- Entertainment
Christmas x Netflix หนังเด็ดคริสต์มาสคัดมาให้แล้ว…ไปดูกัน!!!
By JellyKiller • on Dec 25, 2019 • 10,143 Views
Merry X’mas Ho Ho Ho วันคริสต์มาสทั้งทีแต่สาวโสดอย่างเราดันไม่มีเดทที่ไหนแฮะ แต่ไม่เป็นไรเนอะกลับบ้านไปเปิด Netflix ดูหนังคนเดียวหรือจะดูกับครอบครัวก็ได้ นี่มันวันคริสต์มาสทั้งทีนิเนอะ เปิดหัวมาขนาดนี้ละคอนเทนต์คงหนีไม่พ้นเกี่ยวกับหนังล้วนๆ แหละค่ะ แต่เป็นหนังที่คัดมาแล้วนะ คือดูเองจริงๆ ทุกเรื่อง ขอย้ำว่าทุกเรื่อง ฮ่าๆ ประเด็นคือ ไอเราก็บ้าเนอะช่วงนี้เปลี่ยวหรือยังไง ดูแต่หนังที่เกี่ยวกับคริสต์มาสจนเอามาเขียนเป็นคอนเทนต์ได้เลยอะ (ดูออกแหละเนอะว่าเหงา ฮ่าๆ) อะๆ พอก่อนเดี๋ยวจะมีแต่น้ำ เข้าเรื่องกันเลยโน๊ะ
คำเตือนรีวิวนี้อาจมีเผลอสปอยออกมาบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง และถึงมากที่สุดบวกอินเนอร์ล้วนๆ โปรดใช้วิจารญาณในการอ่านเด้อค่ะ
A Christmas Prince ขอบอกเลยว่าเรื่องนี้มีทั้งหมด 3 ภาคใน Netflix ซึ่งเนื้อเรื่องต่อกันและใช้ตัวละครชุดเดิม แนะนำให้ดูยาวๆ ไปเลยดีกว่า ในส่วนของภาคแรกเปิดเรื่องมาก็ฟิลแบบนักข่าวสาวชื่อแอมเบอร์ซึ่งเป็นนางเอกในเรื่องต้องไปทำข่าว gossip เกี่ยวกับเจ้าชายริชาร์ดพระเอกในเรื่อง ซึ่งภาพลักษณ์เจ้าชายออกไปทาง bad boy เบาๆ บก.ก็ส่งนางเอกไปทำข่าวกรุบกริบ แต่เรื่องมีอยู่ว่านางเอกดันจับพลัดจับผลูได้เป็นครูสอนพิเศษของเจ้าหญิงเอมิลี่ซึ่งเป็นน้องของพระเอกในเรื่อง ระหว่างที่เนียนสอนเจ้าหญิง นางเอกขอเราก็แอบเก็บข้อมูลเจ้าชายไปเรื่อยๆ เก็บไปเก็บมาก็เห็นมุมดีๆ ที่แตกต่างจากข่าวจนเผลอหลงรักเจ้าชายเข้าให้ แต่เรื่องก็ไม่จบง่ายๆ หรอกนะเพราะมันมีอุปสรรครออยู่ เกิดการแย่งชิงเก้าอี้ตำแหน่งพระราชาจากไซมอนรัชทายาทลำดับที่สอง แล้วใครจะได้เป็นพระราชา แล้วนางเอกเข้าไปมีส่วนร่วมได้ยังไง แต่จะเป็นอะไรนั้นไปดูกันเองดีกว่าถ้าให้เล่ามากกว่านี้ก็จะจบเรื่องละเนอะ แต่แถมให้อีกหน่อยพอนางเอกทำ mission เสร็จนางก็กลับไปที่บ้านของนางแล้วก็ไม่ได้เจอเจ้าชายอีกเลยจนกระทั่ง…เดาเอาเองเนอะ ฮ่าๆ
