ดูท่าว่าสงครามการค้าระหว่างจีน และสหรัฐฯ จะคุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อล่าสุด ศาลจีนมีคำสั่งห้ามจำหน่าย iPhone ภายในประเทศหลายรุ่น สืบเนื่องมาจาก ข้อพิพาทเรื่องสิทธิบัตรระหว่าง Apple  บริษัทผู้ผลิตไอโฟน กับ Qualcomm (ควอลคอมม์) ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และหนึ่งในผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ของสหรัฐฯ แต่ทว่าหลายฝ่ายกลับมองว่าเป็นการตอบโต้กรณีที่สหรัฐฯ ขอเรียกตัวผู้บริหารหัวเว่ยมาสอบสวน

ศาลจีน มีคำพิพากษาตามคำร้องของฝ่ายโจทก์คือบริษัทควอลคอมม์ ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และหนึ่งในผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ของสหรัฐฯ เป็นคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเบื้องต้น 2 คำสั่ง มีผลกับบริษัทย่อยในจีน 4 แห่งของแอปเปิ้ล ให้ยุติการจำหน่ายสมาร์ทโฟน 7 รุ่น ทันที ได้แก่ iPhone 6S, iPhone 6S Plus, iPhone 7, iPhone 7 Plus, iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X

ทั้งนี้ ตามคำพิพากษาของศาลจีนระบุว่า Apple ละเมิด 2 สิทธิบัตรซอฟต์แวร์ของ Qualcomm ในเรื่องของการปรับขนาดภาพ และการจัดการแอปพลิเคชั่นบนหน้าจอระบบสัมผัส โดย Don Rosenberg ที่ปรึกษาทั่วไปของบริษัทควอลคอมม์ กล่าวว่า Apple ยังคงได้รับประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาของควอลคอมม์ ในขณะเดียวกันยังปฏิเสธที่จะจ่ายค่าชดเชยให้กับเรา คำสั่งของศาลดังกล่าวนี้เป็นการยืนยันถึงความมั่นคงของสิทธิบัตรของควอลคอมม์

ขณะที่ Apple ออกแถลงการ์ระบุว่า ความพยายามของ Qualcomm  ในการที่จะแบนผลิตภัณฑ์ของ Apple นั้นเป็นความพยายามที่สิ้นหวังของบริษัทซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และกำลังถูกตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก อย่างไรก็ตาม iPhone ที่ใช้ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ยังคงสามารถจำหน่ายในประเทศจีนได้

อย่างไรก็ตาม ทั่วโลกกลับมองว่าคำพิพากษาของศาลจีน น่าแปลกที่มีการตัดสินในช่วงนี้ ช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ กำลังร้อนระอุ ยิ่งเมื่อล่าสุด บุตรสาวผู้ก่อตั้งหัวเว่ยถูกควบคุมตัวอยู่ที่แคนาดาตามหมายของสหรัฐฯ กรณีละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน โดยที่เกมนี้มีหน้าฉากเป็นการแข่งขันกันระหว่างบริษัทเทคโนโลยีมือถือระดับโลกมิใช่ระหว่างจีนและสหรัฐฯ โดยตรง.

Source : CNN 

CNBC