- Sport
แด่กองหลังที่ดีที่สุดในทศวรรษ และยุคทองของ ลิเวอร์พูล!
By Sweeper Keeper • on Dec 03, 2019 • 1,498 Views
ไม่ต้องสืบเลยว่า ผลรางวัลบัลลงดอร์ที่ออกมาน่าจะขัดใจและค้านกับความรู้สึกของเหล่าสาวกหงส์แดงทั้งหมู่มวลอย่างแน่นอน
เพราะแฟนบอล ลิเวอร์พูล รู้ดีครับว่า นับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วเป็นต้นมาผลงานในสนามของ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค สุดยอดขนาดไหน
หลักฐานปรากฎชัดผ่านถ้วยรางวัลที่ ลิเวอร์พูล คว้ามาได้ รวมถึงผลงานในการเล่นทีมชาติ ไปจนถึงรางวัลส่วนตัวของ ฟาน ไดจ์ค ที่ก่อนหน้านี้กวาดมาแทบทุกสถาบัน
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ทุกความสำเร็จอย่างล้นหลามที่ ฟาน ไดจ์ค คว้ามา มันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาก้าวไปถึงจุดสูงสุดของรางวัลนี้ได้
แน่นอนครับว่า ทุกคนรู้สึกเสียดาย แต่อีกด้านหนึ่ง มันก็ไม่มีอะไรน่าเสียใจเลย หากเรามองว่านี่คือย่างก้าวที่เดินมาไกลมากจริงๆ ในฐานะของนักเตะกองหลังคนหนึ่ง
ย้อนกลับไปในประวิติศาสตร์ของรางวัลบัลลงดอร์ก่อนหน้านี้มีนักเตะกองหลังเพียง 9 คนเท่านั้น ที่มีชื่อหลุดเข้ามาเป็น 3 คนสุดท้าย และ ฟาน ไดจ์ค ของเราคือคนที่ 10
จิอาซินโต้ ฟาคเค็ตติ
ฟร้านซ์ เบคเค่นบราวร์เออร์
บ็อบบี้ มัวร์
ฟรังโก้ บาเรซี่
อันเดรียส เบร์เม่ห์
เปาโล มัลดินี่
มัทเธียส ซามเมอร์
โรแบร์โต้ คาร์ลอส
ฟาบิโอ คันนาวาโร่
เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค
กองหลัง 10 คนนี้ มีเพียง 3 คนเท่านั้นครับ ที่คว้าบัลลงดอร์ไปครองนั่นคือ ฟร้านซ์ เบคเค่นบราวร์เออร์ (ปี 1972, 1976), มัทเธียส ซามเมอร์ (ปี 1996) และ ฟาบิโอ คันนาวาโร่ (ปี 2006)
คันนาวาโร่ คือกองหลังคนสุดท้ายที่คว้ารางวัลนี้ได้สำเร็จเมื่อ 13 ปีแล้ว ซึ่งปัจจัยหลักอันหนึ่งที่ทำให้ คันนาวาโร่ ก้าวขึ้นไปเป็นผู้ชนะก็เพราะเขาพาทีมชาติอิตาลีคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก
หลังจากนั้นอีกสิบกว่าปี ไม่มีนักเตะกองหลังคนไหนที่สามารถเบียดตัวเองเข้าไปเป็น 3 คนสุดท้ายที่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของรางวัลบัลลังดอร์อีกเลย จนกระทั่งมาเป็น ฟาน ไดจ์ค ในปีนี้
ดังนั้น แม้จะพลาดหวังจากรางวัลบัลลงดอร์ไป แต่ส่วนตัวแล้ว เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ไม่ใช่แค่ กองหลังที่เก่งที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน อย่างที่ใครต่อใครยกย่องกันเท่านั้นครับ
แต่เขายังเป็นกองหลังที่ดีที่สุดในรอบกว่าทศวรรษที่ผ่านมาอีกด้วย!!!