ความประทับใจของภาคนี้คงเป็นพวกโปรดักชั่นท่ามกลางหิมะขาวโพลน (ซึ่งโปรดักชั่นนี้จะอยู่กับเราทั้ง 3 ภาค) บวกกับปราสาทสุดหรูเว่อร์วังอลังการในเรื่อง คือทำออกมาให้ดูแล้วรู้สึกเหมือนเราอยู่ในหิมะทั้งๆ ที่บ้านเรานั้นร้อนเหมือนดั่งปลูกบ้านไว้บนปากภูเขาไฟ ฮ่าๆ
A Christmas Prince the Royal Wedding แหมแค่ชื่อก็เดาออกแล้วเนอะว่าตอนจบของภาคหนึ่งเป็นยังไง ภาคนี้เปิดมาก็เป็นการโชว์ความหวานแหว๋วของคู่พระนางหลังที่ได้เปิดตัวคบหาดูใจกันจนเตรียมตัวที่จะเข้าสู่พิธีอภิเษกสมรส แต่จะให้แต่งงานกันง่ายๆ เดี๋ยวหนังก็จะดูจืดเกินไป ในส่วนของภาค 2 นั้นก็ได้เพิ่มตัวละครใหม่เข้ามาเพื่อสร้างสีสันด้วยนะ แต่หลังจากที่นางเอกตอบตกลงแต่งงาน นางเอกก็ต้องเข้าวังด้วยความที่เป็นสามัญชน (นอกภาพออกใช้ไหมว่ามันจะมีความอึดอัดอะไรบ้างอย่าง) ฉะนั้นการปรับตัวให้เข้ากับวังก็เป็นเรื่องยาก ไหนจะขั้นตอนประเพณีต่างๆ เอย กฎข้อห้ามที่ต้องทำตามเอย นางเอกของเราก็เริ่มอึดอัดขึ้นมาซะอย่างนั้น แล้วไหนจะมีเรื่องการฉ้อโกงที่เกิดขึ้นในประเทศอีก (เรื่องการโกงกินมันก็มีกันทุกประเทศจริงๆ แหละเนอะ ประชาชนก็เดือดร้อนตามมาเหมือนที่เรากำลังเผชิญกันอยู่) ภาคนี้ไซมอนก็ได้ครั้งมาอีกครั้ง แต่กลับมาด้วยความคลุมเครือ ไม่รู้จะมาดีหรือมาร้าย เพราะภาคที่แล้วก็แผลงฤทธิ์ไว้เยอะ มาดูกันว่านางเอกขอเรานั้นช่วยประเทศให้รอดพ้นจากการโก้งได้หรือไม่ แล้วนางเอกจะทนกับกฎต่างๆ ของวังแล้วได้แต่งงานกับเจ้าชายหรือเปล่า
ภาคนี้ประทับความเป็นตัวของตัวเองในนางเอกมาก นางไม่ยอมทนกับการจัดการของราชสำนักนางขอยืดแนวทางของนางที่จะเขียนทุกเรื่องราวอัพเดทลงในบล็อคข่าว แล้วไหนจะการ Keep look ใส่ sneakers ในทุกชุดแม้กระทั้งชุดที่สำคัญที่สุดก็ตาม และภาคนี้เจ้าหญิงเอมิลี่ของเรานั้นเหมือนกำลังจะปิ๊งใครบางคนอยู่ด้วยแหละลองไปดูเอาเองนะว่าจะเป็นใคร
A Christmas Prince the Baby เหมือนเดิมเลยแค่ชื่อเรื่องก็เดาออกอีกละเนอะว่าภาคที่แล้วตอนจบเป็นยังไง ภาคนี้ถึงได้มี Baby ได้ ใช่ค่ะ! เค้าได้แต่งงานกันจนมีลูก แต่พอมีลูกแล้วก็ใช่ว่าเบบี้ตัวน้อยจะได้ออกมาง่ายๆ เพราะภาคนี้เล่าถึงการเซ็นสัญญาสงบสงครามของสองประเทศที่ต้องมาร่วมลงนามเซ็นสัญญากันในทุกๆ 100 ปี และรอบนี้ก็ถึงวาระที่ต้องเซ็นสัญญาอีกครั้ง แต่เจ้าตัวสัญญาดันมีคนขโมยไปก่อนพิธีจะเริ่ม