเหลี่ยม เสียเชิง ที่เหล่าแฟนบอลชาวเมือง แมนเชสเตอร์ (ซึ่งแบ่งข้างเป็น สีฟ้า และ สีแดง) เอาผลแพ้-ชนะมาคุยข่มกันแค่นั้น
เพราะความพ่ายแพ้แบบ “บอลคนละชั้น” ในดาร์บี้ แมตช์เกมนี้ ยังเหมือนเป็นการเปิดเนื้อเปิดหนังให้ทุกคนได้เห็นว่า ความจริงแล้ว ทีมปีศาจแดง ชุดนี้ มีแผล “เหวอะหวะ” ขนาดไหน!
หลังจบเกมนี้ มีสถิติหลายอย่างที่บ่งชี้ว่า แมนฯยูไนเต็ด กำลังอยู่ในช่วงที่ฟอร์มย่ำแย่ที่สุดในรอบ 30 ปี!
แม้ โจเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีม จะออกมา “เล่นลิ้น” ให้สัมภาษณ์ว่า มีแต่พวกดูฟุตบอลไม่เป็นเท่านั้นแหละที่วิเคราะห์ฟอร์มการเล่นด้วยสถิติเหล่านี้
แต่หลังจากผ่านการลงเล่นไป 12 นัด การที่พวกเขาจมอยู่ในอันดับ 8 ของตาราง มีเพียง 20 แต้ม ตามหลังจ่าฝูง แมนฯซิตี้ อยู่ถึง 12 คะแนน หนำซ้ำ ยังมีอันดับตามหลังทีมที่มีชื่อชั้นอ่อนกว่าอย่าง บอร์นมัธ และ วัตฟอร์ต อีกต่างหาก
ถามคำเดียวเลยว่า เหล่าสาวก เรด เดวิลส์ ทั้งหมู่มวล รู้สึกแฮ็ปปี้กับตรงนี้ไหม?
ตอบแทนเลยก็ได้ว่า จะให้แฟนๆ แฮ็ปปี้ กันได้ยังไง เพราะตอนนี้ พรีเมียร์ ลีก ลงเตะกันไปเกือบ 1 ใน 3 ของฤดูกาลแล้ว แต่ผลงานของทีมรักตัวเองยังดู ทรงๆ ทรุดๆ เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้
ซึ่งถ้าหากวัดจากผลงานเท่าที่เห็นกันตอนนี้ อย่าว่าแต่จะไปลุ้นแชมป์กับทีมหัวแถวอย่าง แมนฯซิตี้, ลิเวอร์พูล และ เชลซี เลย จะขึ้นไปเบียดอันดับในตำแหน่งท็อปโฟร์กับทีมอย่าง สเปอร์ส และ อาร์เซน่อล ยังลำบาก
และต่อไปนี้คือ 5 สถิติอันย่ำแย่ ที่เป็นบ่งชี้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะไม่ติดอันดับท็อปโฟร์
1.ผลงานออกสตาร์ทแย่ที่สุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 1990-91
ลูกทีมของ มูรินโญ่ แพ้ไปแล้วถึง 4 นัด จากการลงเตะในพรีเมียร์ ลีกไป 12 เกม (แพ้ให้กับ ไบรท์ตัน, สเปอร์ส, เวสต์แฮม และแมนฯซิตี้) ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี ที่ ทีมปีศาจแดง แพ้ถึง 4 นัด ในการลงเตะ 12 เกมแรก
2. ผลต่างประตูได้เสีย ห่วยที่สุดในรอบ 41 ปี
ฤดูกาลนี้นักเตะในแนวรุกที่น่าจะเป็นตัวความหวังอย่าง โรเมลู ลูกากู เพิ่งยิงประตูไปได้แค่ 4 ลูก แถมช่วงหลังๆ ยังหลุดไปเป็นตัวสำรองด้วย ในขณะที่ อเล็กซิส ซานเซส นักเตะค่าเหนื่อยแพงที่สุดของพรีเมียร์ ลีก ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เพราะเพิ่งยิงให้ทีมไปได้แค่ลูกเดียว
ในส่วนของเกมรับ แมนฯยูไนเต็ด เสียประตูไปแล้วถึง 21 ลูก (ขณะที่ทีมหัวตารางอย่าง แมนฯซิตี้ และ ลิเวอร์พูล เสียไปแค่ทีมละ 5 ลูกเท่ากัน) เมื่อหักลบกับ 20 ประตูที่ทีมยิงได้ เท่ากับว่า ตอนนี้พวกเขามีผลต่างประตูได้เสียอยู่ที่ -1 ซึ่งนี่เป็นผลต่างประตูได้เสียที่ “ห่วยแตก” ที่สุดของทีมนับตั้งแต่ฤดูกาล 1977-78 เลยทีเดียว
