The Face Men Thailand Season 2 กับการกลับมาอีกครั้งของรายการที่ไม่ว่าจะออกฉายเมื่อไร ก็สามารถเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ได้เสมอ
แม้ว่าในวันนี้จะย้ายบ้านไปหลังใหม่แล้ว แต่ความแซ่บ ความนัว ความปั๊วะปัง ก็ยังคงเดินหน้ามาต่อเนื่อง กับ 2 แคมเปญล่าสุดที่เราขอรวบยอดสรุปรีวิวให้อ่านกันทีเดียวไปเลย เพราะนอกจากความแซ่บจะต่อเนื่องกันมาแบบไม่ทิ้งห่างแล้ว ยังมีประเด็นน่าสนใจที่ชวนให้ เอ๊ะ!…หรือรายการกำลังปลุกกระแสแบบใหม่อยู่
ชวนให้ตั้งคำถามเหลือเกินว่า The Face
กำลังขายดราม่าอยู่บนความเสี่ยงหรือเปล่า ??
ทั้งการแบ่งหน้าที่ ความเป็นห่วงเป็นใย ความเป็นพี่เป็นน้อง มันอบอวลและชวนให้เห็นว่า…
เออ! พวกเขาเหล่านี้ดูสนิทกันจริง ๆ นะ
ก่อนจะเข้าประเด็นหนัก ๆ เราแวะมาชื่นชมกับมิตรภาพอันเข้มข้นของเหล่าหนุ่ม ๆ สมาชิก The Face Men ซีซั่นที่ 2 กันสักหน่อย แม้ว่าจะผ่านไป 2 ตอนแล้ว จะมีผู้เข้าแข่งขันถูกคัดออกไปเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น แต่สิ่งที่แสดงให้เห็นชัด ผ่านการทำแคมเปญทั้ง 2 แคมเปญ ที่เป็นการถ่ายโฟโต้ชู้ตแบบ Group Shot โดยเฉพาะในแคมเปญล่าสุด กับการให้ผู้เข้าแข่งขันโหนสลิง ถ่ายภาพตนเองด้วยโทรศัพท์ โดยที่เมนเทอร์จะไม่สามารถเข้ามาควบคุมได้ในช่วง 5 นาทีแรก ตรงนั้นล่ะค่ะที่เราได้สัมผัสกับมิตรภาพของเหล่าหนุ่ม ๆ ที่ชวนให้ประทับใจมาก ๆ
ทั้งการแบ่งหน้าที่ ความเป็นห่วงเป็นใย ความเป็นพี่เป็นน้อง มันอบอวลและชวนให้เห็นว่า…เออ! พวกเขาเหล่านี้ดูสนิทกันจริง ๆ นะ ซึ่งมันไม่ได้เป็นแค่ทีมใดทีมหนึ่งแต่มันเป็นกับทุก ๆ ทีม ทั้งทีมมาดคุณชายอย่าง #TeamMoo , ทีมอินเตอร์เนชั่นแนลของ #TeamSonia และทีมสุดจี๊ดอย่าง #TeamToni ทั้ง 3 ทีมสามารถนำเสนอเคมีของทีมตัวเองออกมาได้อย่างน่าสนใจ
แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วการแข่งขันก็ต้องมีผู้แพ้ผู้ชนะ ความเป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อนของพวกเขาก็ตามต่อไปยังช่วงก่อนคัดเข้า “ห้องดำ” หรือ Elimination Room
2 ตอนที่เล่นกับ “ความยุติธรรม”
Elimination Room ของทั้ง 2 ตอนเล่นประเด็นเดียวกันคือ ความยุติธรรม หรือ ความแฟร์
ในตอนที่ 1 #TeamToni ถูกกังขาในชัยชนะโดย เมนเทอร์ซอนย่า ที่พาลไปถึงลูกค้าว่าตัดสินอย่างไม่เป็นธรรม จนต่อเนื่องมาถึงห้องดำที่เมนเทอร์ซอนย่าตามไปพูดกับเมนเทอร์โทนีถึงในห้อง จนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในอินเตอร์เน็ตร้อนแรงพอสมควรกับการกระทำดังกล่าว
ต่อเนื่องมาจนถึงตอนที่ 2 ความยุติธรรมก็ถูกนำมาใช้อีกครั้งในการตัดสินครั้งนี้ แต่ไม่ใช่ในการตัดสินคนออก แต่เป็นการตัดสินผลแพ้ชนะของแคมเปญถ่ายภาพเซลฟี่กับโทรศัพท์
ความคิดเห็นของลูกค้าอาจจะไม่ได้ตรงกับความคิดเห็นของคนดูอย่างเรา ๆ
แต่รายการที่ตัดออกมา ทำให้คนดูอย่างเรา ๆ เข้าใจว่า
ลูกค้าตัดสินอย่าง “ไม่ยุติธรรม”
ดราม่าที่ไม่ได้ฟาดฟันกันเอง แต่เกิดกับ “ลูกค้า” !!