ซึ่งตัวสัญญามีคำสาปจากแม่มดในอดีตว่าถ้าหากไม่ได้เซ็นสัญญาก่อนวันคริสต์มาสอีฟ รัชทายาทองค์ต่อไปจะเกิดอันเป็นไป ซึ่งรัชทายาทก็คือเบบี้ในท้องของนางเอกนั้นเอง ภาคนี้คุณจะประทับใจถึงจิตวิญญาณความเป็นแม่ของนางเอกที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อความปลอดภัยของเบบี้ ถึงแม้สถานการณ์จะไม่สู้ดี วันคริสต์มาสอีฟก็ใกล้เข้ามาทุกที แต่นางเอกของเรานั้นก็ยืนยันที่จะจัดงาน Baby shower เพื่อต้อนรับองค์รัชทายาท ท่ามกลางการค้นหาสัญญาที่หายไป และนางเอกก็ได้เจ็บท้องเหมือนจะคลอดก่อนกำหนดซึ่งอยู่ในช่วงรอยต่อของวันคริสต์มาสอีฟ แต่ก็ยังคลอดไม่ได้เพราะสัญญาก็ยังหาไม่เจอ แล้วหมอทำคลอดก็ดัดมาเกิดอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง เจ้าชายริชาร์ดจะช่วยหมอได้ทันมั้ย แล้วสัญญาจะได้เซ็นทันมั้ยต้องติดตามในภาคนี้
ภาคนี้ประทับเจ้าชายริชาร์ดกับฉากขี้ม้าไปช่วยคุณหมอมากกกก (คนอะไรทำเวลาขี่ม้าแล้วเท่จัง) และฉากที่เจ้าชายพยายามประกอบเตียงของเบบี้ด้วยตัวเอง คือความเจ้าชายอะทำอะไรเล็กน้อยพวกนี้ไม่เป็นมันดูน่ารักมุ้งมิ้งยังไงก็ไม่รู้
The Princess Switch ยังหนีไม่พ้นกับแนวเจ้าหญิงเจ้าชาย (ออกดูแหละว่ามาสายเจ้าหญิง) แต่เรื่องนี้จะเด่นที่นางเอกสลับตัวกัน ซึ่งตัวสเตซี่เป็นนักอบขนมฝีมือดีจากอเมริกา และเลดี้มาร์กาเร็ตเป็นเจ้าหญิงที่กำลังเตรียมตัวเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เรื่องของเรื่องก็คือเควินได้ส่งชื่อสเตซี่เข้าประกวดการแข่งขันอบขนมคริสต์มาสนานาชาติที่จัดขึ้นในประเทศเบลกราเลีย ตัวสเตซี่เองปฎิเสธที่จะเข้าร่วมงานประกวด แต่ดันไปเจอแฟนเก่ามากับผู้หญิงคนอื่นเลยต้องจำใจบินมาประกวดซะอย่างนั้น แล้วเรื่องมันก็เกิดขึ้นเมื่อสเตซี่กับเลดี้มาร์กาเร็ตมาบังเอิญเจอกัน จนเลดี้มาร์กาเร็ตขอร้องสเตซี่ให้มาสลับตัวกันจนกว่าจะถึงงานอภิเษกสมรสและวันนั้นก็ตรงกับวันที่สเตซี่ต้องเข้าประกวดอบขนมพอดี