3. เพิ่งรักษา คลีทชีท ได้แค่นัดเดียว
หลังจากผ่านมา 12 เกม แมนฯยูไนเต็ด เพิ่งเก็บ คลีทชีท ได้แค่นัดเดียว ในเกมที่พวกเขาบุกไปเอาชนะ เบิร์นลี่ย ได้ 2-0 เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยทีมบ๊วยของตารางอย่าง ฟูแล่ม ซึ่งเสียประตูทุกเกมที่ลงสนาม เป็นทีมเดียวเท่านั้นที่เก็บ คลีทชีท ได้น้อยกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด
4. จบแล้ว! กับการผ่านบอลที่สวยงาม
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยทำให้ ทีมปีศาจแดง ขึ้นเกมรุกด้วยการรับ-ส่งบอลกันอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคของ มูรินโญ่ ที่ขึ้นเกมรุกกันอย่างเชื่องช้า ครองบอลได้น้อย รับ-ส่งบอลกันไม่ค่อยแม่นราวกับว่าไม่เคยซ้อมทีมด้วยกันมา
หลักฐานมาปรากฎชัดเจนอีกครั้งในแมตช์ที่พบกับ แมนฯซิตี้ โดยหลังจากเกมผ่านไป 12 นาที แมนฯยูไนเต็ด พยายามส่งบอลกันแค่ 11 ครั้ง และเป็นการส่งบอลสำเร็จเพียง 5 ครั้ง!
ขณะที่หลังจากผ่านไป 12 นาทีในเกมเดียวกันนี้ แมนฯซิตี้ พยายามส่งบอลไปแล้วถึง 103 ครั้ง ซึ่งเป็นการผ่านบอลสำเร็จถึง 96 ครั้ง และทำได้ 1 ประตู
5. ตัวสำรองลงมาพลิกสถานการณ์ (ในเกมใหญ่) ไม่ได้
จริงอยู่ที่ ลูกากู ใช้เวลาเพียงแค่ 30 วินาที ในการลงมาเรียกจุดโทษจนทำให้ แมนฯยูไนเต็ด กลับมามีลุ้นตีเสมอ แต่ดูเหมือนว่า นั่นจะเป็นเพียงแค่จังหวะเดียวที่ศูนย์หน้าค่าตัว 85 ล้านปอนด์รายนี้มีส่วนร่วมกับเกมแบบจริงๆ จังๆ เพราะหลังจากนั้นเขาก็แทบจะหายจากเกมไปเลย
เช่นเดียวกับ อเล็กซิส ซานเซส จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้ เขาอาจจะเคยสวมบทซูเปอร์ซับถูกเปลี่ยนตัวลงมาเป็นคนโหม่งประตูชัยให้ทีม “โกงความตาย” เอาชนะ นิวคาสเซิล ไปได้ 3-2
แต่สำหรับเกมนี้ หลังจากถูกเปลี่ยนตัวลงมาแล้ว อเล็กซิส ผ่านบอลสำเร็จไปแค่ 4 ครั้ง ทั้งๆ ที่มีเวลาอยู่ในสนามร่วมๆ 50 นาที
และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ขนาด ฟิล โฟเด้น มิดฟิลด์ดาวรุ่งของ ทีมเรือใบสีฟ้า ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาในนาทีที่ 89 ยังผ่านบอลสำเร็จไปถึง 7 ครั้ง ทั้งๆ ที่มีเวลาอยู่ในสนามไม่กี่นาที
เครดิตภาพ : www.heraldbulletin.com, www.standard.co.uk
Copyright© Bsite.In
ABOUT THE AUTHOR
Sweeper Keeper
แม้ก่อนหน้านี้จะเคยผ่านงานเขียนบทความเกี่ยวกับ หนัง และ เพลง มาพอสมควร แต่ด้วยความที่ชอบดูฟุตบอลลีกอังกฤษ และมี ลิเวอร์พูล เป็นทีมโปรดในดวงใจ เขาจึงขอโอกาสมาแบ่งปันมุมมองด้านลูกหนังให้ได้อ่านกันบ้าง