สำหรับใครที่ได้ดูตอนที่ 2 กันไปแล้วคงจะทราบว่า #TeamToni ก็ยังคงเป็นผู้ชนะและมีสิทธิในการคัดผู้เข้าแข่งขันคนใดคนหนึ่งของอีกทั้ง 2 ทีมที่เหลือออกได้ ส่วนใครจะออก ใครจะได้มาอยู่ทีม #MasterLukkade ก็สามารถหาดูย้อนหลังกันเอาได้ เพราะวันนี้เราจะไปพูดถึงดราม่าของ เมนเทอร์หมู ที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับเมนเทอร์ร่วมรายการ แต่เกิดขึ้นกับ…ลูกค้า
ตลอดทั้งการแข่งขัน จนกระทั่งก่อนเข้าห้องดำ ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่ารูปภาพที่ควรจะชนะเป็นรูปภาพของ #TeamMoo ด้วยองค์ประกอบ แสง หรือคอนเซปต์ของภาพ แต่ลูกค้าผู้เป็นกรรมการคนสำคัญกลับเลือก #TeamToni ให้เป็นฝ่ายชนะ ซึ่งหากรายการตัดมาให้ดูเท่านี้ก็สามารถเข้าใจได้ เหมือนกับที่ผ่าน ๆ มาว่าความคิดเห็นของลูกค้าอาจจะไม่ได้ตรงกับความคิดเห็นของคนดูอย่างเรา ๆ แต่รายการตัดมาเพิ่มมากกว่านั้น ด้วยการมอบบทบาท “ความไม่ยุติธรรม” ให้กับลูกค้าในการตัดสิน
ความขัดแย้ง บน การตัดสิน
โดยในช่วงก่อนคัดผู้เข้าแข่งขันเข้าสู่ห้องดำนั้น #MasterLukkade ได้ให้เหตุผลกับการหายไปของเมนเทอร์หมู ว่าเสียใจและรับไม่ได้กับผลการตัดสิน โดยมาสเตอร์ลูกเกด กล่าวว่า เมนเทอร์หมูคิดว่าสาเหตุที่ทีมของเขาไม่ชนะนั้นไม่ใช่เพราะรูปภาพดีสู้กับรูปภาพของทีมอื่นไม่ได้ แต่เป็นเพราะตัวเมนเทอร์หมูเอง ที่ได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์สมาร์ทโฟนคู่แข่ง !!
สิ้นประโยคนั้นก็เป็นเหมือนการทิ้งระเบิดลูกใหญ่โยนบึ้มไปที่ฝั่งของกรรมการผู้ตัดสินทันที โดยรายการก็ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทิ้งไว้เป็นกระแสราวกับนี่ล่ะคือ “ดราม่า” ที่ตั้งใจจะขายในตอนนี้
เมื่อย้อนมองกลับไปในเฟรนไชส์ The Face ทั้งหมดที่ผ่านมา มักจะมีดราม่ารุนแรงระหว่างเมนเทอร์ด้วยกันเอง, เมนเทอร์กับผู้เข้าแข่งขัน หรือกระทั่งผู้เข้าแข่งขันด้วยกันเอง ที่มาพร้อมกับความกังขาในผลการตัดสินอยู่เสมอ แต่ซีซั่นนี้ยกระดับไปอีกขั้นด้วยการแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งกันของเมนเทอร์และผลตัดสิน โดยคนที่ต้องรับกรรมถูกตัดสินชะตาชีวิต (ในรายการ) ก็คือเหล่าผู้เข้าแข่งขัน ที่ถูกผลักให้รับบทมิตรภาพ ความเป็นทีมแทน
“ชีวิตมันไม่ยุติธรรมอยู่แล้ว” เพราะในการทำงานไม่ว่าคุณจะทุ่มเทหรือทำเต็มที่ขนาดไหน
ถ้าคุณไม่สามารถตอบโจทย์ในด้านการขายแล้ว คุณก็ไม่ใช่คนที่ถูกเลือกอยู่ดี…
ความเสี่ยงของรายการบนดราม่าใหม่
แน่นอนว่ามันคือความแปลกใหม่และชวนให้เห็นถึงข้อเท็จจริงในสังคมการทำงาน แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันค่อนข้างเป็นก้าวย่างที่เสี่ยงไม่น้อย ของ The Face Men Thailand Season 2
สาเหตุที่ดราม่ามันกลายเป็นความเสี่ยง เพราะการนำเสนอภาพความไม่ยุติธรรมในการตัดสินของลูกค้า ที่เป็นแบรนด์สินค้าผู้ให้การสนับสนุนรายการ ค่อนข้างสร้างภาพในแง่ลบให้กับแบรนด์อยู่พอสมควร สังเกตได้จากคอมเมนท์ของผู้ชมที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเผ็ดร้อน ต้องมาจับตาดูกันต่อไปว่า The Face จะใช้ประเด็นเรื่องความ “ยุติธรรม” มาเป็นดราม่าของรายการต่อไป หรือจะมีงัดไม้เด็ดที่ยังไม่มีใครรู้มาใช้หรือไม่?
ก่อนจากกันไปวันนี้เราขอยกประโยคเด็ดของทั้ง เมนเทอร์หมู และเมนเทอร์ลูกเกดพูดเอาไว้ ชวนให้เตือนสติและใช้ชีวิตอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงว่า “ชีวิตมันไม่ยุติธรรมอยู่แล้ว” เพราะในการทำงานไม่ว่าคุณจะทุ่มเทหรือทำเต็มที่ขนาดไหน ถ้าคุณไม่สามารถตอบโจทย์ในด้านการขายแล้ว คุณก็ไม่ใช่คนที่ถูกเลือกอยู่ดี…
XOXO
Copyright© Bsite.In
ABOUT THE AUTHOR
DiamondP
คนอยากเขียน กับความสนใจเยอะแยะ และเราเชื่อว่า คนทุกคนเท่าเทียมกัน