ความน่ารักมันอยู่ที่ทั้งตัวสเตซี่และเลดี้มาร์กาเร็ตพอสลับตัวกันแล้วต่างก็สร้างความประทับใจให้ทั้งเจ้าชายและเควินแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สเตซี่ในคราบเจ้าหญิงได้ทำให้เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดเปิดใจและสนใจในตัวเธอขึ้นมา เมื่อบรรยากาศเปลี่ยนไปเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดนั้นก็อยากเข้าพิธีอภิเษกสมรสด้วยความเต็มใจมากกว่าการทำเพื่อหน้าที่ ส่วนทางเลดี้มาร์กาเร็ตก็ได้ทำให้เควินหวั่นไหวขึ้นมา แต่สเตซี่กับเควินเป็นเพื่อนกันมา 10 ปี เควินจึงบอกตัวเองว่ามันไม่มีอะไร มันเป็นไปไม่ได้
ทั้งสเตซี่และเลดี้มาร์กาเร็ตก็เริ่มรู้ใจตัวเองแล้วล่ะว่าเริ่มมีใจ แต่ด้วยความที่ต้องทำตามสัญญา มาสลับตัวกันก่อนถึงวันงาน คราวนี้สเตซี่ของเรานั้นต้องรีบกลับมาเข้าร่วมงานประกวดอบขนม และเลดี้มาร์กาเร็ตก็กลับเข้าวัง ทั้งคู่จะสลับความรักให้ลงตัวได้หรือไม่นั้นต้องไปดูเองนะคะ
ความประทับใจเรื่องนี้ ขอบอกเลยว่าทางเรานั้นได้เทใจให้เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดเป็นพิเศษด้วยความที่หลงรักสเตซี่ไปแล้วเจ้าชายของเรานั้นก็ไม่สนใจอะไรใดๆ แม้สเตซี่จะเป็นสามัญชน ต่อให้เจ้าชายนั้นรู้ความจริงแล้วก็ขอบุกไม่ถอยถูกใจอิช้อยนัก
The Knight Before Christmas เรื่องนี้ก็หลุดจากความเจ้าหญิงเจ้าชายมาละ แต่มาเจอความทะลุมิติจากอดีตมาปัจจุบัน เรื่องนี้พระเอกข้ามมิติมาได้จากการที่เจอหญิงชราในป่าลึกลับ โดยที่หญิงชราบอกให้มาทำภารกิจก่อนวันคริสต์มาสอีฟถ้าทำภารกิจไม่สำเร็จก็จะไม่ได้กลับมาอีก นึกภาพตามด้วยความที่ทหารจากยุคกลางได้หลุดมาสู่ยุคปัจจุบัน แล้วก็มาเจอกับนางเอก ซึ่งนางเอกขับรถชนพระเอกจนคิดว่าพระเอกความจำเสื่อมเพราะพูดจาไม่รู้เรื่อง แต่พระเอกของเรานั้นปกติดีจ้า เพียงแต่ที่พูดไม่รู้เรื่องก็เพราะหลุดออกมาจากอดีตยังไงล่ะ เรื่องนี้ความฮาจะอยู่ที่พระเอกล้วนๆ เลย เพราะพระเอกของเรานั้นจะพ่นคำศัพท์โบราณออกมาเรียกเสียงฮาเป็นระยะๆ แล้วไหนจะความตื่นเต้นกับเทคโนโลยียุคใหม่ การเอามุกคุยกับลำโพงอัจฉริยะมาเล่นบวกกับการหลงไหลกล่องวิเศษของพระเอก (กล่องวิเศษก็คือสมาร์ททีวีที่พระเอกติดจนนั่งดูได้ถึงเช้า) เป็นพล็อตเรื่องเดิมๆ แต่ด้วยความที่หยิบมุกน่ารักๆ เข้ามาเล่นเลยทำให้หนังเรื่องนี้น่าดูขึ้นมาทันที และบวกอานิสงส์รูปร่างหน้าตาของพระเอกก็แซ่บได้ใจอีกด้วย ขอบอกเลยว่าฉากที่พระเอกถอดเสื้อนั้นเตรียมกรีสกันได้เลย 55555