อีกอย่างที่น่าจะทำให้ แฟนๆ ลิเวอร์พูล รู้สึกชื่นใจมากๆ กับทีมๆ นี้ก็คือ มีนักเตะติดในโผ 30 คนสุดท้ายของบัลลงดอร์ปีนี้ถึง 7 คนด้วยกัน ได้แก่…
เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค (อันดับ 2)
ซาดิโอ มาเน่ (อันดับ 4)
โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ (อันดับ 5)
อลิสซอน เบ็คเกอร์ (อันดับ 7 และคว้ารางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม ยาชิน โทรฟี่)
โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ (อันดับ 17)
เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (อันดับ 19)
จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม (อันดับ 26)
ซึ่งหากเราดูกันเฉพาะในอันดับท๊อป 10 จะเห็นว่า มีนักเตะ ลิเวอร์พูล ติดเข้ามาด้วยกันถึง 4 คนได้แก่ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค (อันดับ 2), ซาดิโอ มาเน่ (อันดับ 4), โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ (อันดับ 5) และ อลิสซอน เบ็คเกอร์ (อันดับ 7)
และถ้าดูกันแค่ในท็อป 5 มีผู้เล่น 3 คนเป็นนักเตะหงส์แดงนั่นคือ ฟาน ไดจ์ค (อันดับ 2), มาเน่ (อันดับ 4) และ ซาล่าห์ (อันดับ 5)
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 บาร์เซโลน่า คือทีมที่มีผู้เล่นทีมเดียวกันติดเข้ามาใน 5 อันดับแรกของบัลลงดอร์ถึง 3 คน เหมือนกับที่ ลิเวอร์พูล ทำได้ในปีนี้เป๊ะๆ
โดยนักเตะทั้ง 3 คนที่ว่าคือ ลิโอเนล เมสซี่ (อันดับ 2), หลุยส์ ซัวเรส (อันดับ 4) และ เนย์มาร์ (อันดับ 5)
อย่างที่เราทราบกันว่า ในยุคที่ 3 ประสานในแดนหน้าคือ เมสซี่, ซัวเรส และ เนย์มาร์ ช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นยุคทองช่วงหนึ่งของ บาร์เซโลน่า
และหากไม่เอาผลงานส่วนตัวกับทีมชาติมาบวกเข้าไป ในปี 2016 เมสซี่, ซัวเรส และ เนย์มาร์ คือส่วนสำคัญในการพาบาร์เซโลน่าคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในประเทศทั้ง ลาลีก้า, โคปา เด เรย์ และ สแปนิช ซูเปอร์ คัพ
ที่นี้ลองมาดูของ ลิเวอร์พูล กันบ้าง การที่มีนักเตะติดเข้ามาใน 30 คนสุดท้ายของบัลลงดอร์ปีนี้ถึง 7 คน และมีนักเตะถึง 3 คนที่ติดในอันดับท๊อป 5 แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลงานในรอบปีที่ผ่านมาที่พวกเขาช่วยกันพาสโมสรต้นสังกัดคว้าแชมป์มาแล้วสองถ้วยนั่นคือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และยูฟ่า ซูเปอร์คัพ
นอกจากนั้น ช่วงปลายเดือนธันวาคมนี้ ลิเวอร์พูล กำลังมีลุ้นคว้าแชมป์อีกหนึ่งรายการนั่นคือ ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก (หรือ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ)
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ ลิเวอร์พูล จะสามารถคว้าแชมป์ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ มาครองได้สำเร็จ รวมถึงอาจจะได้แชมป์ฟุตบอลถ้วยที่ยังอยู่ในเส้นทางทั้ง แชมป์เปี้ยนส์ ลีก, เอฟเอ คัพ, คาราบาว คัพ มาประดับสโมสรได้อีกสมัย แต่นั่นคงยังไม่สามารถทำให้เราพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า นี่ยุคทองของ ลิเวอร์พูล
จริงอยู่ครับว่า จากผลงานอันยอดเยี่ยมของทีมตลอดช่วงเกือบสองปีที่ผ่านมา นี่คือยุคที่แฟนๆ ลิเวอร์พูล เชียร์บอลกันอย่างมีความสุขมากที่สุดยุคหนึ่ง (และใช้ยาดมระหว่างเชียร์เปลืองที่สุดด้วยในหลายนัดช่วงหลังๆ 🙂
แต่ผมเชื่อว่า หลายๆ คนน่าจะคิดเหมือนกันครับว่า เราจะต้องคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีกให้ได้ก่อน ถึงจะออกไปป่าวประกาศได้อย่างเต็มภาคภูมิว่า นี่ยุคทองของ ลิเวอร์พูล
ซึ่งผมก็เชื่ออีกเช่นกันว่า หลายๆ คนน่าจะรู้สึกเหมือนกันว่า ยุคทองของ ลิเวอร์พูล มันใกล้จะมาถึงแล้ว!!!
ABOUT THE AUTHOR
Sweeper Keeper
แม้ก่อนหน้านี้จะเคยผ่านงานเขียนบทความเกี่ยวกับ หนัง และ เพลง มาพอสมควร แต่ด้วยความที่ชอบดูฟุตบอลลีกอังกฤษ และมี ลิเวอร์พูล เป็นทีมโปรดในดวงใจ เขาจึงขอโอกาสมาแบ่งปันมุมมองด้านลูกหนังให้ได้อ่านกันบ้าง