A Cinderella Story Christmas Wish เรื่องนี้หยุดจากเจ้าหญิงเจ้าชาย หลุดจากอดีตใดๆ เข้าสู่ยุคปัจจุบันที่แท้ทรู เป็นเรื่องราวของนางเอกที่ใช้ชีวิตอยู่กับแม่เลี้ยงและพี่สาวอีกสองคน พร็อตเรื่องคุ้นๆ เหมือนซินเดอเรลล่า เรื่องนี้เค้าก็ได้กลิ่นอายความเป็นซินเดอเรลล่ามาเบาๆ ในเรื่องหลังจากที่พ่อของนางเอกเสีย นางเอกต้องอยู่กับแม่เลี้ยงและพี่สาว ตามบทนางเอกก็โดนกลั่งแก้สารพัดจนนางเอกของเรานั้นได้มีมีมเด็ดแม่สาวสตาบัคที่เป็นขี้ปากของคนทั้งโรงเรียน ด้วยความพร็อตแบบซินเดอเรลล่านางเอกก็ได้มาเจอกับพระเอกสุดหล่อพ่อรวยที่ปลอมตัวมาทำงานพิเศษเป็นซานตาคลอส และนางเอกก็ทำงานเป็นเอลฟ์ ทั้งสองตกหลุมรักกันตามสเต็ป แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้นเมื่อแม่เลี้ยงและพี่สาวสวมรอยเอาซื้อนางเอกมาใช้เข้างานปาร์ตี้เพื่อหลอกพ่อพระเอกเพื่อหวังผลประโยชน์ (พ่อพระเอกกับพ่อนางเอกเป็นเพื่อน) เรื่องนี้จุดเด่นจะเป็นฟิลแบบร้องเพลงประกอบ แต่ไม่ได้ร้องทั้งเรื่องนะ ร้องเพลงแค่บางฉากพอให้ดูกันเพลินๆ และความหล่อของพระเอกคือสู้ตายอะ หล่อแบบต้องมองตาเยิ้มจริงๆ แนะนำเลยเด้อ
The Christmas Chronicles เป็นเรื่องที่ทำให้เพ้อมากๆ เพ้อแบบความหวังเล็กๆ ของเด็กประถมว่าซานตาคลอสมาจริงๆ นะ พอตื่นมาในเช้าของวันที่ 25 ธันวาคม แล้วเราจะได้ของขวัญที่หวังไว้ เรื่องราวเกิดขึ้นจากสองพี่น้องที่ไม่ลงรอยกันมาอัดคลิปดักซานตาคลอสว่ามีจริงไหม แต่ปรากฎว่าทั้งได้เจอซานตาคลอสจริงๆ แต่ไม่ได้เจอเปล่าๆ นะ ด้วยอยากรู้อยากเห็นบวกกับการถ่ายคลิป สองพี่น้องแอบขึ้นรถเลื่อนจนเกิดอุบัติเหตุถุงของขวัญหายปลิวหาย หมวกวิเศษของซานตาคลอสก็ปลิวหายไปพร้อมกับฝูงกวางเรนเดียร์ทั้ง 8 ตัวที่เตลิดหนีไป จนรถเลื่อนได้ตกลงมาจนพัง ซานตาคลอสต้องทำภารกิจส่งของขวัญให้สำเร็จก่อนเช้า แต่ความชุลมุนได้เกิดขึ้นเมื่อซานตาคลอสถูกตำรวจไล่จับ และความมันส์จะอยู่ที่ฉากนี้เมื่อซานตาคลอสขับรถหนีตำรวจไปทั่วเมืองนี่ได้ฟิลเหมือนดู fast and furious เลย หนังเรื่องนี้คุณจะได้เห็นตำรวจจับซานตาคลอสเข้าคุก ได้เห็นฝูงเอลฟ์ ได้เห็นห้องของขวัญที่ซานตาคลอสต้องเอาไปส่ง และเห็นจดหมายของเด็กจากทั่วทุกมุมโลกส่งถึงซานตาคลอส มันจะทำให้คุณได้เติมเต็มฝันในวันเด็กว่าซานตาคลอสมีอยู่จริง ตำนานที่เล่าขานกันมามันมีจริงๆ จนอยากเขียนจดหมายถึงซานตาคลอสซะเดี๋ยวนี้เลย เผื่อเราจะได้ของขวัญกับเค้าบ้างเนอะ
Klaus มหัศจรรย์ตำนานคริสต์มาส เรื่องนี้ก็ได้ตอกย้ำราอีกครั้งว่าตำนานมันมีจริงๆ แต่เรื่องนี้เป็นการ์ตูนอนิเมชั่นที่ภาพสวยดูเพลิน ฟิลภาพเป็นหิมะเหมาะกับฤดูหนาวแต่พอดูแล้วคุณจะได้ความอบอุ่นกลับมา มันเป็นหนังดี Feel Good เลยก็ว่าได้ เป็นเรื่องของเจสเปอร์ลูกชายคนเดียวของตระกูลมหาเศรษฐีที่ทำกิจการเกี่ยวกับไปรษณีย์ แต่เจสเปอร์ดันถูกพ่อส่งไปอยู่ที่เมืองสเมียเรนส์เบิร์กที่ห่างไกลความเจริญ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องส่งจดหมายให้ได้ 6,000 ฉบับ ภายในเวลา 1 ปี แล้วจะได้กลับมาอยู่บ้านแล้วใช้ชีวิตสุขสบายตามเดิม เนื้อเรื่องได้หยิบประเด็นการใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ในสังคมเมืองมาเล่นแบบเสียดสีนิดๆ จากเมืองที่เงียบเหงาผู้คนไม่ถูกกันก็ได้เปลี่ยนไปเมื่อเจสเปอร์ได้เจอกับเคล้าส์ (ที่เปรียบเหมือนเป็นซานตาคลอสที่ใช้ชีวิตธรรมดาเหมือนคนทั่วไป) ก็เริ่มเกิดไอเดียที่จะทำให้ได้จดหมาย 6,000 ฉบับไวๆ โดยสอนให้เด็กๆ ในเมืองเขียนจดหมายถึงเคล้าส์เพื่อแลกกับของขวัญ ในขณะที่เคล้าส์ยึดมั่นในประโยคที่ว่า “การกระทำที่ปราศจากความเห็นแก่ตัวอย่างแท้จริง จุดประกายให้เกิดการทำความดีเสมอ” และด้านของแจสเปอร์ก็ได้เติบโตขึ้นและก้าวผ่านความคิดที่จะทำเพื่อตัวเอง แม้แจสเปอร์จะส่งจดหมายครบ 6,000 ฉบับ ตามเงื่อนไขของพ่อ แต่แจสเปอร์ก็เลือกที่จะกลับมาช่วยเคล้าส์ส่งของขวัญและใช้ชีวิตเป็นบุรุษไปรษณีย์อยู่ในเมืองสเมียเรนส์เบิร์กต่อไป
คืนนี้เลือกหนังดูสักเรื่องก่อนนอนรับรองฟินลืม แล้วคุณจะได้กลิ่นอายความเป็นคริสต์มาสที่แท้ทรู และการมีหนังดีๆ สักเรื่องไว้ดูก่อนนอนก็ช่วยปลอบประโลมความเหนื่อยล้าที่เจอมาตลอดทั้งวันได้ดีเช่นกัน
สุดท้ายนี้ขอจากกันด้วยประโยค “May this Christmas shine with moments of love, laughter and friendliness and may the coming year bring you contentment and joy. Have a Merry Christmas.” เรื่องมอบความสุขไว้ใจเราได้ 🙂
ABOUT THE AUTHOR
JellyKiller